บทที่ 6-2ใช้อารมณ์มาก่อนเหตุผล
จินอิ๋งเจียวได้ยินดังนั้นพลันคว่ำปากค้อน นางไม่อาจยอมรับได้ว่าคนที่ตนแอบรักเทิดทูนมาทั้งชีวิตจะยอมแต่งกับสตรีหน้าหนาไร้ยางอายอย่างจ้าวรั่วถิง หากเปลี่ยนเจ้าสาวเป็นไป๋ลู่เอินแห่งเมืองโม่เป่ย นางยังพอจะทำใจได้มากกว่า เพราะหากเขายอมรับสตรีหยาบกระด้างเช่นนั้นได้ แล้วเหตุใดถึงไม่เคยเหลียวมองนางบ้าง คนอย่างจ้าวรั่วถิงนั่นมีอะไรดี ขี่ม้าออกรบก็ทำไม่ได้ ศิลปะทั้งสี่อย่างที่สตรีควรเรียนรู้ยิ่งไม่แตกฉาน ไม่ว่าด้านใดล้วนไม่อาจเทียบทั้งนางและไป๋ลู่เอิน
จินซื่อนับว่าผ่านประสบการณ์และผู้คนมามาก เกลือที่นางเอาเข้าปากยังมากกว่าข้าวที่เด็กสาวด้านข้างกินด้วยซ้ำ เพียงแค่ปรายตามองย่อมรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคับข้องใจ แต่เรื่องนี้เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว จินอิ๋งเจียวไม่ควรทิ้งความสาวไปกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
“อาเจียวฟังป้าสักคำเถอะ” นางกุมมือเด็กสาวมาแล้วเอ่ยอย่างจริงใจ “ป้ารู้ว่าเจ้ารู้จักหลงหลินดีพอ เขาเป็นคนทำตามเหตุผลก่อนใช้อารมณ์เสมอ หลายปีที่ผ่านมาเจ้าเคยเห็นเขาใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาหรือไม่ คนที่จะสามารถกระทุ้งหัวใจเขาได้ย่อมต้องเป็นคนที่ทำให้เขาละทิ้งเหตุผลทั้งหลายอย่างง่ายดายแล้วใช้อารมณ์ตามอำเภอใจ”
ใช่...นางไม่เคยเห็นเสิ่นเลี่ยงหรงใช้อารมณ์กับสตรีคนไหนนอกจากจ้าวรั่วถิง เดิมทีนางยังคิดว่าเป็นเพราะเขารำคาญอีกฝ่ายมาก ทุกครั้งที่เห็นเขาแสดงออกเช่นนั้นจึงลอบพึงพอใจ
จินอิ๋งเจียวพลันบีบมือผู้เป็นป้าแน่นโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นเลี่ยงหรงเรียกตัวที่ปรึกษาและเสนาธิการหลายคนเข้ามาหารือเรื่องการรับมือกับทหารชาวตีตลอดทั้งบ่าย กว่าจะกลับถึงเรือนประจิม พระอาทิตย์ก็ลับชายไม้ แสงโคมไฟลอดออกมาจากหน้าต่าง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทว่าบรรยากาศรอบด้านกลับคล้ายจะมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเก่า ภายใต้ผืนนภาเวิ้งว้างสีคราม ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ห่างจากเรือนแล้วมองเข้าไป เห็นความเคลื่อนไหวจากด้านในรางๆ ในหูคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะแว่วหวานปานนกขมิ้น เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าชีวิตนี้จะได้แต่งกับนาง เด็กน้อยที่เคยเดินตามหลังเมื่อหลายปีก่อน
“ท่านโหวกลับมาแล้ว” แม่นมฟางเป็นฝ่ายเปิดประตูเรือนออกมาพบชายหนุ่ม “นายหญิงกำลังรอท่านรับอาหารเย็นอยู่ด้านในเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปในเรือนทันที ไม่คิดว่าจ้าวรั่วถิงจะได้ยินเสียงแม่นมจึงเดินออกมารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เพราะต้องไปคารวะน้ำชาแม่สามีเมื่อเช้า หญิงสาวจึงสวมชุดพิธีการหลายชั้น ครั้นกลับมาถึงเรือนพักจึงเปลี่ยนเป็นชุดผ้าไหมเนื้อบางเนื่องจากย่างเข้าวสันตฤดูแล้ว อีกทั้งในเรือนยังมีเตามังกร19 อากาศจึงอุ่นสบาย ที่ผ่านมาแม้เสิ่นเลี่ยงหรงจะพบปะกับหญิงสาวไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งนางจะแต่งตัวด้วยชุดตัวหนาเนื่องจากซีเป่ยเป็นเมืองบนที่สูง อากาศจึงค่อนข้างหนาวเย็นตลอดทั้งปี มาวันนี้ได้เห็นนางสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ค่อนข้างแนบไปกับรูปร่าง เผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งอย่างเลือนราง ภาพความสนิทชิดใกล้ในคืนนั้นพลันย้อนกลับคืนมา
“ท่านพี่...”
“ข้าจะอาบน้ำ...เย็น” เสิ่นเลี่ยงหรงก้าวผ่านเรือนร่างอ้อนแอ้นแบบบางโดยไม่เหลือบมองซ้ำสอง
จ้าวรั่วถิงกะพริบตาปริบๆ เริ่มคิดว่า สามีของนางนี้ช่างมีเรื่องที่ปรนนิบัติได้ยากเพิ่มขึ้นทุกวัน ระหว่างยืนฟังเขาสาดน้ำเสียงดังซ่าๆ ก็เป็นธุระจัดการให้บ่าวไพร่ตั้งสำรับ และไม่ลืมเตรียมชุดไว้ให้ เมื่อเห็นว่าสาวใช้จัดการเรียบร้อยค่อยโบกมือไล่ แล้วสาวเท้าไปรอปรนนิบัติสามีอยู่หลังฉากกั้น
เสิ่นเลี่ยงหรงสาดน้ำเย็นจนความรู้สึกร้อนรุ่มเมื่อครู่เบาบางลงมากจึงค่อยย่างเท้าออกมา ไม่คาดว่าคนที่ตนไม่อยากพบหน้าจะยืนคอยอยู่ด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นลักยิ้มน่ารักข้างแก้ม
“ให้ข้าช่วย...”
“ไม่ต้อง” เขารับเสื้อผ้าจากมือนางเกือบเป็นกระชาก ก่อนหันกลับเข้าไปแต่งตัวหลังฉากกั้น
จ้าวรั่วถิงถูกทิ้งได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง รอจนกระทั่งเขากลับออกมา นางก็ไปนั่งรอปรนนิบัติอยู่หลังโต๊ะอาหารด้วยท่าทางเรียบร้อย ท่านโหวหนุ่มไม่ปรายตามองภรรยาด้วยซ้ำ ยามกินไม่พูดจา หญิงสาวจึงทำได้เพียงจดจ้องแผ่นหลังงามสง่าของผู้เป็นสามี
ชายหนุ่มรับประทานอาหารค่อนข้างไวตามวิสัยของคนที่อยู่ในกองทัพ แม้เอ่ยว่าตนคือคนเลี้ยงม้าต้อยต่ำ ทว่าท่วงท่าของเขากลับถอดแบบฉบับมาตามชนชั้นสูง การเคลื่อนไหวจึงดูสุภาพเปี่ยมมารยาท รวมกับรูปร่างสูงใหญ่สง่าผ่าเผย นับว่าเป็นภาพเจริญตาน่าดูชม
อาจเพราะมองเพลินจนเกินไป จ้าวรั่วถิงจึงพลาดจังหวะที่จะรินชาส่งให้ นางยังคิดว่าคงต้องถูกเขาเหน็บแนมสักสองสามคำ ไม่คาดว่าอีกฝ่ายกลับเดินไปหยิบตำราพิชัยสงครามตรงไปยังตั่งสำหรับเอนกายพักผ่อน
ท่าทางของเขาผิดปกติกว่าทุกวัน จ้าวรั่วถิงจึงไม่กล้าเชือนแช รีบกินอาหารค่ำง่ายๆ แล้วไปยืนคอยรับใช้อยู่ด้านข้าง เขาอ่านตำรานานเท่าไร นางก็ยืนรอจนขาแข็งนานเท่านั้น นานๆ ทีจึงจะรินชาส่งให้ เขารับไปจิบแล้วไม่เอ่ยอันใด คอยจนกระทั่งขาของนางใกล้จะเป็นหินอยู่รอมร่อ ผู้เป็นสามีค่อยปิดตำราก้าวนำไปยังเตียงใหญ่
หญิงสาวผู้ได้รับการอภัยโทษค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ แอบนวดแข้งขาแล้วค่อยเดินไปดับเทียน
“พรุ่งนี้ข้าจะไปค่ายนอกเมือง” คนบนเตียงเอ่ยทั้งๆ ที่ปิดเปลือกตา
จ้าวรั่วถิงมิได้ตอบรับ เพราะนางต้องพบกับปัญหาเก่า...เขานอนด้านนอกอีกแล้ว
หญิงสาวกลั้นลมหายใจ ค่อยๆ ปีนขึ้นเตียง ด้วยเกรงว่าจะแสดงกิริยาหยาบกระด้างให้เขาได้ค่อนขอด จึงต้องเล็งตำแหน่งมั่นเหมาะแล้วคลานเข่าข้ามอีกฝ่ายไปช้าๆ
เสิ่นเลี่ยงหรงที่นอนนิ่งมาตลอดพลันเปิดเปลือกตา เบื้องหน้าคือเรือนร่างอรชรต้องแสงโคมที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา เผยให้ความงามกึ่งเปิดกึ่งซ่อนเร้น เส้นผมนุ่มสลวยดั่งเส้นไหมทิ้งตัวลงดั่งสายน้ำ ระผ่านหลังมือของเขาแล้วทิ้งความรู้สึกดั่งถูกฝูงมดไต่ จั๊กจี้ไปถึงหัวใจ ผสานกับกลิ่นดอกท้อหอมจรุงกำจายจากกายนางชวนให้ทั่วร่างของเขาสั่นสะท้าน ชายหนุ่มได้แต่กดข่มความรู้สึกร้อนรุ่มที่กำลังแผ่ซ่านจากเบื้องล่าง รอกระทั่งนางหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจึงกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง
นี่จึงเป็นอีกคืนที่สาวใช้ได้เห็นท่านโหวต้องระเห็จไปนอนที่ห้องหนังสืออีกครา ทว่าคนที่นอนอยู่ร่วมเตียงกลับไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย