Ep.3
ตอนที่ 3
พาร์ท อิท
ผมเริ่มรู้สึกตัวในช่วงสายของอีกวันแต่หลังจากที่ลืมตาผมก็พบว่าเพดานห้องมันแปลกไปจากเดิม ผมลุกขึ้นนั่งช้าๆ แล้วมองไปรอบห้องก็ไม่เจอใคร ผมก้มลงสำรวจตัวเองก็พบว่ามีเพียงเสื้อเชิ้ตที่ผมใส่เมื่อวานกับกางเกงขาสั้นของผมเท่านั้น ผมตกใจเล็กน้อย แต่ว่าร่างกายของผมก็ปกติดีแสดงว่าผมคงไม่ได้ถูกทำอะไรที่มันไม่ดีแน่
ผมตัดสิ้นใจลุกออกจากเตียงและเปิดประตูออกไปข้างนอก ซึ่งพอผมเปิดไปก็เห็นว่าเป็นห้องรับแขก มีโซฟาตัวใหญ่อยู่กลางห้อง ถัดไปก็เป็นครัว ตอนนี้ผมก็ยังไม่พบใคร มองเลยไปก็เหมือนจะเป็นห้องครัว ผมคิดว่าอาจจะมีใครอยู่ในห้องนั้นก็ได้ก็เลยลองเดินไปดู
“ตื่นแล้วหรือไง..” เสียงของใครบ้างคนดังขึ้นหลังจากที่ผมเดินผ่านโซฟาไปนิดเดียว ผมหันไปทางเจ้าของเสียงอย่างช้าๆ
“คุณ!! ..” ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อเจ้าของเสียงคือคนที่เคยขัดขว้างแผนของผม คุณเจสัน
“เออ..กูเอง..ขนาดตกใจมึงยังสุภาพนะ” เขาลุกจากโซฟาแล้วเดินมาพูดกับผมใกล้ๆ
“มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สุภาพนี้ครับ” ผมพูดตอบไป จริงๆผมก็ไม่ใช่คนสุภาพอะไรขนาดนั้นหรอกนะครับ เมื่อก่อนผมก็เด็กวัยรุ่นธรรมดาคนนึงที่เกเรและพูดจาห่ามๆ เหมือนคนอื่นๆ แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ผมเลิกพูดแบบนั้น
“เออ.เรื่องของมึงละกัน...ว่าแต่ทำไมคุณชายอย่างมึงถึงได้ไปนั่งอยู่ร้านเหล้าคนเดียวแบบนั้นวะ..ปกติเห็นมีคนติดตามตลอดไม่ใช่หรือไง” เขาถามผมอีก
“นั้นมันก็เรื่องของผมครับ...ผมว่าผมควรถามมากกว่าว่าทำไมผมถึงมาอยู่กับคุณได้” ผมไม่คิดที่ตอบคำถามเขาแต่ผมเลือกที่จะถามสิ่งที่ผมอยากจะรู้แทน แต่การที่ต้องมายืนคุยกันแบบนี้ทำเอาผมรู้สึกแน่นหน้าอกนิดๆ และหายใจลำบากนิดหน่อยแต่จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี้สิ
“ก็พอดีกูไปนั่งร้านนั้นแล้วบังเอิญเห็นหมาบางตัวมันโดนคนเอายานอนหลับให้กิน..เห็นแล้วสงสารก็เลยไปช่วยก็แค่นั้น” หมาหรอ นี่เขาว่าผมใช่หรือเปล่า
“นี่คุณว่าใครเป็นหมาหะ.....เฮ้ออ.ชั่งเหอะ.ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยละกันแต่ตอนนี้ช่วยบอกได้ไหมว่าเสื้อผ้ากับของๆ..ผมอยู่ที่ไหน” ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยและผมว่าผมรีบทวงของแล้วรีบกลับดีกว่า ผมยังมีงานต้องทำอีกเยอะ
“เสื้อผ้ามึงกูส่งซักไปแล้วเดี๋ยวก็มา..ว่าแต่มึงเถอะจะรีบกลับไปไหน.อยู่เล่นห้องกูก่อนก็ได้นะ.กูไม่ถือ” เขาพูดอย่างสบายๆ ทำอย่างกับเขากับผมสนิทกันอย่างนั้นแหละ
“ขอบคุณที่จัดการเรื่องเสื้อผ้าให้นะครับ..แต่ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องอยู่นานขนาดนั้น..เดี๋ยวผม..อึกก”
พรึบ
“เฮ้ยๆ ..เป็นไร.ไหวปะเนี่ย” จู่ๆ ผมก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาจนทรงตัวไม่อยู่ยังดีที่ว่าคุณเจสันเขาดึงตัวของผมไว้ ผมเลยไม่ล้มลงไปกับพื้น
“วะไหวครับ.ผม...” ผมเงยหน้าเพื่อที่จะขอบคุณเขาแต่พอเงยหน้าขึ้นมาผมก็รู้สึกว่าหน้าของเรามันใกล้กันมากเกินไปจนผมไม่กล้าขยับ เราสองคนเผลอประสาทตาเข้าด้วยกันอย่างไม่รู้ตัว ทำไมกันนะด้วยตาของเขากับดูหน้ามองขึ้นมาอย่างหน้าประหลาด ผมรู้สึกเหมือนดวงตาของเขาดูคล้ายผม
แม่ของผมเขาเป็นคนอังกฤษตาของผมเลยออกฟ้าๆ นิดหน่อยแต่คนตรงหน้าผมออกเป็นสีฟ้าอมเทาทำให้เขาดูหน้าค้นหา
“สวย..” คำพูดที่แผ่วเบาราวกระซิบดังออกมาจากคนตรงหน้าผมแม้ว่าเขาจะพูดเบาแค่ไหนแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดีนี้เขากำลังพูดถึงผมอยู่หรือเปล่านะ รู้อีกทีใบหน้าของเขาก็เลื่อนเข้ามาเลื่อยๆ จน....
ดิ่งด่องงง
“เฮือกก..” ผมผละเขาออกอย่างแรง นี้ถ้าเสียงกริ่งไม่ดังขึ้นมาซะก่อน ผมคงเผลอทำอะไรบ้าๆ ลงไปแน่แต่ทำไมใจผมเต้นแรงขนาดนี้นะ คุณเจสันที่ถูกผมพลักออกก็เดินออกไปเปิดประตูผมเลยได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ผมมองดูคุณเจสันที่เปิดประตูก็เห็นว่าเป็นพนักงานคนนึงซึ่งผมไม่คิดว่าจะเป็นคนส่งเสื้อผ้า ผมว่าน่าจะเป็นข้าวซะมากกว่า
“มากินก่อนสิ..เสื้อผ้ามึงอีกสักพักคงจะมา” เขาบอกพร้อมกับเดินนำไปที่ห้องครัว ผมเลยต้องเดินตามไปเพราะถ้าไม่กินตอนนี้มีหวังผมได้เป็นลมแน่
“ขอบคุณมากครับ..ไว้คราวหลังผมจะชดเชยคืนให้” ถึงยังไงผมก็ไม่อยากจะติดค้างอะไรใครเลยพูดไปแบบนั้น
“ไม่จำเป็น...แต่ถ้ามึงอยากจะตอบกูจริงๆ อะนะกูว่ามึงเลิกพูดสุภาพเถอะไม่รำคาญบ้างหรือไง” เขาว่าพลางจัดการอาหารบนโต๊ะไปด้วย ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่นั่งลงที่เก้าอี้แทน
“เออๆ ..เรื่องของมึงครับ” พอเห็นผมทำหน้าเหมือนคิดหนักเขาเลยพูดออกมาอย่างปลงๆ แล้วก็เลื่อนจานอาหารมาให้ผม
“ขอบคุณ..” ผมบอกอีกก่อนที่จะจัดการกับอาหาที่อยู่ตรงหน้าผม เราสองคนนั่งกินข้าวกันเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนเสียงออดห้องดังขึ้นมาอีกครั้งคุณเจสันก็เดินไปเปิดประตู้และกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าของผม
“อะ.ของมึง” เขาบอกพร้อมกับยื่นเสื้อผ้ามาตรงหน้าผม
“ขอบคุณครับ..” ผมรับมาแล้วพูดขอบคุณเบาๆ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ..เดี๋ยวจานกูจัดการเอง” เขาบอกแต่พอเห็นผมทำท่าจะค้านเขาเลยส่งตาแบบดุๆ มาให้ซะก่อนผมเลยต้องยอมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่โดยดี
“นี้ของๆ มึง..แต่รถมึงอยู่ที่ผับนะ” พอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินออกมาเขาก็ส่งของที่เหลือของผมให้ซึ่งก็คือพวกกระเป๋าเงินกับกุญแจรถผมยื่นมือไปรับไว้
“ไม่เป็นไรครับ..เดี๋ยวผมจัดการเองยังไงก็ขอบคุณมาสำหรับความช่วยเหลือ.ผมขอตัวก่อน” บอกจบผมก็เดินออกมาซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดค้านอะไรเพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น ผมลงมาจากคอนโดของคุณเจสันแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไปที่ผับที่ผมไปเมื่อวานเพื่อที่จะกลับไปเอารถแล้วตรงเข้าบริษัท
พาร์ท เจสัน
ผมมองร่างบางที่เดินออกจากห้องไปด้วยสายเรียบนิ่งจริงๆ ผมก็อยากจะไปส่งหรอกนะแต่ดูเหมือนมันจะไม่ต้องการความช่วยเหลือสักเท่าไร แปลกนะตอนที่ผมมองตามันผมก็เห็นความเย่อหยิ่งในดวงตามันแต่ก็มีความเศร้าซ่อนเอาไว้อีก รู้สึกมีอะไรบ้างอย่างที่น่าสนใจ สงสัยผมต้องสืบหน่อยและ
“พงษ์..นายช่วยไปสืบเรื่องของไอ้อิท.ลูกชายนายกิจมาหน่อยสิ” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์และต่อสายหาลูกน้องคนสนิทของผม
“ (อีกไม่เกินสองชั่วโมงครับคุณชาย) ”
“ดี.ฉันจะรอ” ผมกดวางสายแล้วไปเปิดคอมนั่งดูหุ้นดูงานรอประวัติของไอ้อิทอย่างเย็นใจ ดีจริงๆ วันนี้หุ้นบริษัทผมดีขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อช่วงนี้ชีวิตดีดี้งานก็ดีเงินก็เยอะแล้วดันเกินมาหล่ออีก (เกี่ยวปะ//สายฟ้า) ผมนั่งดูนูนดูนี้ไปเรื่อยจนโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าไง.” ผมกดรับสายแล้วพูดทัก
“ (ผมจัดการส่งประวัติคุณอิทให้เรียบร้อยแล้วนะครับ.คุณชายลองเช็คที่อีเมลได้เลยครับ) ”
“โอเค.เข้าใจและ.ขอบใจมาก” ผมกดวางสายและจัดการเปิดอีเมลขึ้นมาอ่าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทวันเดือนปีเกิดแต่ที่ผมสนใจคือเรื่องในอดีตของมันมากกว่า สมัยก่อนมันก็ดูเหมือนเป็นแค่เด็กคนนึงออกแนวจะเกเรด้วยซ้ำโดนจับบ่อยเพราะมีเรื่องชกต่อยแต่เพราะอำนาจที่มีเลยไม่มีเรื่องพวกนี้ติดประวัติ แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่พี่ชายมันตายมันก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“เหอะ...ก็แค่เด็กมีปัญหาคนนึง” ที่ผมเรียกมันว่าเด็กไม่ใช่อะไรหรอกนะเพราะดูจากวันเดือนปีเกิดมันเป็นน้องผมเผลอๆ เป็นน้องคุณเหนือด้วย แต่ก็แปลกที่อายุแค่นี้แต่กลับเป็นถึงประธานบริษัท ผมจัดการปิดคอมลงและเดินกลับเข้าไปนอนในห้องเหมือนเดิม
“พักซะนอนดีกว่า..” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ และล้มตัวนอนเพราะเมื่อวานนอนที่โซฟาไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรผมเลยนอนไม่ค่อยหลับอีกอย่างวันนี้ผมว่างเลยกะว่าค่ำๆ จะออกไปท่องราตรีสักหน่อย
……
พาร์ท อิท
ผมเดินออกมาจากห้องของคุณเจสันแล้วตรงกลับมาที่รถตัวเองผมกะว่าจะเข้าบริษัทเลยเพราะที่รถของผมมีพวกเสื้อผ้าสำรองอยู่ถึงแม้ว่าเสื้อผ้ามันจะถูกเอาไปซักแล้วก็ตามแต่ผมว่าคงดูไม่ดีถ้าใส่ตัวเดิมไปไม่งั้นคนอื่นคงคิดว่าผมไปค้างคืนแล้วทำอะไรแปลกๆ นะสิ
“อ้าวคุณอิทคะ..ไปไหนมาคะเนี่ยเมื่อเช้าดิฉันโทรไปแต่คุณไม่รับสายเลย” แทบจะทันทีที่ผมเดินมาถึงหน้าห้องทำงานเลขาผมก็รีบลุกขึ้นถามผม
“ขอโทษทีนะ..พอดีผมไม่ได้ยินนะ.ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ผมถามกลับ
“คะ..คือวันนี้มีประชุมของผู้ถือหุ้นคะ.นี้ก็เหลืออีกแค่15นาทีแล้วคะ” ผมพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยๆ เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรหวังว่าคงจะไม่ป่วยหรอกนะ
“เข้าใจแล้ว..คุณไปเตรียมเอกสารเข้าประชุมเถอะเดี๋ยวผมตามไป”
“คะ.คุณอิท” ผมเดินไปเข้าห้องน้ำเพราะอยากจะล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่นมากกว่านี้หน่อยเพราะการประชุมแต่ละครั้งผมรู้สึกอย่างกับเข้าสนามรบ ผมจ้องมองผู้ชายที่อยู่ในกระจกมันสะท้อนภาพคนที่ดูเข้มแข็งในสายตาคนอื่นแต่จะมีใครรู้บ้างว่าใจของผมมันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คนอื่นเห็นเลยสักนิด
“เฮ้ออ..” ผมได้แต่ถอดหายใจอย่างปลงๆ ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำผมก็คงทำได้แค่ก้มหน้าและทำต่อไป
ห้องประชุม
“คุณอิท..ผมอยากรู้ว่าคุณจะทำยังไงในเมื่อตอนนี้หุ้นของบริษัท j.s.กรุ๊ปมันพุ่งสูงกว่าเรา” นึงในผู้ถือหุ้นคนนึงพูดถามผม
“ผมว่าหุ้นมันก็ต้องมีขึ้นมีลงบ้างนั้นแหละครับ..อีกอย่างเพราะลูกชายของบริษัทนู่นเพิ่งกลับมามันก็กลายเป็นข่าวดังมันก็ไม่แปลกที่หุ้นทางนูนจะพุ่งขึ้นมา..แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับผมมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ของเราอีกไม่นานหุ้นเราต้องกลับมาขึ้นสูงเหมือนเดิมแน่ครับ” ผมพูดไปก็มองหน้าของผู้บริหารท่านอื่นๆ ในห้องทีดูเหมือนจะพอใจนิดๆ กับคำพูดของผม
“งั้นก็ดี..ยังไงพวกผมจะรอดูแผนงานของคุณและหวังว่ามันคงจะได้ผลนะครับคุณอิทธิพล” คำพูดที่กดดันผมดังออกมาจากคนบนโต๊ะ ผมรู้ว่าคนพวกนี้ไม่มีใครยอมรับที่ผมได้รับตำแหน่งประธานแต่ก็ไม่กล้าคานอะไร ผมเลยได้แต่ทำเป็นไม่สนใจทั้งสายตาและคำพูดของคนพวกนั้น
“มันได้ผลแน่นอนครับ..พวกคุณไม่ต้องห่วง” ผมตอบกลับเสียงหนักแน่น
“แล้วพีเซนต์เตอร์ของเราละครับคุณได้เลือกคนไว้แล้วหรือยัง”
“ผมเลือกเอาไว้เรียบร้อยแล้วละครับ.จะเริ่มถ่ายพรุ่งนี้.งั้นผมก็ขอจบการประชุมแค่นี้นะครับ.ขอตัว” เหนื่อย เหนื่อยจริงๆ ผมไม่อยากอยู่ในบรรยากาศที่มีแต่สายตาคอยกดดันแบบนั้นอีกแล้วผมเลยเลือกที่จะจบการประชุมและเดินกลับห้องทำงานของตัวเอง
“เออ..คุณอิทคะ..คุณอิทจะรับของว่างหรืออะไรไหมคะ” เลขาผมที่เดินตามมาพูดถามก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน
“ผมขอแค่กาแฟก็พอครับ..” ผมบอกแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าห้องมา ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงานผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาแต่ไม่นานเลขาผมก็เอากาแฟมาให้หลังจากที่ดื่มกาแฟหมดผมก็ลงมือทำงานต่อ