บท
ตั้งค่า

#2

จิ้งย่วนยังรู้มาอีกว่า หญิงแซ่โจแต่งงานใหม่ไปอยู่เมืองเจิ้งโจวมีบุตรสาวกับท่านข้าหลวงสองคน ทว่ากลับมีความสุขอยู่ได้ไม่กี่ปี ข้าหลวงผู้นั้นก็มาถูกปลด ถูกเนรเทศ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หญิงแซ่โจใช้ชีวิตลำบากลำบนกับครอบครัวสกุลจี้อยู่หลายปี จนกระทั่งแอบมีสัมพันธ์กับบ่าวชายวัยคราวลูก จึงถูกขับออกจากตระกูล

ครั้นได้ข่าวว่านายท่านได้เป็นเสนาบดี ถึงได้พาลูกสาวสองคนกลับมาลั่วหยาง คราแรก แค่บอกว่าจะมาขอพักสักสองสามวัน จนถึงตอนนี้จะครบสองปีแล้ว นางยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป มิหนำซ้ำ ยังเจ้ากี้เจ้าการแสดงตนว่าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของนายท่าน จะเข้ามาช่วยดูแลจวน หาสตรีให้บุตรชาย สร้างเรื่องปวดหัวให้ฮูหยินไม่เว้นแต่ละวัน บุตรสาวทั้งสองของนางก็ใช่ย่อย จิ้งย่วนคิดแล้วได้แต่ทอดถอนใจออกมา

เฉินลั่วเสวียนย่อมรู้ดีว่าเรื่องที่นางกระทำลงไปวันนี้ จะมีผลตามมาเช่นไร จึงตั้งใจจะนอนพักเอาแรง สองปีมานี้ นางกับเฉินอิ่นห้าวมีปากมีเสียงกันบ่อยครั้ง เพราะเรื่องที่นางแสดงความหึงหวงโดยไม่ไว้หน้าเขา แต่จะให้นางทำอย่างไร ก็ใครใช้ให้เขาอ่อนโยนใจดีกับสตรีทั่วหล้าเล่า หากเขาเป็นคนเย็นชาสักนิด นางจะไม่กังวลเลย ถึงเขาไม่มีใจ แต่ไม่ได้แปลว่าผู้อื่นจะไม่มีใจเสียเมื่อไหร่ ก็ลองนางไม่ไปอาละวาดดูสิ ป่านนี้สตรีของเขาคงเต็มจวนไปแล้ว

“ข้าอยากพักผ่อนสักครู่ ถึงยามเซินเมื่อใด ค่อยปลุกข้า” ลั่วเสวียนหันไปสั่งสาวใช้ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน

อี้ม่านรอให้ประตูปิดลง ถึงได้หันมากระซิบถามอี้เจียว “ที่สกุลหลัวเกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ยังจะมีเรื่องใดได้อีกเล่า!” อี้เจียวพูดแล้ว พลันทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าหากนายท่านทราบเรื่องจะว่าอย่างไรบ้าง

จวนสกุลเฉิน เป็นจวนพระราชทาน ค่อนข้างมีขนาดใหญ่สมฐานะ ลักษณะเป็นจวนสี่ประสาน นอกจากเรือนใหญ่แล้ว ยังมีเรือนแยกสำหรับเจ้านายอีกหกหลัง นั่นยังไม่นับเรือนบ่าวไพร่ และโรงเรือนต่างๆ

แต่เดิมสกุลเฉินฐานะดีอยู่แล้ว เพราะนายท่านเฉินคนก่อนเป็นพ่อค้า ตั้งแต่บุตรชายได้เป็นขุนนาง เฉินอิ่นตงถึงได้เลิกทำการค้า ด้วยเกรงว่าจะทำให้บุตรชายโดนดูถูก สมบัติเก่าที่เฉินอิ่นห้าวได้รับสืบทอดมาจากบิดา มีร้านค้าเกือบยี่สิบร้าน ตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ เฉพาะลั่วหยางมีถึงแปดร้าน ที่ดินส่วนตัวที่มิใช่ที่ดินพระราชทานอีกห้าพันหมู่

ต้าหมิงมีกฎห้ามขุนนางทำการค้า แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ดูแลสมบัติดั้งเดิมของตระกูล เสนาบดีเฉินจึงนับเป็นขุนนางหนุ่มที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมือง ไม่แปลกที่จะมีหญิงสาวมากมายอยากแย่งชิงตำแหน่งฮูหยินของเขา

“พี่สะใภ้ของเจ้าไฉนถึงกลับมาก่อน ไม่ใช่ว่านางออกไปงานเลี้ยงน้ำชาพร้อมมารดาของเจ้าหรือ?” ลู่ไห่ถังชะเง้อมองไปทางเรือนใหญ่ หลังจากได้รับรายงานจากสาวใช้ ว่าลั่วเสวียนกลับมาแล้ว

จี้อู่โหยวเบ้ปาก “ท่านหญิงอย่าได้เรียกนางเป็นพี่สะใภ้ของข้า นางไม่คู่ควร!”

ท่านหญิงลู่ดึงสายตากลับมามองคนพูดด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา หากว่าจี้อู่โหยวไม่โง่เกินไป คงดูออกแต่แรก ว่าท่านหญิงลู่ผู้นี้ ไม่มีความยินดีที่จะคบหากับนางเลยแม้แต่น้อย เพียงอาศัยนางเข้าใกล้เฉินอิ่นห้าวเท่านั้น

“ดูท่าเจ้าคงรังเกียจลั่วเสวียนมากกระมัง” ลู่ไห่ถังเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ด้านข้าง ก่อนจะรินน้ำชาให้ตนเอง รอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตายังคงประดับอยู่บนใบหน้างาม

ถ้าไม่ใช่ว่าบิดาของเฉินลั่วเสวียนเป็นแม่ทัพที่กุมอำนาจทางการทหารไว้ในมือ จะได้เชิดหน้าเป็นฮูหยินท่านเสนาบดีอย่างทุกวันนี้หรือ หากจะพูดถึงความเหมาะสม นางที่เป็นบุตรสาวเจิ้งกั๋วกงย่อมเหมาะสมกว่า ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาท การวางตัว รวมถึงชื่อเสียงอันดีงาม ลั่วเสวียนล้วนเทียบนางไม่ได้ ลู่ไห่ถังมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าหากนางได้หัวใจของเฉินอิ่นห้าวมาครอบครอง เขาต้องหย่ากับลั่วเสวียนอย่างแน่นอน ถึงได้จำใจคบค้าสมาคมกับสตรีน่ารังเกียจอย่างจี้อู่โหยว

“นังคนเย่อหยิ่งนั่น ไม่เห็นท่านแม่ ไม่เห็นพวกข้าอยู่ในสายตา ถือว่าตนมีบิดาหนุนหลัง กดหัวพี่ชายของข้า ปากคอเราะราย นิสัยก้าวร้าว ใครจะไปชอบนางลง!” ยิ่งพูดจี้อู่โหยวยิ่งมีสีหน้ารังเกียจ “ท่านหญิงไม่รู้อะไร เวลานี้ พี่ใหญ่ของข้าสุดจะทนกับนางแล้ว”

“แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ยังเป็นสามีภรรยากัน ต่อให้ลั่วเสวียนไม่ดีเพียงใด พี่ชายของเจ้าก็ต้องอยู่กับนางไปจนแก่เฒ่าอยู่ดี ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องยอมรับเรื่องนี้หรือ?” ลู่ไห่ถังเอ่ยเตือนเสียงเรียบ ราวกับว่านางนั้น มิได้รู้สึกอันใดกับเฉินอิ่นห้าว

“ก็เรื่องนี้แหละที่ทำข้ากลัดกลุ้ม ถึงได้ชักชวนท่านมาวันนี้” อู่โหยวพูดแล้ว เอื้อมมือไปกุมมือท่านหญิงลู่ “ท่านหญิง ข้าพูดจริงๆ นะ ข้าอยากได้ท่านเป็นพี่สะใภ้ ท่านทั้งอ่อนโยนใจดี มีชาติตระกูล มารยาทก็งดงาม เหมาะสมกับพี่ชายของข้าเป็นที่สุด หากมีท่านเป็นพี่สะใภ้ ต่อไป ข้าจะได้ไม่ต้องอับอายใคร”

ได้ยินอย่างนั้น ในหัวของลู่ไห่ถังเริ่มมีแผนการบางอย่าง แสร้งกล่าวอย่างลำบากใจว่า “ข้ากับพี่ชายของเจ้าไม่ได้มีใจชอบพอกัน อีกอย่าง ที่ข้ามาที่นี่เพราะเห็นแก่ที่เราเป็นสหายกัน เจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้เลย ใครมาได้ยินเข้า ข้าจะเสื่อมเสียเอาได้ เจ้าต้องไม่ลืมว่าถึงอย่างไร พี่ชายของเจ้าก็เป็นบุรุษที่แต่งงานแล้ว”

“ขออภัยเจ้าค่ะ” จี้อู่โหยวมีสีหน้าสลด แต่อึดใจเดียวก็ทำสีหน้าเด็ดเดี่ยว “แต่ข้าอยากได้ท่านหญิงเป็นพี่สะใภ้จริงๆ นะ คอยดูเถิด ข้าจะทำให้พี่ใหญ่หย่ากับนางให้ได้!”

ความคิดเช่นนี้ของจี้อู่โหยวนี่แหละ ที่ลู่ไห่ถังต้องการ เรื่องอะไร นางต้องลดตัวลงไปสู้รบตบมือกับลั่วเสวียนด้วยตัวเอง ในเมื่อมีคนโง่ให้ใช้งาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel