บทที่ 2 อดีตอันฝังใจ
บทที่ 2 อดีตอันฝังใจ
“คะ คืนนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่ ฉันอยากให้หนูบัวทำความรู้จักกับลูกชายฉันด้วย ไม่ว่ายังไงหนูบัวก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ ลูกชายของฉันไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันทำหรอกนะ เพราะงั้นทำยังไงก็ได้ให้เขานอนกับหนูบัวให้ได้ ไม่งั้นจะถือว่าหนูบัวไม่ได้ทำตามข้อตกลงของเรา และหนี้สินของพ่อหนูบัวฉันคงจะต้องคิดดอกเบี้ยเพิ่ม”
สิ้นคำพูดของคุณนายจิตรลดา บัวบูชาก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจำยอม เพราะยังไงก่อนหน้าที่จะมายังบ้านหลังนี้เธอก็ได้เตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว ถึงแม้จะหวาดกลัวแต่บัวบูชายอมรับข้อเสนอนี้เอง เพราะงั้นจะถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
แสงสีส้มเข้มบนท้องฟ้าเริ่มถูกแทนที่ด้วยความมืด และมันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเวลาเลิกงานของนายคนใหม่แห่งไร่จิตรลดาด้วยเช่นกัน เจ้าของร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้มได้รูป ผิวติดคล้ำเพราะตากแดดจากการทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เจตนิพัทธ์ดูหล่อเหลาน้อยลงเลยสักนิด ในทางกลับกันเขาดูยิ่งหล่อเท่และเร้าใจผู้หญิงมากกว่าตอนที่ยังเป็นเด็กหนุ่มซะอีก
เจตนิพัทธ์เดินเข้ามายังห้องอาหารซึ่งมีมารดานั่งรอทานข้าวอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงเดินไปล้างไม้ล้างมือก่อนจะมานั่งทานข้าวเงียบ ๆ
คุณนายจิตรลดามองลูกชายเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยังไม่กล้าพูดออกมา และเจตนิพัทธ์รับรู้ได้ถึงอาการเหล่านั้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“มีอะไร ก็พูดมาเถอะครับ”
“คือ...อย่างนี้นะลูก หนูบัว คนที่แม่เคยบอกน่ะ เธอมาแล้วนะ หลัก ๆ ก็มาช่วยป้าชื่นทำงานบ้านที่นี่ และก็ดูแลลูกช่วงกลางคืนด้วย”
เจตนิพัทธ์ได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปทันที เขาได้ยินเรื่องนี้จากปากมารดาเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลงอะไร เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้เป็นแม่อยากจะหาผู้หญิงมาให้เขา และตลอดเวลาที่ผ่านมาเจตนิพัทธ์ก็ทำหูทวนลม ไม่เคยสนใจ และไม่คิดที่จะทำตามสิ่งที่แม่ต้องการด้วย
รวมถึงครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“ผมไม่ได้ต้องการเรื่องนั้น” ชายหนุ่มตอบกลับออกไปเสียงเรียบ เพราะเขาไม่ได้ฝักใฝ่เรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่มีอารมณ์อย่างที่ผู้ชายทุกคนควรมี แต่เจตนิพัทธ์ก็มีวิธีการจัดการของเขาเอง
อีกอย่างทุกวันนี้เขาก็ทำงานหนักจนแทบไม่เหลือเวลาจะทำอะไรอยู่แล้ว กลางดึกแค่ล้มตัวหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายตลอดเพราะความเหนื่อยล้า จะเอาเวลาไหนมาให้ผู้หญิงที่แม่หาให้อีก
“ไม่ได้นะลูก รู้ไหมว่าใคร ๆ ก็บอกว่าเจต เอ่อ ใคร ๆ ก็บอกว่าลูกไม่ได้ชอบผู้หญิง แม่เครียดมากนะ”
“แม่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนี่ครับ” เจตนิพัทธ์เองก็เคยได้ยินข่าวลือพวกนี้บ้างแต่เขาไม่เคยคิดสนใจ ทำไมจะต้องสนใจคำพูดของคนอื่นด้วย คนพวกนั้นไม่ได้สลักสำคัญต่อชีวิตเขาสักหน่อย
“แต่ลูกก็อายุปูนนี้แล้วนะ นับวันแม่เองก็ยิ่งแก่ตัวลง ขอให้แม่ได้มีบุญอุ้มหลานก่อนตายหน่อยไม่ได้รึไง”
คนเป็นแม่ตัดพ้อ ปีนี้ลูกชายก็จะอายุสามสิบห้าแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เลยสักนิด แล้วเมื่อไหร่คนเป็นแม่จะได้อุ้มหลานสักทีล่ะ
“แม่ครับ” เจตนิพัทธ์เรียกแม่เสียงอ่อนใจเมื่อเห็นท่าทางของมารดาที่ทำหน้าเศร้าลง
เขาไม่คิดอยากจะมีเมีย ไม่ได้อยากมีพันธะกับใคร ไม่ได้อยากมีความรักอีกแล้วด้วย เพราะสำหรับเจตนิพัทธ์ความรักมันไม่มีอยู่จริง แต่ก็พอจะเข้าใจเรื่องที่แม่คงกังวลว่าเขาจะไม่มีทายาทสืบทอดตระกูลเช่นกัน แต่เรื่องแบบนี้มันจะไปยากอะไร รับเด็กมาเลี้ยงสักคนก็จบแล้ว
“อีกอย่างนะลูก หนูบัวก็น่ารักดีนะ บางทีเจตอาจจะพอใจในตัวเธอก็ได้ แม่อยากให้ลูกทำความรู้จักกับเธอสักหน่อยก็ยังดี”
“แม่” ครั้งนี้น้ำเสียงคนเป็นลูกดูจะไม่พอใจขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“ไม่รู้แหละ แม่ไม่สบายใจเอามาก ๆ แม่อยากให้ลูกเข้าใจหัวอกแม่หน่อย ลองเปิดใจให้กับหนูบัวหน่อยได้ไหม แม่ไม่ได้อยากให้ลูกสร้างครอบครัวกับเธอสักหน่อย ก็แค่อยากให้ลูกกลับมาเปิดใจให้กับผู้หญิงอีกครั้งก็เท่านั้น”
เจตนิพัทธ์ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมา ความอยากอาหารหมดไป เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางหงุดหงิดใจ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของมารดา รวมถึงป้าชื่นแม่บ้านคนสนิทจับจ้องอยู่
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะครับ” เจตนิพัทธ์ไม่อยากพูดคุยอะไรกับแม่มากไปกว่านี้ เขาจึงเอ่ยบอกพร้อมกับเดินขึ้นห้องไปทันที
คุณนายจิตรลดามองตามแผ่นหลังลูกชายก็รู้สึกผิดในใจเช่นกัน แต่ในเมื่อมันมาขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แก้วน้ำที่เจตนิพัทธ์เพิ่งจะดื่มไปเมื่อครู่นั้นมันมียาปลุกเซ็กส์ผสมอยู่ คนเป็นแม่รู้ว่าความคิดของตนอาจจะผิดแปลกไปหน่อย แต่ถ้าใครไม่เป็นเธอก็คงไม่รู้หรอก ว่าการต้องทนเห็นลูกชายเป็นขี้ปากชาวบ้านแบบนี้มันหนักใจมากแค่ไหน
อีกอย่างคุณนายจิตรลดาก็ยังอยากจะอุ้มหลานก่อนตายจริง ๆ จึงวางแผนแบบนี้ขึ้นมา ถึงวันนี้บัวบูชาจะไม่ยอมรับข้อเสนอของเธอเรื่องท้อง แต่เรื่องแบบนี้หากสร้างโอกาสให้มันเกิด มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และเมื่อถึงตอนนั้นจริง ตอนที่บัวบูชาอุ้มท้องลูกของเจตนิพัทธ์ขึ้นมาจริง ๆ เธอจะตอบแทนอีกฝ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน
“ไปตามหนูบัวให้ขึ้นไปดูแลลูกฉันที่ห้องได้แล้ว” คนเป็นนายเอ่ยบอกกับคนสนิทอย่างป้าชื่น
“ค่ะคุณนาย”
ก๊อก ก๊อก
เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องบัวบูชาก็ถึงกับสะดุ้งตัว ดูเหมือนว่าเวลาที่เธอไม่อยากให้มาถึงที่สุดมันจะเดินทางมาถึงแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง พอเห็นป้าชื่นยืนอยู่หน้าห้องบัวบูชาก็เผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกกลัวปนประหม่า
“ได้เวลาแล้ว”
“ค่ะ ป้าชื่น”
บัวบูชาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้กับตนเอง ก่อนจะก้มหน้าเดินตามแม่บ้านวัยกลางคนไปยังห้องนอนของลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน
ทางด้านเจตนิพัทธ์เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ มันควรจะรู้สึกสดชื่น แต่ร่างกายเขากลับรุ่มร้อน ลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ไหนจะความต้องการเรื่องอย่างว่าที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสมองเขาแทบเบลอนี่อีก
คราวแรกเจตนิพัทธ์คล้ายจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองกันแน่ แต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงของป้าชื่น เจ้าของใบหน้าคมเข้มก็คล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
"คุณเจต ป้าชื่นเองค่ะ" คนสนิทของคุณนายจิตรลดาเอ่ยออกไปหลังเคาะประตูห้องคุณชายของเธอไปสองครั้ง
เจตนิพัทธ์เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ เขาจ้องมองป้าชื่นก่อนจะชายตามองผู้หญิงแปลกหน้าอีกคน ซึ่งเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตา
“เข้าไปสิหนูบัว” ป้าชื่นบอกคนข้าง ๆ นั่นจึงทำให้เด็กสาวเดินเข้าไปข้างในห้อง บัวบูชายังเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าจะเงยขึ้นมองเจ้าของห้องสักนิด
“นี่แม่ทำแบบนี้ทำไมครับป้าชื่น ถึงกับต้องทำแบบนี้กับผมเลยเหรอครับ”
“อย่าโทษคุณนายเลยนะคะคุณเจต คุณนายหวังดีกับคุณเจตจริง ๆ ค่ะ”
บัวบูชาไม่เข้าใจกับบทสนทนาของคนทั้งคู่นัก เธอเข้าใจแค่เพียงว่าน้ำเสียงของเจตนิพัทธ์ดูไม่พอใจที่เธอมาที่ห้องนี้เป็นมากก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังมีอารมณ์บางอย่างก่อตัวขึ้นด้วยฤทธิ์ยาที่เผลอกินไปโดยไม่รู้ตัว
ป้าชื่นพูดจบก็เดินออกไปจากหน้าห้องนอนของคุณชายของเธอทันที ทำให้ตอนนี้ในห้องกว้างมีเพียงสองหนุ่มสาวเท่านั้น บัวบูชาได้แต่ยืนก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่นอย่างคนไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือทำอะไรดี
เจตนิพัทธ์จับจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ตามที่แม่เขาสั่ง ครุ่นคิดไม่นานเจ้าของร่างสูงโปร่งก็ส่งเสียงหัวเราะคล้ายเย้ยหยันออกมา
เหตุผลก็คงไม่พ้นคำว่า 'เงินและอยากสบาย' สินะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ยอมทำทุกอย่างได้เพียงเพราะทั้งสองอย่างนี้ ต่อให้จะเป็นเรื่องไร้ยางอายอย่างการเป็นเมียเก็บของผู้ชายรวย ๆ ก็ยังยอมได้
เจตนิพัทธ์หวนนึกถึงอดีตคนรักที่สร้างแผลใจให้กับเขา ทั้งที่ตอนนั้นเขาทุ่มเทความรักให้ ซื่อสัตย์และมั่นคงกับเธอแค่เพียงคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเลือกจะสวมเขาให้กัน ยอมทอดกายให้ผู้ชายคนอื่นได้เชยเพื่อหวังสุขสบายในวันข้างหน้า ยอมเป็นเมียน้อยของผู้ชายรวย ๆ คนหนึ่ง ยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่า 'เงินทองและความสุขสบาย'
เสียงหัวเราะในลำคอของคนตรงหน้าที่ดังขึ้น ทำให้บัวบูชาเผลอเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย วินาทีที่ได้จ้องมองผู้ชายตรงหน้าเต็มสายตา เธอยอมรับว่าท่าทางของเขาดูน่าเกรงขามมากจริง ๆ แววตาของอีกฝ่ายดูดุดันจนทำให้เธอตัวแข็งทื่อขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เพราะเงินสินะ” เป็นประโยคแรกที่เจตนิพัทธ์เอ่ยพูดกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ ผู้หญิงในแบบที่เขาเกลียดที่สุด
“คะ?” บัวบูชาทำหน้าไม่เข้าใจกับคำพูดของคนตรงหน้า นั่นจึงทำให้เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งสืบเท้าเข้ามาหาเธอทันที ความตกใจมันทำให้คนตัวเล็กถอยหลังหนี แต่กลับถูกเขาคว้าแขนทั้งสองข้างไว้ไม่ให้หนีได้อีก
“จะหนีทำไม เธอต้องการแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ ทำหน้าที่ของเธอสิ” เขาว่าก่อนจะปล่อยมือออกราวกับไม่อยากจะสัมผัสร่างกายผู้หญิงตรงหน้านานอย่างไรอย่างนั้น
บัวบูชาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอตกใจและก็กลัวไม่น้อย แต่ก็อย่างที่เขาพูด เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ที่เธอฝืนใจเลือก
“ค่ะ บัวเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจแล้วก็ถอดเสื้อผ้าออก อย่ามาทำตัวเหมือนสาวน้อยอ่อนต่อโลกต่อหน้าฉัน ฉันไม่ชอบ ในเมื่อเธอกล้าตกลงทำตามข้อเสนอของแม่ฉัน เธอก็ต้องกล้าจะทำทุกอย่างให้ฉันพอใจไม่ใช่รึไง”