บทที่ 2 ช่วยชีวิตลูกสาว
ณ เมืองฉือ เมืองเล็กแห่งหนึ่งในเมืองชิงชวน
หยางเหว่ยเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองฉือ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในลานเล็กๆ แถบชานเมือง สูบบุหรี่อย่างสบายๆ
ข้างกายของเขามีชายฉกรรจ์ที่สักตัวหลายคนยืนอยู่ และภายในมุมมีกรงสุนัขสกปรกๆ ตั้งอยู่
“สหาย ตั้งใจทำงานให้ดี คุณชายหลินบอกแล้ว รอให้เขาจัดการฉินปิงหลันได้เมื่อไหร่ จะตอบแทนให้อย่างงามเลย !”
“ครับ คุณชายหยาง!”
ชายอ้วนคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ หยางเหว่ยลุกขึ้นยืน พร้อมคว้าถุงมือยางที่อยู่ข้างๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังกรงสุนัขที่อยู่ข้างมุมกำแพง
เมื่อมองดูโต่วโตว่และโนว่โนว่ที่โอบกอดกันตัวสั่นด้วยร่างกายที่ชุ่มเหงื่อ ชายอ้วนก็แสยะเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับถ่มน้ำลายไปยังพวกเธอ “ยัยลูกผสม ถ้าจะโทษก็ไปโทษฉินปิงหลันนังแพศยาแม่ของพวกเธอคนนั้นแล้วกัน ที่กล้าเมินหน้าใส่คุณชายหลิน ทำเป็นถือตัวไปได้”
“ถ้าเธอยอมปรนนิบัติคุณชายหลินแต่โดยดี มีหรือที่พวกเธอยัยลูกผสมสองคนจะต้องมาทนรับโทษแบบนี้อีก”
เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของโนว่โนว่ที่จ้องมองมาที่เขา ราวกับมองคนตายอย่างนั้น ชายอ้วนก็ถึงกับเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของโนว่โนว่
“ยัยลูกผสม สายตาแบบนี้เหมือนแม่ของเธอที่ทำให้คนรู้สึกเกลียดชังไม่มีผิด เสแสร้งทำเป็นเฉยชา”
ชายอ้วนพูดไปพร้อมกับตวาดฝ่ามือลงไปตบหน้าของโนว่โนว่สองที
“ปล่อยน้องสาวของหนู ปล่อยน้องสาวของหนูนะ”
“แม่ของหนูไม่ใช่คนแพศยา เธอเป็นแม่ที่ดีที่สุดต่างหาก ปล่อยน้องสาว ……” โต๋วโตว๋ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคนดึงดันที่จะปกป้องน้องสาวและแม่ของตัวเองเอาไว้
ชายอ้วนตบโต๋วโตว๋จนล้มไปอีกทาง จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งจับคอของโนว่โนว่เอาไว้ แล้วมืออีกข้างหนึ่งคว้าเอาอาหารสุนัขที่สุดแสนจะส่งกลิ่นเหม็นยัดเข้าไปในปากของโนว่โนว่ โดยที่ทุกคนที่เหลือก็หัวเราะออกมาอย่างคนวิจริต
โต๋วโตว๋ตะเกียบตะกายขึ้นมา ก่อนจะกระโจนเข้าไปอีกครั้งหวังที่จะปกป้องน้องสาวของตัวเองเอาไว้
“ยัยลูกผสม จะให้ฉันหยุดตีน้องสาวของเธอก็ได้ ดื่มมันซะ อย่าให้เหลือแม้แต่หยดเดียว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เจ้าทิเบตันกัดนังเด็กนี่ให้ตายซะ” ชายอ้วนชี้ไปยังน้ำสกปรกอ่างหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกับมองโต๋วโตว๋ด้วยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม
หลังจากที่โต๋วโตว๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็คลานไปยังอ่างน้ำสกปรก แล้วดื่มลงไปพลางพูดพร่ำด้วยคำว่าอย่าตีน้องสาวของหนู หนูดื่มแล้ว
คนที่อยู่รอบๆ ต่างมองด้วยความเพลิดเพลิน พร้อมกับบันทึกวิดีโอไปโดยที่บางทีก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่วิจริต
และในขณะนั้นเอง เสียงเฮลิคอปเตอร์ก็ดังสนั่นมาจากฟากฟ้า
ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเฮลิคอปเตอร์สีเงินลำหนึ่งกำลังร่อนตัวลงมาอย่างช้าๆ โดยมีเครื่องบินรบกว่าสิบลำคอยคุ้มกันอยู่รอบๆ
ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่หมุนพัดอย่างรุนแรง จนทำให้ภายในลานเล็กราวกับเกิดเงาขึ้น
สายตาของคนที่อยู่บริเวณหน้าต่างล้วนฉายแววดวงตาที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
คนที่อยู่ในลานถึงกับรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังถูกเทพแห่งความตายจับจ้องอยู่จนความเหน็บหนาวซึมเข้าไปในกระดูกและร่างกายก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ตั้งตัว
กำลังถ่ายหนังดังระดับประเทศ M หรือยังไง?ทำไมถึงได้มีเครื่องบินเยอะขนาดนี้?แล้วไหนยังจะมีเครื่องบินรบนี่อีก
ชายอ้วนและคนอื่นๆ ต่างก็เกิดความสงสัยขึ้นมา แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อทันทีที่ประตูเปิดออก ใครบางคนก็กระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ที่ความสูงหลายสิบเมตรราวกับเหยี่ยวอย่างนั้น
ชายอ้วนที่กำลังยืนงงอยู่โดนเฉินอีที่กระโดดลงมาจากฟ้ากระแทกเข้าบนหัวจนสมองทะลักออกมาเป็นชั้นๆ
หลังจากที่ลงมายังพื้น ทันทีที่เห็นโตว๋โตว๋และโนว่โนว่ที่กำลังได้รับความทรมานอยู่ในกรงสุนัข ดวงตาของเฉินอีก็ไม่อาจหันไปทางอื่นอีกได้เลย
ลูกสาวของตัวเองได้รับความอัปยศถึงขนาดนี้เลยงั้นหรือ ……
“พวกเลว!” ดวงตาทั้งสองของเฉินอีแดงเดือด ร่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ลูกกะจ๊อกที่กำลังอัดวีดีโออยู่ถูกเฉินอีบดขยี้หัวอย่างกับมันอ่อนแอราวกับลูกแตงโมเสียอย่างนั้น
จากนั้นเฉินอีก็เปิดประตูกรงสุนัขออกแล้วโน้มตัวเข้าไปในกรงพร้อมเอื้อมมือไปโอบกอดเด็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น “ละ ลูก พ่อ......พ่อมาสายเกินไป”
เฉินอีพูดด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาที่ไหลพรากออกมาจากดวงตา
นี่คือลูกสาวของเขา เป็นลูกในไส้แท้ๆ ของตัวเอง
โนว่โนว่หลบไปด้านหลัง ถึงแม้ว่าเธอจะนั่งอยู่บนกองอุจจาระสัตว์สกปรกๆ พวกนั้น แต่ดวงตาแสนเย็นชานั้นของเธอกลับไม่มีท่าทีเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“คุณ……คุณคือคุณพ่องั้นหรอ ?” โต๋วโตว๋ตัวสั่นจ้องมองเฉินอีอย่างสงสัย
โต๋วโตว๋มองดูชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าคนนี้พลางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกผูกพันที่อยู่ในสายเลือด
เฉินอีพยักหน้าตอบอย่างหนัก “ฉันคือคุณพ่อ ฉันคือคุณพ่อของพวกหนูเอง”
“คุณคือคุณพ่อจริงๆ หรอ?” ภายในแววตาที่กำลังหวาดกลัวของโต๋วโตว๋แยแววแห่งความหวังขึ้นมา แต่เพียงพริบตาเดียวแววตาขอเธอกลับกลายเป็นเฉยชาไร้ความรู้สึกดังเดิม “แต่แม่บอกว่าหนูไม่มีพ่อ”
คุณพ่อ คำเรียกง่ายๆ สองคำนี้ กลับเป็นความเพ้อฝันลมแล้งๆ หนึ่งของโตว๋โตว๋ เพราะในทุกๆ ครั้งที่ได้เห็นคนอื่นเดินจูงมือกับคุณพ่อ โตว๋โตว๋ก็รู้สึกอิจฉาอย่างที่สุด
แต่เธอไม่กล้าที่จะถามคุณแม่ว่าคุณพ่อของเธอนั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่ากล้วว่าคุณแม่จะเสียใจ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของโตว๋โตว๋ เฉินอีถึงกับใจกระตุก ความเสียใจและโทษตัวเองวนอยู่เต็มไปหมดในหัวใจของเขา
“เป็นพ่อที่ผิดต่อคุณแม่ และผิดต่อพวกหนู พ่อกลับมาแล้ว และจะไม่จากพวกหนูไปอีก”
หลังจากที่โต๋วโตว๋นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เสียงร้องโฮดังขึ้นมาแล้วเธอก็โผเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินอีพร้อมร้องไห้เสียงดัง “คุณพ่อ……คุณพ่อ……จากนี้พวกเราก็จะมีคุณพ่อแล้ว……”
เสียงร้องไห้ที่แสนบาดใจของเด็กสาวทำเอาทุกคนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกสะเทือนใจ
ในขณะที่โนว่โนว่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นมองไปยังเฉินอีด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกโดยไม่พูดกล่าวอะไร
เฉินอีที่กำลังจะเอื้อมมืออีกข้างไปโอบโนว่โนว่ จู่ๆ เสียงร้องไห้ของโตว๋โตว๋ก็หยุดลงพร้อมกับหมดสติลงไป
“โต๋วโตว๋ โต๋วโตว๋ หนูอย่าทำให้พ่อตกใจนะ”
“มังกรแปด คุณรีบมาดูลูกสาวของผมเร็วเข้า เธอเป็นอะไรไป ?”
เฉินอีคนที่แม้จะต้องเผชิญกับกองกำลังหลายพันนายก็ไม่เคยที่จะรู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้เห็นลูกสาวสลบลงไป เขากลับตื่นตระหนกราวกับว่าฟ้ากำลังจะถล่มลงมาเสียอย่างนั้น
หญิงสาวสวมชุดรัดรูปคนหนึ่งเดินสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วจับชีพจรของโตว๋โตว๋ “เจ้ามังกร ร่างกายของนายน้อยอ่อนแออยู่แล้วบวกกับเกิดอารมณ์ที่แปรปรวนเลยทำให้หมดสติลงไปค่ะ เจ้ามังกรวางใจ ฉันจะดูแลนายน้อยให้ปลอดภัยเอง”
มังกรแปดสามคำนี้ นอกจากคนของสำนักมังกรลับแล้วผู้อื่นก็ไม่เคยมีใครได้ยินเลย แต่ความจริงแล้วเธอมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่ายอดหมอหญิงมากฝีมือ ซึ่งเป็นตำนานของวงการการแพทย์ทั่วโลก
ความสามารถด้านการรักษาของยอดหมอหญิงมากฝีมือนั้นสะท้านโลกเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสามปีก่อนเธอกลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ที่จริงแล้วเธอแค่มาเป็นมังกรแปดหนึ่งในแปดมังกรของเจ้ามังกรก็เท่านั้น
มังกรแปดรับโต๋วโตว๋มาอย่างระมัดระวัง แล้วอุ้มไปยังเครื่องมือเเพทย์เฉพาะทาง
ไปโรงพยาบาล?
ต่อให้จะเป็นการให้คำปรึกษาและแผนการรักษาของโรงพยาบาลชั้นนำของโลกก็ไม่อาจเทียบได้กับคำพูดเดียวและเข็มเงินของมังกรแปดได้
โนว่โนว่เดินตามหลังมังกรแปดไปด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ทั้งที่เฉินอีอยากจะอุ้มโนว่โนว่ขึ้นแต่โนว่โนว่กลับไม่สนใจเขาเลย
เฉินอีแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าหลายปีมานี้พวกเธอได้เผชิญกับอะไรมากันแน่ ถึงได้ทำให้โนว่โนว่เด็กสาวที่มีอายุเพียงห้าขวบมีนิสัยเย็นชาถึงขั้นนี้ได้
เฉินอียืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ความเดือดดาลในร่างกายเริ่มแผ่ซ่านออกมา
ใครกล้าทำร้ายลูกสาวของฉัน มันต้องตาย!
เฉินอีหันหลังกลับมามองพวกของหยางเหว่ยที่ตกใจกลัวถึงกับแข้งขาอ่อนลงไปกองกับพื้นจนแทบจะฉี่ราดอย่างช้าๆ
ถึง หยางเหว่ยจะโง่ขนาดไหน แต่ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจได้เลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นคนที่ตัวเองไม่สามารถเข้าไปหาเรื่องด้วยได้เลย
กลุ่มคนที่กระโดดลงมาจากฟ้า ล้วนมาพร้อมกับอายสังหาร บนตัวเต็มไปด้วยอาวุธที่สะท้อนแสงอันเยือกเย็นออกมา
ส่วนสุนัขทิเบตันดุร้ายสองตัวนั้นต่างพากันไปหลบอยู่ในมุมด้วยตัวสั่นเทา
“ขอร้องล่ะ ไว้ชีวิตลูกหมาตาดำๆ อย่างผมคนนี้ไปเถอะ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าคุณชายหลินให้ผมทำทั้งนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะคุณชายหลิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย” เมื่อเห็นเฉินอีหันกลับมา หยางเหว่ยจึงรีบคลานเข้าไปต่อหน้าของเฉินอีทันทีพร้อมโน้มคำนับอย่างสุดชีวิต
“ฆ่า!”
ทันทีที่เสียงของเฉินอีดังขึ้น นอกจากหยางเหว่ย แล้ว ลูกน้องพวกนั้นของเขาไม่ถูกตัดคอก็ถูกยิงกลางหัวทั้งหมด
เมื่อมองดูความเจ็บปวดของเจ้ามังกรและนายน้อยที่ถูกทรมานอย่างทารุณ ความโกรธของคนในสำนักมังกรลับเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ได้ปะทุขึ้นมา ต่อให้พวกเดรัจฉานพวกนี้จะถูกตัดตอนสักกี่พันครั้งก็ไม่เพียงพอที่จะคลายความเกลียดชังที่มีในใจของพวกเขาได้เลย
หยางเหว่ยถูกภาพเหตุการณ์เลือดกระฉูดทำให้สลบลงไปทันที
เพียงครู่เดียว ประกายอันเย็นเยือกก็พาดผ่านท่อนขาของหยางเหว่ยไปตรึงเขาเอาไว้กับพื้น หยางเหว่ยร้องครวญขึ้นมาหนึ่งเสียงก่อนที่เสียงกรีดร้องนั้นจะทำให้เขาได้สติขึ้นมา
พูดมา ฉินปิงหลันอยู่ที่ไหน?” เฉินอีมองดูหยางเหว่ยที่กำลังร้องคร่ำครวญแล้วถามอย่างเย็นชา
“จริงๆนะ……เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ ผม……”
ยังพูดไม่ทันจบ มีดอีกเล่มก็ปักลงไปที่ท่อนขาของ หยางเหว่ยอีกครั้ง
“ผมจะถามอีกครั้ง ฉินปิงหลันอยู่ที่ไหน?” ตอนนี้เฉินอีไม่สามารถสะกดจิตสังหารของตัวเองได้อีกแล้ว
“อยู่ อยู่กับคุณชายหลิน…… ที่คฤหาสน์ริมน้ำของหลินเทียนเชิง เป็นเพราะเขา เขาที่ให้ผมทรมานลูกสาวของคุณ เพื่อที่จะใช้ในการบังคับฉินปิงหลันนังแพศยาคนนั้นให้สมยอมเขา ……อ๊า!” ในตอนที่ความ
เขาเฉินอีติดค้างฉินปิงหลันมากมายขนาดนั้น แล้วจะให้คนอื่นมาด่าว่าเธอได้ยังไง
เฉินอีแม้แต่จะฝันก็ไม่กล้าคิดว่าตอนนั้นฉินปิงหลันจะตั้งท้อง และยิ่งคิดไม่ถึงไปกว่านั้นแม้จะถูกขับไล่ออกจากตระกูล เธอก็ยังคลอดเด็กสองคนนี้ออกมา
ในขณะที่ตัวเองกลับไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย ทำให้เธอและลูกๆต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานมากมายขนาดนี้ ต่อให้ตัวเองจะเอาชีวิตแลกคืนให้กับพวกเธอมันก็คงจะทดแทนกันไม่ได้ !
และในตอนนั้น โทรศัพท์มือถือของหยางเหว่ยที่หล่นอยู่บนพื้นก็ดังขึ้น หยางเหว่ยที่นอนอยู่กับพื้นเมื่อได้เห็นก็บอกกับเฉินอีทันที “หลินเทียนเชิงโทรมาแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะเขาที่ให้ผมทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยสักนิด เขา ……”
“รับ” เฉินอีเปล่งเสียงเย็นชาออกมา
อย่าบอกว่าเป็นคุณชายหลินอะไรนั่นเลย ต่อให้จะเป็นเทพเจ้า หากกล้ามารังแกผู้หญิงและลูกของเฉินอี วันนี้พวกเขาต้องตายเท่านั้น !
หยางเหว่ยกดรับสายด้วยมือที่สั่นเครือ
“หยางเหว่ย ตัดแขนของยัยลูกผสมสองคนนั้นซะ นังนี่มันไม่ยอมเชื่อฟังเลย แม่งเอ้ย ”
คำสั่งแสนโหดเหี้ยมดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของ