#4
“เจ้าพูดพอหรือยัง!” เฉินอิ่นห้าวสะบัดมือออก “ข้าเบื่อสตรีไร้เหตุผลอย่างเจ้าเต็มทนแล้ว หากรู้ว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้แต่แรกข้าคงไม่..”
“ไม่! ไม่อะไร? ท่านพูดมา!” ลั่วเสวียนตวาดแหว หากแต่เฉินอิ่นห้าวกลับเดินหนี
“นั่นท่านจะไปไหน กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ!” นางตะโกนตามไป แต่ไม่คิดจะเดินตามไป เพราะคนที่นางต้องจัดการในตอนนี้ ยังไม่ใช่สามี
“พ่อบ้านจิ้ง!”
จิ้งย่วนที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ ก้าวออกมา “ฮูหยินเชิญสั่ง”
“ให้คนปล่อยข่าวออกไป ว่าท่านหญิงลู่มาขลุกอยู่ในจวนสกุลเฉินเป็นวันๆ เพื่อหวังยั่วยวนท่านเสนาบดี แต่ถูกข้ามาพบเข้า จึงเกิดมีปากมีเสียงกัน ลู่ไห่ถังถึงกับออกปากขอสามีผู้อื่นอย่างไร้ยางอาย พอข้าไม่ยกให้ นางก็แสร้งเป็นลมเป็นแล้งเรียกร้องความสนใจจากท่านเสนาบดี อ้อ อย่าลืมส่งคนไปบอกบ้านสามีของจี้อู่โหยวด้วยเล่า” ลั่วเสวียนสั่งเสียงเย็น ก่อนจะหันไปทางอี้ม่าน “ส่งคนตามนายท่านของเจ้าไป แล้วให้คนเปิดประตูใหญ่รอเอาไว้!” พูดแล้วนางก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในเรือน
จี้อู่โหยวคิดว่าท่านหญิงลู่ป่วยจริงๆ ยังซักถามนางอย่างเป็นห่วง “ท่านหญิง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
ลู่ไห่ถังขยับนั่งตัวตรง อย่างนึกรังเกียจ ก่อนจะยกมือปัดเส้นผมด้านขวาที่ใช้พิงไหล่ของอีกฝ่าย หากแต่สีหน้ายังคงประดับรอยยิ้มเศร้า “ข้าไม่เป็นอันใด ขออภัย ข้าสร้างความลำบากใจให้เจ้าแล้ว”
“ที่ไหนกันเจ้าคะ คนที่สร้างความลำบากใจให้ข้ามิใช่ท่านเสียหน่อย เป็นนังลั่วเสวียนนั่นต่างหาก!”
“เป็นข้าหรือ?!”
หญิงสาวทั้งสองคิดไม่ถึง ว่านางจะย้อนกลับมา พลันมีสีหน้าชะงักงัน
ลั่วเสวียนยกยิ้มมุมปาก ก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้า “จี้อู่โหยว เจ้ามันแค่คนอาศัย หัดเจียมตัวไว้บ้างก็ดีนะ ระวัง ข้าจะสั่งให้คนจับเจ้าโยนออกไป!”
“เจ้ากล้าหรือ!” จี้อู่โหยวลุกขึ้นด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง “ข้าเป็นน้องสาวของพี่ใหญ่ เจ้ามันแค่สะใภ้ ที่นี่คือจวนของพี่ชายข้า เจ้ามีสิทธิ์อันใด!”
“น้องสาว? เจ้าช่างกล้าพูดได้เต็มปาก ลืมไปแล้วหรือ ว่าที่นี่คือจวนสกุลเฉิน ในผังสกุลเฉินไม่เคยปรากฏชื่อมารดาของเจ้า”
ครั้นเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ลั่วเสวียนอดที่จะชื่นชมความฉลาดรอบคอบของพ่อสามีที่ตายไปมิได้ อีกฝ่ายราวกับจะรู้ ว่าวันหนึ่งจะต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ ในแผนผังสกุลจึงมีชื่อสตรีอื่นเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเฉินอิ่นห้าว เท่ากับว่าตอนนี้ ไม่ว่านางโจจะพยายามแค่ไหน นางก็เป็นได้แค่อดีตอนุภรรยาที่หนีตามชายอื่นไป อีกทั้งตอนคลอดบุตร นางโจยังคลอดในศาลเจ้าร้าง มีเพียงพ่อสามีของนางเป็นคนทำคลอด พยานไม่มี อดีตพ่อสามีตอนใช้ชีวิตอยู่กับนางโจ ด้วยความที่เป็นพ่อค้าจึงร่อนเร่เพนจรไปทั่วไม่เคยลงหลักปักฐาน คนที่เคยเห็นว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมไม่มี เมื่อนางโจแอบคบชู้กับท่านข้าหลวง พ่อสามีถึงได้มาตั้งหลักปักฐานทำการค้าในลั่วหยางจนร่ำรวย ทุกคนรู้เพียงว่า เขาเป็นพ่อหม้ายเมียตายที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ประวัติของเฉินอิ่นห้าวถึงไม่มีด่างพร้อย
ลั่วเสวียนไม่สนใจสีหน้าปานฆ่าคนได้ของจี้อู่โหยว เบนสายตามามองลู่ไห่ถัง “คิดแย่งสามีข้า ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ท่านหญิงลู่ ข้าหวังว่าท่านจะจ่ายไหวนะ หึหึ” ลั่วเสวียนทิ้งสายตาเหยียดหยามให้หญิงสาวทั้งสอง ก่อนจะเดินออกจากเรือนไปอย่างสง่างาม
ทว่า พอกลับมาถึงเรือน ทั้งร่างพลันทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ฮูหยิน!” อี้เจียวรีบถลาเข้าไปประคองด้วยความตื่นตระหนก “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“พาข้าเข้าไปในห้องที” ลั่วเสวียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา นางรู้สึกหมดแรงจริงๆ
“เจ้าค่ะ” อี้เจียวรีบประคองนายหญิงของตนตรงไปยังห้องนอน
สาวใช้ที่อยู่ในเรือนพากันมองเจ้านายอย่างเห็นอกเห็นใจ สำหรับพวกนาง ฮูหยินเป็นคนใจดีมีเมตตา บ่าวไพร่ไม่เพียงได้รับการเอาใจใส่อย่างดี ยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวด้วย ข้ารับใช้ในจวนสกุลเฉิน ถึงได้ซื่อสัตย์จงรักภักดีกับนางมาก ใครจะอยากได้เจ้านายใหม่ ต่อให้ท่านหญิงลู่มีชื่อเสียงดีงามกว่านี้แค่ไหน พวกเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี และยิ่งไม่ชอบครอบครัวของนางโจมากเข้าไปใหญ่
พ่อบ้านจิ้งทำงานรวดเร็วฉับไว ลู่ไห่ถังยังมิทันได้ออกจากจวน หน้าประตูจวนสกุลเฉินก็เต็มไปด้วยผู้คน สามีของจี้อู่โหยวเป็นจับกัง เขามาพร้อมกับมารดา ทั้งสองยืนด่าประณามอยู่หน้าประตูเสียงดังไปทั้งตรอก เรื่องนี้ แม้หลายคนจะเห็นจนชินตา ทว่าที่พวกเขามา กลับมิใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว ทุกคนมาเพราะอยากรู้ว่า ข่าวลือที่พึ่งได้ยินจริงเท็จแค่ไหน
กว่าที่ลู่ไห่ถังกับจี้อู่โหยวจะรู้ตัว ก็ตอนที่เดินออกมาหน้าลานกว้างแล้ว ด้วยความที่ประตูใหญ่เปิดกว้าง ย่อมเป็นไปมิได้เลยที่ผู้คนจะไม่เห็นพวกนาง
“ดูนั่น นั่นไม่ใช่ท่านหญิงลู่หรอกหรือ?” ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ไม้ชี้มือไปยังสตรีชุดขาวบริสุทธิ์
“ใช่ นั่นท่านหญิงลู่จริง ถ้าอย่างนั้น ข่าวลือก็เป็นจริงน่ะสิ ไม่น่าเชื่อเลย ว่าท่านหญิงที่มีชื่อเสียงดีงามจะทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้”
“ใช่ๆ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
ลู่ไห่ถังคิดไม่ถึงว่าลั่วเสวียนจะใช้วิธีนี้ ชั่วขณะหนึ่งจึงยังตั้งตัวไม่ทัน และนั่นนับเป็นเวลาเพียงพอ ให้ชาวบ้านที่มามุงดูได้เห็นใบหน้าของนางชัดๆ