บทที่ 5
“อุ๊ย!” เยว่หมิงอันอุทานมาอีก
“มาถามอะไรกันตรงนี้เจ้าคะ ดูเอาเถิด ฮูหยินคนใหม่อย่างหลี่เซวียนอี้ตีสีหน้าไม่ถูกเสียแล้ว”
คำทักท้วงของเยว่หมิงอันกึ่งสัพยอกขันๆ ทำให้เจาจ้าวหลงได้คิดรีบเอ่ยขอตัวรวดเร็ว ก่อนโอบไหล่บางของฮูหยินพาเดินออกประตูโดยไว
แขนแข็งแรงที่โอบรอบหลัง ซึ่งเคยให้ความอบอุ่น หากบัดนี้กลับทำหลี่เซวียนอี้รู้สึกหนาวยะเยือก
เจาจ้าวหลงไม่พูดสิ่งใดเลย ตลอดทางที่เดินไปจุดจอดรอของรถม้าด้วยกัน กระทั่งถึงยามที่เข้าไปนั่งด้านในจึงได้หันมามองหลี่เซวียนอี้ครู่หนึ่ง
ร่างสูงปล่อยให้รถม้าเคลื่อนตัวห่างจวนเจ้านายไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เคาะให้คนบังคับมาหยุดรถม้าเอาไว้ในจุดลับตาคน
“ไปรอให้ห่างจากรถม้า เสร็จธุระแล้วจะเรียก”
“เซวียนอี้” มือแข็งแรงแตะลงบนคางนาง จับให้หันมาสบตาเขา
“เยว่หมิงอันพูดจริงหรือเปล่า ที่ว่าอี้เออร์กำลังจะมีเด็ก”
หลี่เซวียนอี้มองสบตาเข้มคมอยู่ราวสิบวินาทีถึงตอบ “ไม่จริงหรอกเจ้าค่ะ”
หน้าคมสันขบกรามจนดูว่ากร้าวกระด้างนิ่วหน้านิดๆ แต่แล้วก็กลับคลายออกเป็นปกติ
หลี่เซวียนอี้คิดว่าเขาจะพูดอันใดออกมา แต่แล้วก็หันกลับไปถอนหายใจเปิดม่านออกเตรียมจะเรียกบ่าวที่ไล่ไปให้กลับมา แต่ก็จับค้างเอาไว้เช่นนั้น หลี่เซวียนอี้ลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของสามี
สีหน้าเจาจ้าวหลงเวลานี้ เป็นสีหน้าที่หลี่เซวียนอี้ไม่ค่อยจะคุ้น เพราะเต็มไปด้วยแววหมกมุ่นคล้ายมีเรื่องใหญ่ยิ่งให้ต้องคิด หรืออาจกำลังตีปัญหาของชาวบ้านมากกว่าร้อยครัวเรือนอยู่ในหัว
ถึงกระนั้น ก็ยังเป็นเสี้ยวหน้าที่ชวนมอง เป็นใบหน้าของผู้ชายมากเสน่ห์ ที่ผู้หญิงแทบทุกคนคงพร้อมจะสยบอยู่แทบเท้า เพียงแต่เขาจะแสดงไมตรีด้วยแม้เพียงสักนิดก็พร้อมทอดกายให้
นางเองก็ไม่ได้ต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น เพราะขนาดว่าไม่ได้ตั้งใจ นางก็ยังเผลอไผลหล่นโครมลงไปในหลุมรักที่เขาขุดล่อด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของบุรุษเพศ
เมื่อแรกรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับเขาแทนที่จะเป็นบุตรชายที่อายุไม่แตกต่างกันมาก หลี่เซวียนอี้ทั้งหวาดทั้งกลัวแม้ว่ามีความตื่นเต้นแทรกอยู่ลึกๆ
นางบอกตัวเองว่า ไม่มีทางเลือก เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้แทนคุณบิดาที่ให้การเลี้ยงดูนางมาอย่างดี และรักนางอย่างสม่ำเสมอ
นางมองเห็นเส้นทางในอนาคตไม่ชัดเจนนัก เพราะเป็นการแต่งงานที่นางเองไม่ได้รักว่าที่เจ้าบ่าว เพียงแต่ชอบเขามากก็เท่านั้น
แต่หลังจากนางเป็นฮูหยินของเขา ใช้ชีวิตร่วมไม่ทันไรอนาคตที่มัวอยู่ ก็ชัดเจนขึ้น
การแต่งงานครั้งนี้ หาได้เป็นภาวะที่จะต้องจำทนแม้แต่น้อย หลังจากได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ตนมีต่อสามี นั่นก็คือ นางรักเขา อายุที่ห่างกันยี่สิบปี ไม่มีผลใดๆ ต่อความรู้สึกของนางที่มีต่อเขา
นางไม่เคยเห็นว่าเขาแก่ ถึงว่าเขาจะอายุมากกว่านางเกือบสองรอบ เขายังดูหนุ่มฉกรรจ์ และต่อให้เขามีผมขาวแซม เขาก็จะยังดูไม่แก่สำหรับนาง นั่นกลับทำให้เขาน่าหลงใหลกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
หลี่เซวียนอี้ไม่เคยรู้จักความรัก ไม่เคยมีอารมณ์หวือหวาต่อชายหนุ่มคนไหนมาก่อน เจาจ้าวหลงคือจุดเริ่มความรู้สึกทั้งหลายของตัวนาง
เขาทำให้นางได้รู้จักความสุขจากการมีสัมพันธ์ชายหญิง ทำให้นางได้รู้ว่าการแสดงออกถึงความปรารถนาในกันและกันระหว่างคู่แต่งงานไม่ใช่สิ่งน่าอาย
แต่ทำไมหนอ ท่านเทพถึงใจร้าย ทำให้นางรู้สึกว่าชีวิตใหม่ สถานภาพใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน กำลังจมดิ่งสู่ความมืดมน
และหากเป็นพรหมลิขิต เหตุใดจึงไม่บันดาลให้นางล่วงรู้ความจริงก่อนที่นางจะถลำตัว ถลำใจถึงขั้นนี้ ความรู้สึกที่ไม่มีวันจะถ่ายถอนคืนมาได้ต่อให้ใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต นางควรตัดสินใจอย่างไรดี
“อี้เออร์” เสียงกระซิบของจ้าวหลง นำพาจิตใจของนางที่ล่องลอยออกไปแสนไกลให้กลับเข้ามาอยู่ในรถม้า
“เจ้าคะ”
“คิดอันใดอยู่”
“ไม่ได้คิดอันใดเจ้าค่ะ เซวียนอี้…ไม่รู้เจ้าค่ะ ไม่แน่ใจอันใดเลย” น้ำตาที่กักเก็บไว้เอ่อล้นขึ้นมารอบดวงตา
“ไม่ต้องร้อง ยังไม่ท้องก็ไม่เป็นอันใด” ริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบลงมาบนใบหน้าและขมับของหลี่เซวียนอี้หลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะลายลงไปยังซอกคอเรียวระหงของสตรีที่มีหยดน้ำตาไหลผ่านแก้ม
“เจาจ้าวหลง ท่านจะทำอันใด” เซวียนอี้ใช้มือเล็กพยายามจับเขาดันออกไป แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของสามีที่มากกว่าได้เลย ใจของนางสับสนนักด้านหนึ่งอยากใกล้ชิดให้มากก่อนที่จะไม่มีโอกาสรับสัมผัสเช่นนี้จากคนในดวงใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็น้อยใจเสียใจจนไม่อยากให้เขาแตะต้องร่างกายของตนเพื่อนึกถึงหญิงอื่น
“ทีแรกคิดว่าจะหยอกล้อเล่น แต่เมื่อยังดื้อดึงไม่เรียกให้ถูกต้อง ข้าก็จะฉีดพ่นน้ำชีวิตจนกว่าฮูหยินจะมีเด็กติดครรภ์”
“แต่นี่…นี่มันนอกจวนนะเจ้าคะ” เซวียนอี้ทักท้วง เพราะแม้ว่าจะเลี้ยวมาจอดในจุดลับตาแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้คนสัญจรไปมาในบางจังหวะ
“หากอับอายก็กลั้นเสียงหวานนั้นเอาไว้ให้ดีเล่า”
เจาจ้าวหลงกล่าวตักเตือนในสิ่งที่เซวียนอี้ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้แล้ว เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายมาจู่โจมร่างที่อวบอิ่มขึ้นกว่าคืนวันแต่งงาน เพราะจ้าวหลงชอบที่จะให้ฮูหยินของตนอวบอั๋นเสียหน่อย นั่นส่งให้ความมีน้ำมีนวลที่ซ่อนรูปจองเซวียนอี้บัดนี้ชัดเจนเต็มไม้เต็มมือมากกว่าเดิมหลายส่วน
มือแข็งแรงกอบกุมนวดคลึงภูสองลูกที่แม้จะไม่ได้ไปถึงขั้นสุดท้าย ก็จะต้องรวบตัวฮูหยินมานั่งตักและบีบขยำให้ทั้งช่วงตื่นนอนและก่อนนอน
“ท่านพะ…พี่”
“เรียกอย่างที่สั่งได้แล้วหรือ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะก้มลงใช้ปากครองยอดถันเอาไว้ แม้ว่าจะมีอาภรณ์กีดขวางก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของลิ้นร้ายกาจที่จะสร้างความรู้สึกวาบหวามให้แก่หลี่เซวียนอี้เลย
บัดนี้หญิงสาวที่สับสนอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วอึดใจก่อนมีเพียงแค่ความปรารถนาในกายของบุรุษตรงหน้าเพียงเท่านั้น มือเล็กๆ ดึงผมที่ท้ายทอยกระชากให้จ้าวหลงเงยหน้าขึ้นมาแลกเปลี่ยนลมหายใจกับตนเอง ปากอิ่มบดคลึงส่งความรู้สึกน้อยใจออกไปให้เจารับรู้จนแดงช้ำ