บทที่ 4 ชาติหน้าจำไว้ว่าต้องเป็นคนดี
ลูกน้องเดินเข้ามากางร่มกันแดดสุดหรูพร้อมกับยกเก้าไท่ซือตัวหนึ่งมาตั้งไว้ จากนั้นหลินเทียนเชิงจึงนั่งลงไปอย่างสบายๆ “ถึงสองนาทีอีกแล้ว ไป กระชากเสื้อผ้าของเธอลงมา!”
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ชายหุ่นล่ำพวกนั้นต่างก็เกิดความอยากรู้อยากลองเต็มไปหมด
การได้ฉีกเสื้อผ้าของสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองฉือ แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
“ยังกล้ามีคนที่จะมาฆ่าล้างบางฉันหลินเทียนเชิงเก้าชั่วโคตร”
“มาสิ มาดูเธอโดนเรียงคิวจนตายกับตาตัวเองซะ”
“น่าสนุก น่าสนุกจริงๆ เลย” หลินเทียนเชิงจิบชาลงไปอย่างเชื่องช้า ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
อยากจะช่วยฉินปิงหลัน ฝันไปเถอะ !
ประตูบ้านของหลินเทียนเชิงคนนี้คิดว่าเข้าง่ายขนาดนั้นหรือไง ?
ในขณะนั้นเองบนท้องฟ้าก็มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังสนั่นขึ้นมา เฉินอีที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ข้างริมทะเลสาบพลันกำหมัดแน่นขึ้นมา จนเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ
ผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นฉินปิงหลันแน่นอน
บรรยากาศในห้องโดยสารเหมือนจะกลายเป็นน้ำแข็งขึ้นมา จนหยางเหว่ยที่กำลังร้องขอชีวิตอย่างทรมานหมดสติลงไปด้วยแรงกดดันทรงพลังจากเฉินอี
“เจ้ามังกร ผมจะลงไปจัดการพวกสารเลวนั้น แล้วช่วยนายหญิงออกมาเองครับ !”ดวงตาของมังกรหนึ่งแดงเดือดร้องคำรามออกมา
“ไม่ต้อง ผมจะไปรับเธอด้วยตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผมติดค้างเธอเอาไว้” จู่ๆ เฉินอีก็สงบอารมณ์ลงมา
มีเพียงมังกรหนึ่งและคนอื่นๆ ที่เข้าใจเท่านั้นว่าเจ้ามังกรที่สงบในตอนนี้ถึงจะเป็นสภาพที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของเขา เพราะว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่เขาจะฆ่าล้างบาง
เฉินอีตวาดสายตามองไปยังหยางเหว่ยที่หมดสติไปแล้วลุกขึ้นยืน
“ชาติหน้าจำไว้ว่าต้องเป็นคนดี”
เฉินอีพูดไปพลางโยนหยางเหว่ยออกจากเฮลิคอปเตอร์ ตกลงไปกระแทกลงท่ามกลางฝูงคนที่อยู่ในลาน
จากนั้นเฉินอีก็ดีดตัวกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
หลินเทียนเชิงและคนอื่นแหงนหน้าขึ้นไปมองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่เหนือหัวอย่างสงสัย แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงเงาบางอย่างราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ลงมากระแทกกับกลุ่มคนข้างล่าง ในนั้นมีบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ไม่ทันได้หนีจึงถูกกระแทกเข้าจนบาดเจ็บเจียนตาย
หลินเทียนเชิงที่เห็นภาพเห็นการณ์ตรงหน้า ดวงตาหรี่ลง พร้อมกับความรู้สึกไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ
การปรากฏตัวโคตรรุนแรง!
อย่าบอกนะว่าไอ้บัดซบนี่เป็นคนมีอำนาจ?
ไม่มีทาง
ถ้าหากฉินปิงหลันมีที่พึ่งแบบนี้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้แน่นอน
หลังจากนั้น ร่างคนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลงมาจากฟากฟ้าราวกับเทพเจ้าลงมายังโลกมนุษย์ค่อยๆ ร่อนลงมาอยู่ต่อหน้าของพวกเขาอย่างมั่นคง โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าที่สุดบนร่างกายของเขามีไอพิฆาตพุ่งออกมาจนทำให้ใครที่เห็นเกิดความตื่นตระหนกจนแทบจะต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต
ทุกคนในลานไม่เคยเห็นการปรากฏตัวแบบนี้มาก่อน ต่างพากันอึ้งตะลึงไปตามๆ กัน
ก้าวเท้าที่หนักแน่นของเฉินอีก้าวเข้าไปหาฉินปิงหลันอย่างร้อนใจ
ความรู้สึกผิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในใจ ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี
ทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ต้องแบกรับล้วนเป็นความผิดบาปของตัวเขาในตอนนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบตัวเองก็คือไอ้สารเลว
หลังจากที่ฉินปิงหลันได้เห็นเฉินอี แววตาที่สิ้นหวังฉายแววสงสัยออกมา
รู้สึกคุ้นหน้าจัง เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ?
หลินเทียนเชิงที่สังเกตเห็นว่าร่างกายของตัวเองมีเหงื่อไหลชุ่ม ในใจพลันนึกโกรธขึ้นมาแล้วตะคอกด้วยเสียงที่รุนแรง “หน่วยทหารงั้นหรอ?มาทำอะไรที่บ้านตระกูลหลินของฉัน?ไสหัวไป!”
ไม่ใช่แค่เพียงในเมืองฉือแต่ทั้งเมืองชิงชวน ยังไม่มีคนที่ตระกูลหลินสู้ไม่ได้เลย แล้วจะอะไรกับหน่วยทหาร อย่างไรเสียในหน่วยทหารกองตะวันตกเฉียงใต้ก็มีคนของตระกูลหลินอยู่ด้วย
เฉินอีค่อยๆ หันหน้ากลับไป ดวงตาทั้งสองแดงก่ำประกายแววจิตสังหารออกมา
หลินเทียนเชิงถึงกับใจกระตุกอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยความรู้สึกราวกับกำลังถูกสัตว์ร้ายจับจ้องเตรียมที่จะกลืนกิน
“ผมมาฆ่าล้างคุณเก้าชั่วโคตร!” เฉินอีเคลื่อนย้ายร่างกายเพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของหลินเทียนเชิง
เสียงร้องครวญดังขึ้นจากหลินเทียนเชิงที่กำลังกระเด็นออกไป และในตอนที่ตกลงไปบนพื้นหน้าอกของเขาพลันมีรูปรากฏขึ้นมา
แต่เขากลับไม่ได้มีอันตรายใดๆ ต่อชีวิตทั้งนั้น เพราะว่าเฉินอีไม่มีทางให้เขาตายไปง่ายๆ แบบนี้แน่นอน
ในมือของเฉินอีมีดาบอ่อนเล่มหนึ่งโผล่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ โดยบนดาบปรกายแสงที่สุดเย็นยะเยือก
เขาถือดาบเดินเข้าไปหาหลินเทียนเชิงทีละก้าว “คุณน่ะหรอ ที่อยากได้มือลูกสาวของผม ?”
เฉินอีไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าถ้าตัวเองไม่กลับมา ลูกของตัวเองและฉินปิงหลันจะมีจุดจบแบบไหน ต้องทนรับการทรมานสุดโหดร้าย จากนั้นตายไปอย่างอดสู?
หลินเทียนเชิงรับรู้ได้ถึงอายสังหารที่แข็งแกร่งจากตัวเฉินอี จึงค่อยๆ ก้าวถอยไปด้านหลัง “ฉันจะบอกแก ฉันเป็นคุณชายของตระกูลหลินเชียวนะ แก ……”
แสงเย็นยะเยือกเคลื่อนผ่าน แขนขวาของเขาก็ถูกตัดทิ้งด้วยความงุนงง
ตกลงไปกับพื้น
โดยที่นิ้วมือยังมีการขยับอยู่เล็กน้อย
หลินเทียนเชิงมองดูแขนที่อยู่บนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วหันมามองบาดแผลอันราบเรียบบนไหล่ซ้ายของตัวเอง ก่อนที่จะกุมไหล่ขวาเอาไว้แล้วร้องลั่นออกมา “อ๊า……แขนฉัน อ๊า……”
เฉินอียืนอยู่ตรงนั้นมองดูหลินเทียนเชิงอย่างเงียบๆ ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“ฆ่า……ฆ่าพวกเขา……ฆ่าพวกเขาให้หมด……” หลินเทียนเชิงสีหน้าซีดขาวร้องคำรามออกมา “แขนฉัน อ๊า……ฆ่าพวกเขาซะ !”
คราวนี้เหล่าลูกน้องถึงค่อยตั้งสติได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นชายหุ่นล่ำที่สวมเพียงกางเกงใน หรือบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัย ต่างก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวใดๆ เลยทั้งสิ้น
กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นเหมือนกับตัวร้ายในละครที่ฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ในขณะที่พวกเขาเป็นเพียงตัวประกอบฉากเท่านั้น ไม่ได้เอาชีวิตมาขาย !
แสงสะท้อนเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทำให้แขนซ้ายของหลินเทียนเชิงหลุดลงมา
แขนทั้งสองของหลินเทียนเชิงกุดแล้ว เขาลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นพร้อมร้องคร่ำครวญอย่างทรมาน ภายในใจเกิดความหวาดกลัวมากมายไร้ที่สิ้นสุด
นี่มันคนบ้า คนบ้าที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเอาแต่จะฆ่าคนอย่างเดียว
บอดี้การ์ดของตระกูลหลินเตรียมที่จะถอยกลับ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้หลบหนี มังกรหนึ่งก็ได้นำกองกำลังเล็กตามไปฆ่าทันที
พวกเขาเป็นเหมือนกับเสือที่พุ่งโจมตีฝูงแกะ เพียงครู่เดียวเสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วทุกทิศ
หลังจากผ่านไปสิบนาที การต่อสู้จบลง บอดี้การ์ดนับสิบที่อยู่ในคฤหาสน์ก็นอนกองอยู่กับพื้นอย่างไม่เหลือลมหายใจเลยสักคน!
ในขณะที่อีกฝั่ง หลินเทียนเชิงที่ได้เห็นศพมากมายบนพื้นก็รู้สึกตกใจอย่างถึงขีดสุด จนร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง
“ไม่……อย่าฆ่าฉัน……อย่า ฉันเป็นคุณชายตระกูลหลิน แก แกจะฆ่าฉันไม่ได้ ……ฉันมีเงิน ฉันจะเอาเงินทั้งหมดให้แกเลย”
หลินเทียนเชิงลืมความเจ็บปวดใช้หลังถูไถค่อยๆ ขยับไปข้างหลังทีละนิดละน้อย
เฉินอีกกัดฟันมองไปยังหลินเทียนเชิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอายสังหาร พร้อมกับยกดาบอ่อนในมือขึ้นอีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจนทำให้เฉินอีชะงักมือลง
“คือคุณ!!”
ฉินปิงหลันลุกขึ้นยืนจ้องเขม็งไปยังเฉินอีอย่างไม่ละสายตาพลางกรีดร้องออกมาเสียงสูง