#3
“ใกล้ได้เวลานายท่านของพวกเจ้าจะกลับมาแล้ว ไปเตรียมอุ่นน้ำแกงเถิด” ลั่วเสวียนรับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา พลางสั่งสาวใช้ นางเป็นเช่นนี้เสมอ มักคิดถึงแต่เฉินอิ่นห้าว
ทุกๆ วันนางจะลงมือต้มน้ำแกงเตรียมไว้ให้เขาทานยามกลับจากทำงาน หากวันไหนไม่ว่างจริงๆ ก็จะสั่งให้ห้องครัวเป็นคนทำ
สองสาวใช้หันมาสบตากัน อี้เจียวเป็นคนออกไปจัดการ ส่วนอี้ม่านหลังจากส่งจอกน้ำให้เจ้านายบ้วนปากแล้ว กลับมีสีหน้าอึดอัดคับข้อง ทำปากเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ ไม่กล้ากล่าววาจา
ลั่วเสวียนบ้วนปากเสร็จ หันมาส่งจอกน้ำคืนให้ ท่าทางของอี้ม่าน ไหนเลยจะรอดพ้นสายตาของนางไปได้ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายมีสีหน้าอัดอั้นเช่นนี้ ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเฉินอิ่นห้าวอย่างแน่นอน “เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถิด”
อี้ม่านมีสีหน้าลำบากใจอย่างยิ่งยวด แต่สุดท้ายจำต้องพูดออกไปอยู่ดี “นายท่านกลับมาได้ครึ่งชั่วยามแล้วเจ้าค่ะ เวลานี้อยู่ที่เรือนคุณหนูรองสกุลจี้เจ้าค่ะ” พูดแล้ว อี้ม่านพลันมองเจ้านายอย่างนึกเป็นห่วง มิใช่ว่านางอยากจะฟ้อง แต่มันจำเป็นต้องฟ้อง เพราะหากปล่อยไป เกรงว่าอาจจะเลยเถิดจนแก้ไขมิได้ คุณหนูต่างสกุลผู้นั้น เกลียดชังฮูหยินอย่างกับอะไรดี ดูก็รู้ว่าที่นางพาท่านหญิงลู่มา มีเจตนาอันใด
ใบหน้างดงามของลั่วเสวียนพลันเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งขึ้นมาทันใด ดูเอาเถิด กลับจากทำงาน แทนที่จะมาที่เรือนก่อน แต่เขากลับไปพบสตรีอื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่านางต้องอุ่นน้ำแกงเตรียมเอาไว้ให้
หึ่ม! เฉินอิ่นห้าว! ท่านทำเกินไปแล้ว! ลั่วเสวียนลุกจากเตียง เก้าฉับๆ ออกจากห้องนอนราวกับพายุ ดูก็รู้ว่านางกำลังมีโทสะเพียงใด สาวใช้ที่ปัดกวาดเช็ดถูอยู่ด้านนอก พากันก้มหน้าลง อี้ม่านรีบเร่งฝีเท้าตามไป
ในหัวของลั่วเสวียนนั้น จินตนาการเรื่องดีมิได้เลย คิดแต่ว่าเฉินอิ่นห้าวจะต้องยิ้มอ่อนโยนพูดคุยหยอกล้อกับลู่ไห่ถัง บุรุษหล่อเหลาหญิงสาวงดงามมองกันนัยน์ตาหวานซึ้ง ยิ่งคิดยิ่งเลยเถิดไปถึงทั้งคู่พลอดรักกัน ลั่วเสวียนรีบเร่งฝีเท้าจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงหน้าเรือน
“ท่านหญิง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากบุรุษภายใน ทำให้สติของลั่วเสวียนขาดผึง นางไม่แม้แต่จะหยุดฝีเท้า ในอกร้อนรุ่มดั่งไฟสุม และภาพที่นางเห็น ทันทีที่ก้าวเข้ามา คือเฉินอิ่นห้าวกำลังโอบประคองลู่ไห่ถัง
“สารเลว!” ลั่วเสวียนมีโทสะจนในหูอื้ออึงไปหมด นางไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น รีบปรี่เข้าไปกระชากแขนเฉินอิ่นห้าวจนตัวปลิวเมื่อไม่มีคนประคอง ร่างของลู่ไห่ถังจึงล้มพับลงบนตั่ง
“อ๊ะ! ท่านหญิง” จี้อู่โหยวร้องขึ้นด้วยความตกใจ ถลาเข้ามาประคอง
“ท่านหญิง!” เฉินอิ่นห้าวมีสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะหันมาตวาดภรรยา “ทำบ้าอันใดของเจ้า!!”
“ข้าต้องถามท่านมากกว่า ว่าท่านทำบ้าอันใดอยู่!” ลั่วเสวียนตวาดกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
เฉินอิ่นห้าวพยายามสกัดกั้นโทสะ หันไปตะโกนสั่งบ่าวไพร่ “ให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!” ก่อนจะหันกลับมามองภรรยาด้วยสายตาเยียบเย็น “มีอันใดค่อยกลับไปคุยกันที่เรือน ท่านหญิงลู่ป่วย เจ้าไม่เห็นหรือ?!”
“ไม่เห็น! ข้าเห็นแต่สตรีเสแสร้ง หึ! อยู่มาได้ตั้งครึ่งค่อนวัน ไม่ยักกะป่วย แต่ดันมาป่วยตอนสามีข้ากลับมา? ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ?” ลั่วเสวียนพูดแล้วตวัดตามองสตรีที่นั่งพิงไหล่จี้อู่โหยวอยู่บนตั่ง “เป็นถึงท่านหญิงผู้มีชื่อเสียงดีงาม มาเยือนจวนผู้อื่นโดยมิส่งเทียบยังพอทำเนา ยังคิดยั่วยวนสามีข้าอีก หน้าเจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่!”
“เฉินลั่วเสวียน! เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” เฉินอิ่นห้าวตวาดเสียงกร้าว มิอาจสกัดกั้นโทสะได้อีกต่อไป เรื่องที่นางก้าวร้าวฮูหยินเจ้ากรมโยธาที่จวนสกุลหลัว เขายังไม่ได้ชำระความ นี่นางยังจะกล้าด่าทอท่านหญิงลู่ต่อหน้าเขาอีก ลั่วเสวียนผู้นี้ช่างเกินเยียวยาแล้วจริงๆ นางมิรู้หรือว่าที่นางทำไป มันไม่เพียงฉีกหน้าเขา แต่มันยังฉีกหน้าตัวเองด้วย สองปีมานี้ นางทำตัวราวกับคนบ้า ตามอาละวาดหึงหวงด่าทอผู้อื่นไปทั่ว จนเขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
“ข้าพูดผิดหรือ!?” ลั่วเสวียนไม่เกรงกลัวสายตาดุดันของเขาเลยแม้แต่น้อย “ท่านเป็นถึงเสนาบดี อย่าบอกนะว่ามองเล่ห์มารยาของสตรีไม่ออก เฉินอิ่นห้าว ท่านรู้อยู่แก่ใจดี แต่ยังยอมคล้อยตาม ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!?”
เฉินอิ่นห้าวเกรงว่านางจะผรุสวาทด่าทอหยาบคายมากไปกว่านี้ พลันรีบคว้าแขนของนาง ลากออกจากเรือน
“ปล่อยข้านะ! ข้ายังด่าไม่จบ ท่านอายแทนนางหรือ ตอนกระทำท่านไฉนจึงไม่อาย ท่านโอบประคองสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นนั้น รู้หรือไม่ ว่ามันจะเกิดผลใดตามมา! บุตรสาวเจิ้งกั๋วกงมีหรือจะยอมลดตัวมาคบหาคนไร้ค่าอย่างจี้อู่โหยว หากไม่เพราะต้องการเข้าใกล้ท่าน เรื่องพวกนี้ หากท่านยังดูไม่ออกก็โง่เต็มทนแล้ว!!!”
แม้จะถูกเขาฉุดกระชากลากถูออกไป ทว่า เสียงของลั่วเสวียนกลับมิแผ่วลงเลย นางไม่เพียงต้องการให้คนในเรือนได้ยิน แต่ต้องการให้คนทั้งจวนได้ยิน นี่มิใช่ครั้งแรก ที่ลู่ไห่ถังมาที่นี่โดยใช้ข้ออ้างว่ามาเยี่ยมเยือนสหายอย่างจี้อู่โหยว ลั่วเสวียนเชื่อได้เลยว่า ที่จี้อู่โหยวหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้านสามีมา ก็เพราะแผนการของท่านหญิงลู่ สตรีเรียบร้อยอ่อนหวานนั้น นางไม่กลัว ที่กลัวก็สตรีหน้าด้านไร้ยางอายแต่แสร้งทำตัวอ่อนหวานอย่างลู่ไห่ถังนี่แหละ