บทที่ 5 ผู้ชายที่เกลียดจนเข้ากระดูกดำ
ในที่ฉินปิงหลันก็นึกออกสักทีว่าเฉินอีคือใคร
ภาพเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนวนเวียนอยู่ในสมองของเธออย่างไม่สามารถลืมไปได้
ถึงแม้ใบหน้าของเฉินอีจะมีความเปลี่ยนไปบ้าง แต่ฉินปิงหลันรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือคนบ้าที่ข่มขืนตัวเองที่เมืองอสูรเมื่อห้าปีก่อน จนตัวเองแทบอยากจะเอามีดสักพันเล่มเข้าไปแทงเขาอย่างแรง !
เฉินอีมองดูฉินปิงหลันอย่างรู้สึกผิด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โอบกอดความรู้สึกที่ซับซ้อนและร้อนรนเอาไว้แล้วเดินมุ่งหน้าไปหาฉินปิงหลัน เขาหนีไม่ได้แล้ว และก็ไม่อยากจะหนีด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาของตัวเองที่ให้ขาดสติจนทำเรื่องไร้ความเป็นคนแบบนั้นไป
แต่ว่าทำร้ายแล้วก็คือทำร้ายไปแล้ว
สิ่งที่ติดค้างเธอ ทั้งชีวิตนี้ก็ชดใช้ไม่หมด
เฉินอีเดินไปตรงหน้าของฉินปิงหลัน ฉินปิงหลันกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยสัญชาตญาณ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอเหมือนคนบ้าไปแวที่เข้าไปคว้าคอเสื้อของเฉินอีเอาไว้
“ลูกล่ะ?ลูกสาวของฉันล่ะ!?” ฉินปิงหลันถามด้วยร่างกายที่สั่นเทา
เฉินอีเห็นอย่างนั้นจึงรีบปลอบฉินปิงหลัน แล้วบอกว่าตัวเขาได้ช่วยลูกสาวเอาไว้แล้ว กำลังรักษาตัวไม่ได้มีอันตรายใดๆ
ฉินปิงหลันหลังจากที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะร้องไห้โฮออกมาร้องตะคอกพร้อมกับมือที่ทุบตีอย่างแรงไปบนตัวของเฉินอีโดยไม่หยุดยั้ง
“ไอ้คนเลว ปีศาจร้าย ฉันจะฆ่าคุณ ฆ่าคุณ ……อ๊า!!”
“ทำไม?ทำไม?ทำไมถึงได้ทำอย่างนั้นกับฉัน?ทำไมคุณถึงยังไม่ตาย……ทำไม……”
ความเจ็บปวดตลอดห้าปี ความน้อยใจตลอดห้าปี ในที่สุดตอนนี้ฉินปิงหลันก็ได้ระเบิดออกมา
ทั้งหน้าและคอของเฉินอีล้วนถูกฉินปิงหลันตีจนช้ำเลือดไปหมด แม้แต่ปากยังถูกตีจนแตกแล้วเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นให้เธอได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมา
ทั้งด้านมังกรหนึ่งและคนอื่นๆ ต่างแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วหันหน้าไปมองทางอื่นแทน
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่กล้ามาแตะต้องแม้แต่ปลายผมของเจ้ามังกร พวกเขาคงจะต้องจับอีกฝ่ายมาใช้มาแยกศพเป็นแน่ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของนายน้อย เป็นผู้หญิงที่เจ้ามังกรตามหามาตลอดสามปี
เฉินอีใช้แรงดึงฉินปิงหลันเข้าไปในอ้อมกอด “ขอโทษ”
สองคำนี้ เป็นคำที่เฉินอีแอบพูดมาตลอดห้าปี
ร่างกายของฉินปิงหลันแข็งทื่อ แต่หลังจากที่ตั้งตัวได้เธอก็ผลักเฉินอีออกอย่างแรง “ไสหัวไป!”
“ขอโทษ?คำขอโทษคำเดียวของคุณทำอะไรได้บ้าง?”
“เป็นเพราะคุณ ฉันถึงถูกไล่ออกจากตระกูล”
“เป็นเพราะคุณ ฉันเลยกลายเป็นตัวตลกของเมืองฉือ”
“และก็เป็นเพราะคุณที่ทำให้ชีวิตของฉันตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวหนึ่ง”
“คำขอโทษคำเดียวคุณว่าสิ้นเรื่องแล้วงั้นหรอ?ฉันขอบอกคุณไว้เลยว่า ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณจนแทบอยากจเอามีดสักพันเล่มมาแทง ……” ฉินปิงหลันทรุดลงไปนั่งกับพื้น จับหัวเอาไว้พลางร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
เฉินอีชันเข่าลง คลุมเสื้อให้กับฉินปิงหลัน ก่อนจะกอดเธอเอาไว้แน่นๆ อีกครั้ง “หลังจากนี้ ผมจะใช้ทั้งชีวิตนี้ของผมเพื่อที่จะชดใช้ ผมจะไม่มีทางให้ใครมารังแกคุณกับลูกอีก เชื่อผมนะ”
เมื่อได้ยินคำว่าลูกคำนี้ เสียงร้องไห้ของฉินปิงหลันก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ฉินปิงหลันพยายามลุกขึ้นยืนหวังอยากตามเห็นร่างของลูกสาว แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นหลินเทียนเชิงที่กลายเป็นท่อนไม้ไปแล้วจนถึงกับตกใจ
ก่อนหน้านี้ สายตาของฉินปิงหลันเอาแต่จ้องมองไปยังใบหน้าของเฉินอี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ เธอไม่ได้สังเกตเห็นแม้แต่น้อย
ส่วนศพเหล่านั้นในลาน มังกรหนึ่งและคนอื่นๆ ได้นำมาเรียงแถวไว้ตั้งนานแล้วเข้าไปเตะตาของฉินปิงหลันเข้าอย่างจัง
พวกเขาที่เคยผ่านสงครามมาได้เห็นคนตายมามากพอแล้ว แต่นายหญิงไม่ใช่ การที่ได้เห็นศพมากมายขนาดนี้จะต้องตกใจแน่นอน
เฉินอีมองฉินปิงหลันแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “วางใจได้ ลูกๆ กำลังอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ”
“เรื่องที่นี่ผมจะจัดการเอง คุณไปดูลูกๆ เถอะ ส่วนเรื่องอื่นรอให้ผมกลับไปแล้วจะให้คุณด่าตีได้ตามสบายใจเลย”
ไม่รอให้ฉินปิงหลันตอบกลับ เฉินอีก็เรียกมังกรหนึ่งเข้ามา ให้มังกรหนึ่งส่งฉินปิงหลันไปหาลูกๆ ก่อน ทั้งยังสั่งมังกรหนึ่งให้บอกมังกรแปดช่วยตรวจร่างกายของฉินปิงหลันด้วย
“เจ้ามังกรวางใจได้ ผมจะส่งนายหญิงกลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน !” มังกรหนึ่งพูดจบ ก็พาฉินปิงหลันไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างนอบน้อม
สำหรับชื่อเรียกนี้ เฉินอีไม่ได้ขัดอะไรซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับไปปริยาย ส่วนฉินปิงหลันทำเพียงมองไปยังมังกรหนึ่งด้วยสายตาเฉยเมยเท่านั้น
ตอนนี้เธอต้องการเพียงได้รีบพบกับลูกเท่านั้น ขอเพียงลูกสาวไม่เป็นอะไรเรื่องอื่นก็ไม่ได้สำคัญอีกแล้ว
มองดูเฮลิคอปเตอร์ที่บินจากออกไปไกล สีหน้าของเฉินอีพลันเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง
ช่วยคนออกไปได้แล้ว แต่ปัญหายังไม่จบ
เฉินอีหันหน้ามองไปยังหลินเทียนเชิงที่ตัวซีดเผือดจากอาการเสียเลือดเยอะด้วยสายตาที่เฉยชา
องครักษ์มังกรมีหน้าที่เพียงรักษาชีวิตของหลินเทียนเชิงเท่านั้น แต่ไม่ใช่ให้หลินเทียนเชิงได้รับการรักษาที่แสนสบาย
เมื่อได้เห็นตาราวกับเทพแห่งความตายนี้ของเฉินอี หลินเทียนเชิงถึงกับเสียการควบคุม
“ที่แท้ แกคือ……” หลินเทียนเชิงในที่สุดก็เข้าใจสักที ที่แท้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือผู้ชายที่ข่มขืนฉินปิงหลันในตอนนั้น และก็เป็นพ่อของ ยัยลูกผสมสองคนนั้นด้วย
“ฉัน……ฉันปล่อยเธอไปแล้ว ฉันขอร้องล่ะ ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่ไปยุ่งกับพวกเธออีก” หลินเทียนเชิงเริ่มพยายามดิ้นรนร้องขอชีวิต เขาอยากจะลุกขึ้นมาโน้มคำนับ แต่เพราะว่าได้สูญเสียแขนทั้งสอง และเสียเลือดมากเกินไป ดังนั้นแม้แต่จะลุกขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ร่างกายของเฉินอีแผ่อายสังหารออกมาเดินไปยังข้างกายของหลินเทียนเชิง
“ฉัน ฉันขอบอกไว้เลยนะว่า คุณลุงของฉันเป็นคนในหน่วยทหาร หน่วยทหาร ถ้าหากแกฆ่าฉัน เขา……เขาไม่ปล่อยแกไปแน่”
“อีกอย่าง ตระกูลหลินของพวกเรา ไม่ได้มีเพียงในเมืองฉือเท่านั้น แต่ในเมืองชิงชวน ใช่ แม้ในเมืองชิงชวนพวกเราก็มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แกฆ่าฉันไม่ได้ แกจะฆ่าฉันไม่ได้ หากแกฆ่าฉัน แกไม่มีทางออกจากเมืองฉือได้แน่”
“อีกอย่าง อีกอย่าง ถ้าแกฆ่าฉัน ฉินปิงหลันสามแม่ลูกนั่นจบไม่สวยแน่ ตระกูลหลินไม่มีทางปล่อยพวกเธอไป แกจะฆ่าฉันไม่ได้”
หลินเทียนเชิงตื่นตระหนกอย่างหนักพร้อมกับถอยไปข้างหลังในขณะที่ปากก็พูดพร่ำไปยอมหยุด เพื่อลองหาข้ออ้างที่จะสามารถทำให้ตัวเองสามารถมีชีวิตต่อไป
เขาเป็นถึงผู้สืบทอดของตระกูลหลิน เขายังไม่ทันได้ขึ้นเป็นนายท่านเลย เขายังมีช่วงเวลาทองของชีวิตอีกมากมายที่ต้องกอบโกย เขาจะตายไม่ได้ เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด
เฉินอียิ้มเยาะออกมา “ตอนที่คุณทรมานลูกสาวผม เคยคิดที่จะเมตตาบ้างมั้ย ?”
“ตอนที่คุณล่วงเกินฉินปิงหลัน เคยคิดที่จะปล่อยเธอบ้างหรือเปล่า ?”
“คุณสนองความต้องการของตัวเองในเมืองฉือด้วยการทำร้ายผู้หญิงวัยรุ่นที่แต่งงานแล้วตั้งมากมาย ตอนที่ทำรุณกรรมเด็กจำนวนมากมายเหล่านั้น เคยคิดที่จะรามือหรือเปล่า ?”
“คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่าตระกูลหลินของคุณไม่มีใครกล้าสู้ด้วย?โทรไปหาคนมาจัดการผม แล้วคุณก็จะได้มีชีวิตต่อ ถ้าล้มผมไม่ได้ ผมจะล้างบางคุณเก้าชั่วโคตร”
เฉินอีพูดจบ ก็ใช้โทรศัพท์ของหลินเทียนเชิงโทรไปหา หลินเจิ้นหลงพ่อของเขาทันที
“หนึ่งนาทีตัดขาหนึ่งข้าง ฉะนั้นให้พวกเขาเร็วๆ หน่อย” เฉินอีกดเปิดเสียงในโทรศัพท์แล้ววางลงไปข้างหูของหลินเทียนเชิง