บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ทำลายเก้าชั่วโคตร

ทันทีที่ได้ยินเสียงหลินเทียนเชิง หยางเหว่ยราวกับได้คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ พลางแสดงสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา

เขาเป็นเพียงคนที่ช่วยทำธุระให้กับหลินเทียนเชิงเท่านั้น โดยที่หลินเทียนเชิงคือผู้สืบทอดของตระกูลหลิน

ซึ่งตระกูลหลินเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองฉือ และมีความแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างว่าแต่เมืองฉือเลย เพราะทั่วทั้งเมืองชิงชวนก็แทบจะไม่มีกล้าไปมีเรื่องกับพวกเขาเลย

ฉะนั้นการที่หลินเทียนเชิงจะมาช่วยตัวเองนั้นจะต้องได้แน่นอน

“คุณชายหลินช่วยผมด้วย ไปไอ้พวกเลวที่ไหนไม่รู้มาช่วยยัยลูกผสมสองคนนั้น ……อ๊า!!!”

คำร้องขอความช่วยเหลือของหยางเหว่ยเพิ่งจะพูดมาได้เพียงครึ่งเดียว แขนที่เขาใช้ถือโทรศัพท์อยู่นั้นก็ถูกเฉินอีตัดจนขาดด้วยมีดเดียว

หลังจากที่เลือดบนแขนของเขากระฉูดออกมา หยางเหว่ยถึงค่อยถูกความเจ็บปวดปลุกขึ้นมา เขาจับแขนครึ่งท่อนที่เหลืออยู่แล้วร้องคร่ำครวญขึ้นมา

“ลองด่าอีกที ผมจะบั่นหัวคุณทิ้งซะ”

เฉินอีพูดไปพลางหยิบโทรศัพท์ที่ตกบนพื้นขึ้นมาทาบไว้ข้างหู “หลินเทียนเชิง ถ้าหากฉินปิงหลันขาดแม้แต่ผมเส้นเดียว ผมเฉินอีจะฆ่าล้างคุณเก้าชั่วโคตร !”

ถึงเสียงจะไม่ได้ดังมาก แต่ภายในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและจิตสังหาร

หลังจากที่นิ่งเงียบไปหลายสิบวิ จู่ๆ เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของหลินเทียนเชิงก็ดังแทรกออกมา “ดี ดีมาก ผมจะรอคุณมาฆ่าล้างเก้าชั่วโคตรแล้วกัน”

“คุณอยากจะช่วยนังแพศยาคนนี้งั้นหรอ?”

“งั้นก็ดี ผมจะเล่นเกมกับคุณ เป็นการวอร์มร่างกายสักหน่อยแล้วกัน”

“นับตั้งแต่ตอนนี้ ทุกๆ สองนาทีผมจะค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของเธอทีละตัวๆ คุณอยากจะช่วยเธอไม่ใช่หรือไง ?ผมจะรอแล้วกัน……”

เพียงพริบตาเดียว โทรศัพท์ก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ตอนนี้ไอสังหารในร่างกายของเฉินอีมาถึงขีดสุดแล้ว

“นำทาง!” เฉินอีคว้าคอเสื้อของหยางเหว่ยขึ้นมาพลางลากไปขึ้นเครื่องบินราวกับกำลังลากสุนัขตายแล้วตัวหนึ่ง

เดิมทีหยางเหว่ยถูกมีดตรึงเอาไว้กับพื้น ทว่าตอนนี้กลับถูกกระชากออกมาจากพื้นอย่างกะทันหันทำให้เขานั้นหวังอยากจะให้ตัวเองนั้นหมดสติลงไปซะเผื่อจะลดความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง

แต่ตอนนี้เขาที่แม้แต่อยากจะสลบลงไปยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านไปทั่วทุกอนุความรู้สึกของเขา

เมื่อไปถึงยังข้างเฮลิคอปเตอร์ก็มีเดินเข้ามาแจ้งรายงาน “เจ้ามังกรครับ คนจากเว่ยอานซือของเมืองฉื่อและเมืองชิงชวนมาครับ ผู้ว่าการเฉ่าเฉียงต้องการที่จะเข้าพบท่านหน่อยครับ”

“ให้พวกเขาไสหัวไปซะ!ถ้าหากมีปัญหาผมจะไปหาพวกเขาเอง นอกเหนือจากนั้นอย่าได้มารบกวนผม”

“องครักษ์มังกรออกเดินทางได้ ส่วนคนที่เหลือให้อยู่ปกป้องลูกสาวของผม”

หยางเหว่ยสมองโล่งอย่างสุดขีด

ผู้ว่าการเมืองชิงชวนอยู่ด้านนอกมาขอเข้าพบ ?

คนพวกนี้จะต้องมีเบื้องหลังที่ใหญ่ขนาดไหนกันเชียว

แย่แล้ว จบเห่แล้ว !

ต่อให้ตระกูลหลินจะมีอำนาจมากขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ว่าการเมืองชิงชวนก็ต้องยอมหมอบราบอยู่กับอย่างเชื่อฟัง

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว วันนี้หลินเทียนเชิงคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย !

หากรู้แต่แรกว่าสามแม่ลูกนี้มีคนแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่เบื้องหลัง จะตีเขาให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีทางเข้ามาร่วมงานนี้ด้วยเด็ดขาด

หยางเหว่ยตกใจหนักจนหลงลืมความเจ็บปวดบนร่างกายไปแล้ว เขาคุกเข่าอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ ก้มหน้าก้มตาอย่างสิ้นหวัง เพราะไม่ว่าเขาจะใช้เหตุผลใดมาร้องขอความเมตตา แววตาของเฉินอียังคงไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจเลย

หากรู้ว่าจะมีวันนี้ ทำไมตอนนี้บนโลกนี้ถึงไม่มียาสำนึกผิดกันนะ

……

หลังจากที่หลินเทียนเชิงวางสายโทรศัพท์ เขาก็หยิบไวน์แดงขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาแล้วราดลงไปบนหัวของฉินปิงหลัน “ฉินปิงหลันคุณได้ยินหรือยังว่าจะมีคนมาช่วยคุณแล้ว”

ถึงแม้ตอนนี้ใบหน้าของฉินปิงหลันจะซีดเซียว แต่ใครๆ ก็มองออกมาว่านี่คือสาวสวยที่สุดคนหนึ่งในประเทศ

แต่ทว่าตอนนี้บนคอของสาวคนนี้กลับมีโซ่คล้องคอสุนัขรัดเอาไว้และกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าของหลินเทียนเชิง

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนเชิง ภายในแววตาที่ไร้แววของฉินปิงหลันจู่ๆ ปรากฏความสงสัยขึ้นมา แต่แล้วมันก็ดับลงไปอีกครั้ง จะมีคนมาช่วยเหลือเธอได้อย่างไร ?

หลังจากที่ลูกสาวถูกจับตัวไป สิ่งแรกที่ตระกูลฉินซึ่งเป็นตระกูลของตัวเธอได้ทำก็คือการส่งตัวเธอให้กับหลินเทียนเชิง

ไม่เพียงเท่านี้ พี่ชายและพ่อของเธอยังกำชับให้ตัวเองปรนนิบัติต่อคุณชายหลินได้ดี ด้วยความกลัวว่าจะไปสร้างความไม่พึงพอใจแก่หลินเทียนเชิงจนทำให้ตระกูลฉินต้องทุกข์ลำบาก

แบบนี้แล้วจะมีคนที่มาออกหน้าแทนเธอได้อย่างไร?

“ปล่อยลูกสาวของฉัน……”

“ปล่อยลูกสาวของฉัน…………”

“ปล่อย……ลูกสาวของฉัน……”

ฉินปิงหลันราวกับกำลังพูดพร่ำอยู่กับตัวเองด้วยคำพูดประโยคซ้ำๆ จำนวนนับไม่ถ้วน

เธอพอจะรู้จุดจบของตัวเองแล้ว เพราะเพื่อลูกๆ เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

หลินเทียนเชิงจับผมของฉินปิงหลันแล้วกระชากเธอเข้าตัวเองราวกับกระชากสุนัขตายตัวหนึ่ง

“บอกมา ไอ้คนเมื่อกี้นี้มันคือไอ้บัดซบคนไหน ?”

“ฉันตามเธอมาสามปี แม้แต่มือยังไม่เคยได้สัมผัสเลย แต่พอลับหลังฉันกลับไปหาไอ้คนบัดซบนั่น”

หลินเทียนเชิงพูดอย่างรุนแรง ทว่าเมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ สีหน้าของเขาก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นสงบขึ้นมา

เขาสูดดมใบหน้าของฉินปิงหลันอย่างอ่อนโยน “หอมจริงๆ ……ที่รัก ในเมื่อเธอไม่ให้ฉันแตะต้อง อย่างนั้นวันนี้ฉันก็จะให้ลูกน้องของฉันเรียงคิวเธอต่อหน้าไอ้บัดซบนั่น เธอว่าดีหรือเปล่า ?”

“ฉันเข้าใจแล้ว เธอคงจะชอบใช้กำลังมากกว่าใช่มั้ย?”

“เหมือนกับตอนเรื่องที่เมืองอสูรแบบนั้น กับคนสถุลทำเรื่องอย่างว่าท่ามกลางป่าไม้ แบบนั้นมันน่าเร้าใจมากเลยใช่หรือเปล่า ?”

“ถ้าหากฉันรู้ความชอบของเธอเร็วกว่านี้ ก็คงจะสนองความต้องการของเธอไปนานแล้ว ที่รัก แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้มีความสนใจอะไรในตัวเธออีกแล้ว แต่เธอวางใจได้พวกสหายที่อยู่ข้างล่างนั่นมีความสนใจมากเลยทีเดียว เพราะยังไงเธอก็เป็นถึงสาวสวยที่สุดของเมืองฉือในตอนนั้น”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลินเทียนเชิงก็เปลี่ยนอีกครั้ง

เขาเปลี่ยนไปอย่างโหดเหี้ยม เตะอัดฉินปิงหลังจนกระเด็นไปอีกทาง “ดอกทอง!”

ฉินปิงหลันลุกขึ้นมาคุกเข่าอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกราวกับผีดิบเสียอย่างนั้น “แค่คุณมีความสุข คุณอยากจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันขอแค่เพียงปล่อยลูกๆ ของฉันไป”

เธอในตอนนี้ยอมแพ้อย่างศิโรราบแล้ว เธอรู้ดีว่าวันนี้ตัวเธอมีเพียงบทสรุปเดียวนั่นก็คือไร้ทางต่อต้าน และหนีไม่ได้อีกแล้ว

ไม่อย่างนั้นลูกๆ ของเธอจะต้องถูกฆ่าตายแน่

อดทนมานานห้าปี ตอนนี้เธออดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว บางทีนี่คงจะเป็นโชคชะตา

หลังจากวันนี้ไปก็จะหลุดพ้นเสียพ้นสักที

ใจของฉินปิงหลันดับมอดไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกแล้วทั้งสิ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองอสูร เป็นสิ่งที่อัปยศที่สุดในชีวิตของฉินปิงหลัน หลังจากวันนั้นเธอกลายเป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่สุดของเมืองฉือและเมืองชิงชวน

แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกนึกเสียดายที่คลอดโตว๋โตว๋และโนว่โนว่ออกมา นับบ่อยครั้งที่เธอคิดอยากจะเอาลูกออก แต่สุดท้ายก็ไม่เคยลงมือเลยสักครั้ง เพราะนั่นเป็นถึงสองชีวิตที่มีค่า

จนสุดท้ายเธอได้ตัดสินใจเก็บเด็กทั้งสองเอาไว้

ตระกูลฉินขับไสไล่ส่งเธอออกจากตระกูล เธอและลูกๆ ต่างต้องอยู่อย่างช่วยเหลือกันเองผ่านชีวิตที่แสนจะลำบากมานานถึงห้าปี

แต่ว่าหลินเทียนเชิงไอ้คนโรคจิตกลับมาตอแยไม่ยอมเลิกรา อยากจะให้ฉินปิงหลันเป็นฝ่ายรุกไปถวายตัวถึงเตียงของเขา

ใครๆ ก็รู้ดีว่า สำหรับหลินเทียนเชิงนี่ไม่ใช่ความรัก สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการตอบสนองความใคร่ทางจิตของตัวเขาเองเท่านั้น

ฉินปิงหลันเกลียด เธอเกลียดตระกูลฉิน เกลียดหลินเทียนเชิง

แต่คนที่เธอโกรธมากกว่านั้นก็คือคนบ้าที่เสียสติที่ เมืองอสูรในตอนนั้น คนบ้าที่ขืนใจเธอ

ทุกๆ คืนที่ไร้ผู้คน เธอมักจะถูกปลุกขึ้นมาจากภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

คราวนี้ หลินเทียนเชิงเชยหน้าของฉินปิงหลันขึ้นมา “มา ที่รัก สองนาทีถึงแล้ว เธอถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกมาเถอะ !”

ฉินปิงหลันถอดเสื้อตัวนอกออกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เสื้อสเวตเตอร์สีขาวสะอาดบวกกับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบยิ่งดึงดูดความอยากของคนมากขึ้น

สาวสวยที่หลินเทียนเชิงคิดฝันอยากจะครอบครองมาโดยตลอด ตอนนี้ได้อยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว แต่ว่าเวลานี้ในสายตาของหลินเทียนเชิงกลับไม่ได้มีความรู้สึกใคร่เลยสักนิด

จะมีก็เพียงแต่ความบ้าคลั่งที่แสนวิปริต

“ไปกันเถอะ พวกเราออกไปต้อนรับผู้ชายที่อยากจะฆ่าล้างบางฉันเก้าชั่วโคตรกันเถอะ หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มต้นการแสดงของเธอต่อหน้าของเขา” หลินเทียนเชิงพูดไปพลันจูงฉินปิงหลันออกไปข้างนอกราวกับกำลังจูงสุนัขตัวหนึ่ง

ฉินปิงหลันเป็นเหมือนกับร่างเปล่าที่ไร้ซึ่งวิญญาณค่อยๆ คลานตามหลังเขาไปทีละก้าว

ภายในลานมีบอดี้การด์หุ่นล่ำหลายสิบคนยืนอยู่ ภายในใจของพวกเขาต่างตื่นเต้นอยู่ไม่สุขหลังจากที่ได้รับคำสั่งสุดแสนวิตถารแล้ว

ตอนนี้เมื่อได้เห็นคุณชายหลินจูงสาวสวยคนนั้นออกมา ลมหายใจก็เริ่มฟึดฟัดขึ้นมา จ้องมองไปยังร่างกายของฉินปิงหลันอย่างไม่สามารถละสายตาได้อีก

“วันนี้เธอสนองความต้องการให้คนได้ยิ่งเยอะ ร้องยิ่งดังเท่าไหร่ โอกาสที่ยัยลูกผสมสองคนนั้นจะมีชีวิตรอดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

เสียงหัวเราะโรคจิตของหลินเทียนเชิงดังสนั่นไปทั่วทั้งคฤหาสน์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel