บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ปอน

ทั้งคู่ดูห่วงพี่ปันมากเท่ากันเลยอ่ะ แต่เรายังคงติดใจเรื่องที่นายคนนี้ชอบพี่ปันด้วยทั้งๆที่พี่ปันกับแฟนเขากำลังจะแต่งงานกันแล้วแท้ๆ แต่คิดเท่าไหร่เราก็คิดไม่ตก จนซักพักพี่ปันฟื้น เราจึงรีบตรงเข้าไปหาเขา

“พี่ปันเป็นไงบ้างฮะ”เราจับมือพี่ปันขึ้นมา และพอพี่ปันเห็นเราพี่ปันก็เอามือมาจับหัวเราเบาๆ

“พี่ไม่เป็นไรหรอก”

“แล้วที่เป็นลมนี่คือไรฮะ ถ้าไม่เป็นไรจริงๆ”

“ก็แค่ แพ้ท้องนะเลยเป็นลมไป”

เคยช็อคอะไรติดๆกันมั้ยอะ นี่แหละที่เราเจอ ช็อคแล้วช็อคอีก คือมีอะไรให้ช็อคอีกมั้ยจะได้ช็อคทีเดียวพร้อมกันไปเลย

“ท้องเหรอฮะ”

เราพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ท้องนี่หมายความว่ากำลังจะมีเด็กงั้นเหรอ ใช่มะ แล้วท้องก่อนแต่งนี่คืออะไร

“เพราะพี่ท้อง พี่เลยต้องแต่งงานให้เร็วที่สุดเพราะเราจะได้ทำเรื่องไปอเมริกา ไปอยู่กับครอบครัวของไมเคิล ปอนเข้าใจพี่ใช่มั้ย”พี่ปันส่งมาแบบนี้ คิดว่าเราควรตอบพี่ปันว่าไง ในเมื่อเราไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง

“ไปกับพี่นะปอน ไปอยู่ด้วยกัน ไปอเมริกากับพี่ พี่จะดูแลแกเหมือนที่พี่ดูแลแกตอนนี้เลย ”

เราเอาแต่เงียบและให้คำตอบอะไรพี่ปันไม่ได้ซักอย่าง

“ปอนว่าพี่ปันพักดีกว่าฮะ แล้วปอนจะมาหาพี่ปันใหม่วันหลัง”

“ปอน พี่ต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ ไปกับพี่ ไปอยู่ด้วยกัน พี่อยากให้ปอนสบายไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์อีก พี่ดูแลปอนให้สบายได้แล้วนะ”

“พี่ปันปกติพี่ก็ดูแลปอนอย่างดีมาตลอด ปอนไม่เคยน้อยใจหรือว่าคิดไม่ดีกับพี่เลย แต่ที่นี่คือบ้านเกิดของปอนนะฮะ ปอนรักที่นี่ ปอนอยากอยู่ที่นี่ ถ้าพี่ปันจะไป ปอนจะไม่ว่าเลยฮะ เพราะพี่ก็คงอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ครอบครัวของพี่ มันไม่ควรมีปอนเข้าไปแทรก พี่ปันเข้าใจที่ปอนพูดใช่มั้ยฮะ”

“แกพูดอะไร แกคือครอบครัวคนสำคัญของฉันนะ”

“แต่ต่อไปนี้มันไม่ใช่แล้วไงฮะ ต่อไป เด็กในท้องคือคนสำคัญของพี่ แล้วไม่ใช่ปอนแล้ว”

“ปอน”

“ปอน ว่าปอนไปก่อนดีกว่า เอาไว้ ปอนจะโทรหาฮะ”

เรารีบดันตัวเองออก แต่มันยังออกไม่ได้ไง ในเมื่อผู้ชายคนนั้นกำลังยืนอยู่ข้างหลังเรา เอ้า ตายเลย นี่เราลืมดูเหรอว่าเราแทรกเขาเข้ามา อะไรอ่ะทำไมซุ่มซ่ามไม่ดูอะไรแบบนี้ ซึ่งเขาก็ยิ้มนะเมื่อเราหันไปมอง และเราก็สัมผัสได้เลยนว่าเขาเอามือมาจับที่เอวเรา เราจึงรีบวิ่งออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิตเลย แล้วพอเราออกมาเราก็โล่งเลย เราคิดว่าออกมาแบบนี้มันดีแล้วเพราะยังไงดูแล้วพี่ปันก็คงปลอดภัยแล้ว คงไม่ต้องห่วงอะไรอีก

และพอเราเดินทางมาที่ ห้องเช่า ที่เป็นที่อยู่ของเราซึ่งพี่ปันเป็นคนเช่าให้เราและออกค่าเช่าทุกเดือน แต่วันนี้มันกลับถูกติดป้ายว่า ขายแล้ว เอ้ย ขายทั้งตึกเลยเหรอ อะไรกันอ่ะ เราจึงวิ่งไปหาผู้ดูแล ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังขนของออกเหมือนกัน

“ป้าฮะ อะไรกันฮะเนี้ย นี่ป้าขายที่นี่เหรอฮะ”

“อืม ใช่พอดี เขาให้ราคาดี ป้าเลยขาย”

“ขายง่ายๆแบบนี้เลยเหรอฮะป้า”

“ก็เขาจ่ายตังแล้ว เราว่าง่ายมั้ยละ”

“แล้วปอนจะไปอยู่ไหนละฮะ ทำไมป้าถึงไม่แจ้งผู้เช่าก่อนละ”

“ก็เรื่องของผู้เช่าซิ ในเมื่อป้าขายแล้ว ถอยๆ อย่าเกะกะ จะเก็บของ”

ป้าดูไม่สนใจเราเลยนะ ส่วนผู้เช่าคนอื่นๆก็ต่างพากันย้ายของกันอย่างจำใจ บางคนมีน้ำตาเลย ก็เศรษฐกิจมันไม่ดีแบบนี้จะเอาเงินไหนไปเช่าที่ใหม่ละ แล้วเราละจะทำไงอ่ะ ในเมื่อเงินติดตัวมันก็ไม่มากพอที่จะไปมัดจำเช่าหอที่ใหม่เหมือนกัน แล้วไหนจะข้าวของที่ต้องย้ายออกมาอีก เราจึงเลือกที่จะไปเช่าห้องพักรายวันอยู่ก่อนเพราะอีก 1 เดือนก็ต้องไปสอบเข้ามหาลัยแล้ว ส่วนที่นั่นก็คงต้องติดต่อรถขน แต่ห้องก็ยังหาไม่ได้ ให้ตายเหอะ ปวดหัวจัง เราจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมมองไปยังหน้าจอที่ขึ้นชื่อพี่ปัน นี่เราควรโทรหาพี่ปันมั้ย เราควรขอความช่วยเหลือจากพี่ปันรึเปล่า แล้วคือเรานั่งจ้องโทรศัพท์อยู่นานจนสุดท้ายก็ต้องล้มเลิกแล้วทิ้งตัวลงนอน

ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตในห้องพักนี่ไปเรื่อยๆประมาณ 3 วันส่วนช่วงเย็นก็ไปเป็นลูกจ้างที่ร้านดอกไม้เพราะว่าเขาให้เงินดี ซึ่ง เราก็รู้สึกห่วงพี่ปันนะ คืออยากรู้ด้วยแหละว่าเขาเป็นไงบ้าง เราเลยไปเปิดไอจีเลยได้เห็นในไอจีพี่ปันทำรูปสีดำ คืออะไรเศร้าอะไร เป็นอะไรรึเปล่า เราจึงโทรไปหาพี่ปัน ทั้งๆที่ใจก็กลัวจะโดนด่าแหละ และพอพี่ปันรับ เสียงพี่ปันก็ดูไม่ดีเลย เสียงบี้อย่างกับคนร้องไห้หนักมางั้นแหละ

“พี่ปันเป็นไรมั้ยฮะทำไมดูเสียงแปลกๆ”

“ไม่เป็นไร พี่ก็แค่ เศร้าอยู่”

“เศร้าเหรอ เศร้าทำไมฮะ เป็นไรรึเปล่า”

“พี่เลิกกับไมเคิลแล้วนะ พี่จะกลับไปอยู่กับปอนนะ”

“อะไรนะฮะ เลิกกัน ทำไมอ่ะ แล้วแบบนี้ หลานปอนไม่กำพร้าเหรอฮะ ทำไมพี่ปันทำงี้อ่ะ”

เราโวยวายขึ้นมาทันที คือเราไม่ได้หวังให้เขาเลิกกันในเมื่อมีหลานแล้ว เราก็ไม่ใช่คนใจดำอะไรขนาดนั้นมั้ยอ่ะ แล้วคือเราถามพี่ปันเป็นชุดเลย คือเราไม่เข้าใจไงว่าตอนนี้พี่ปันกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่

“ก็พี่ไม่อยากให้ปอนเสียใจ พี่เลยคิดว่าเราอยู่กัน 3 คนก็ได้ เพราะพี่ก็เลี้ยงปอนมาด้วยตัวเองแล้วทำไมพี่ถึงจะเลี้ยงลูกเองไม่ได้”

ตอนนี้ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด เพียงเพราะแค่เราไม่ยอมไปกับพี่ปันงั้นเหรอ

“แล้วตอนนี้พี่ปันอยู่ไหนฮะ”

“พี่กำลังหาเช่าบ้านอยู่แล้วพี่ก็จะไปรับปอนมาอยู่ด้วย”

“ส่งพิกัดมาฮะ เดี๋ยวปอนไปหา”

พอวางสาย พี่ปันก็ส่งโลเคชั่นมาให้เรา เราจึงรีบไปหามอไซค์รับจ้างแล้วบึ่งไปหาพี่ปันทันที เร็วแค่ไหนนะเหรอ ก็แบบว่าเข่าเรารูดไปกับรถข้างทางจนเขียวไปหมดแบบนั่นแหละ และพอมาถึง เราก็เห็นพี่ปันกำลังร้องไห้อยู่ที่โต๊ะในร้านอาหาร เรารีบเข้าไปหาพี่ปันทันที

“พี่ปัน”พอได้ยินเสียงเราพี่ปันก็ลุกมากอดเราทันทีท่ามกลางสายตาของคนทั้งร้าน

“ปอน แกมาจริงๆด้วย แกไม่ทิ้งพี่ไปใช่มั้ย”พี่ปันร้องไห้อย่างกับเด็กๆแนะ เราจึงตบหลังเพื่อปลอบประโลมป้าที่เริ่มมีอายุคนนี้เบาๆ อารมณ์ที่สวิงนี่เราคิดว่าน่าจะเป็นวัยทองละมั้งนะ

“พี่ปันอย่าร้องฮะ อายเขา”

“พี่ไม่อาย”พี่ปันยังคงร้องไห้ไม่หยุด และกว่าเราจะปลอบให้หายได้ก็ปาไปหลายนาทีเลย ดูดิ ขี้มูกก็มา น้ำตาก็มา เปื้อนเสื้อเราไปหมดละ เด็กน้อยปะเนี้ย

“วันหลังใช้ทิชชู่ดิฮะ ไม่ใช่เอาเสื้อปอนไปเช็ดแบบนี้ มันเปื้อน”เราส่งทิชชู่ให้พี่ปัน ซึ่งพี่ปันก็รับนะ แถมยังสั่งขี้มูกซะเต็มแรงเลย

“สรุปเป็นอะไรฮะ ทำไมเลิกกับแฟนได้ ก็ไหนบอกว่า งานแต่งก็จัดการแล้วไง”

พอได้ยินคำถามของเราพี่ปันก็ร้องขึ้นมาอีก เอ้า สรุปจะรู้เรื่องกันมั้ยละวันนี้ ร้องไม่หยุดเลย

“พี่ปันฮะ ฟังปอนมั้ยเนี้ย”

“ฟังซิ”

“ก็แล้วเรื่องมันเป็นไงฮะ เล่าให้ปอนฟังได้มั้ย”เรายังคงอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดซึ่งพี่ปันก็ดูเหมือนกำลังระงับอารมณ์เสียใจอยู่

“ก็พี่เลือกปอนไง ในเมื่อปอนไม่ไปกับพี่ แถมยังไปอยู่คนเดียว พี่จะทิ้งปอนได้ไง พี่เลิกกับไมเคิล แล้วจะกลับมาอยู่กับปอน”

เอาจริงคือเราไม่คิดว่าพี่ปันจะทำเพื่อเราขนาดนี้นะ เพราะเราก็โตแล้วไง เราดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว

“เพื่อไรฮะ”

“ก็พี่เลี้ยงปอนมาตั้งแต่เล็ก พี่รักแกมากนะปอน แล้วจะให้พี่เลือกผู้ชายแล้วทิ้งแกพี่ทำไม่ได้”

พูดไปก็ร้องไห้ไปด้วย คงเจ็บปวดแหละ เพราะดูแล้วเหมือนกับว่าพี่ปันจะรักแฟนมาก ไหนจะลูกในท้องอีก

“ไม่ต้องทำเพื่อปอนขนาดนี้ก็ได้ฮะ”

“ไม่ได้หรอก”

เราว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้การแน่ๆ พี่ปันมีหวังซึมเศร้าแย่เลย เราจึงเอื้อมมือไปจับมือพี่ปันแกดูตกใจนะ

“พี่ปันฮะ ปอนไม่โกรธพี่แล้วฮะ พี่จะแต่งงานก็ทำเถอะ แต่ปอนขอแค่ ปอนไม่ไปอเมริกากับพี่ได้รึเปล่าฮะ”ข้อเสนอของเราทำเอาพี่ปันหยุดร้องกระทันหัน เอ๊ะ ไอ้ที่ฟูมฟายเมื่อกี้นี่ร้องจริงหรือว่าแสดงกันแน่อ่ะ ทำไมหยุดร้องไวขนาดนี้

“จริงเหรอ ให้พี่แต่งงานโดยที่ปอนไม่โกรธพี่จริงๆใช่ปะ”

“หยุดร้องไห้แล้วเหรอ”

“หยุดแล้ว”

เราหรี่ตามองพี่ปันอย่างหาข้อพิรุธแต่ดูเหมือนพิรุธมันจะเยอะแยะไปหมดเลยนี่ซิ

และพอพี่ปันเห็นเราจ้องเขาก็เปลี่ยนท่าทีมาเป็นเศร้าทันที แสดงเก่งนะ แต่โคตรไม่เนียนเลยอ่ะ

“แต่พี่ก็ไม่อยากให้ปอนอยู่คนเดียวเลยอ่ะ”

“ปอนไม่เป็นไรฮะ ปอนอยู่ได้ พี่ปันก็รู้ว่าปอนเรียนศิลปะป้องกันตัวมา”

“นั่นมันก็แค่งูๆปลาๆจากลุงสิงข้างบ้านมั้ยอ่ะ ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์จริงจะทำไง”

พี่ปอนจะเป็นแบบนี้แหละ คิดมากเรื่องเราตลอด คงแก่แล้วมั้ง ก็ 40แล้วนี่

“แล้วพี่ปันจะเอาไงฮะ พูดมาเลยดีกว่า เพราะที่เห็นๆนี่มีอะไรในใจใช่ปะ”

เราพูดอย่างรู้ทัน พี่ปันเลยเปลี่ยนท่าทีเลย ร้ายมั้ยละคุณพี่สายป้าเนี้ย

“ก็ พี่จะแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อที่เวลาออกลูกมันจะได้สะดวก”

“แล้ว????”

“ก็ถ้าปอนไม่ไปกับพี่ปอนก็ไปอยู่กับเพื่อนพี่นะ”

“ไรฮะ ไม่เอา ปอนไม่ชอบอยู่กับคนอื่น”

เราปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องรอให้พี่ปันพูดต่อเลย คืออะไร จะให้เราไปอยู่บ้านคนอื่น ในฐานะอะไรก็ไม่รู้ คือมันไม่สะดวกใจ เข้าใจเรากันใช่ปะ

“ไม่ต้องห่วงเลย เพื่อนพี่คนนี้ไว้ใจได้ อีกอย่าง มันก็ทำแต่งานไม่มาสนใจแกหรอกปอน”

“ไม่ฮะ”

“งั้นพี่ก็คงแต่งไม่ได้เพราะพี่เป็นห่วงแกนะปอน ไหนแกกำลังจะสอบเข้ามหาลัยอีก แล้วไหนจะที่ อยู่ที่กิน อีกอย่างแกเป็นผู้หญิง พี่ต้องเครียดจนลามไปถึงลูกแน่ๆ”เล่นใหญ่รัชดาลัยมากๆ นี่ถ้าไม่เป็น ครีเอทีฟ นึกว่าเป็นดาราซะเองเลยนะเนี้ย เว่อร์สุด

“อะเครๆ ก็ได้ จะให้ทำอะไรก็ตามนั้นเลยฮะ เอาที่พี่ปันสบายใจ แล้วจะได้หยุดเล่นละครซะที”

พี่ปันจากที่ร้องไห้กลายเป็นยิ้มกว้างเลย เห็นปะ แสดงเก่งอ่ะ

“งั้น วันนี้ย้ายไปเลยนะเพราะพี่จะบินวันนี้แล้ว”

“หะ!!!! คืออะไรนะฮะที่บอกว่าจะบินวันนี้ แล้วไหนงานแต่งอ่ะ”งงคูณ 2 ไปอีกก็ท่าทีของพี่ปันนี่แหละ เพราะจากที่ร้องไห้เมื่อกี้ตอนนี้หยิบเครื่องสำอางมาโบ๊ะละ

“ก็พี่แต่งงานแล้วไง ว้ายตายแล้ว จะเลยเวลาบินแล้วเนี้ย บ๊ายบายนะตัวเล็กของพี่ เอาไว้ถึงแล้วพี่จะโทรหา ส่วนนี่ก็คือที่อยู่กับเบอร์โทรของบ้านที่พี่จะให้เราไปอยู่ แล้วนี่ก็คือคีการ์ด ส่วนนี่ก็เบอร์พี่เอาไว้โทรตอนพี่อยู่อเมริกา โอเค๊ไปน้า ไหนจุ๊บที”

คือมาเป็นชุด แล้วก็แบบไม่ทันให้เราได้พูดอะไรมาก คือยืนงงในดงของความงงอีกที

สรุปคือพี่ปันแต่งงานแล้ว แล้วก็มาหลอกเราให้ไปอยู่บ้านเพื่อน แล้วก็มาฟูมฟายเพื่ออะไรเนี้ย อยากจะบ้าตาย แต่ที่แย่กว่าคือเราเผลอดันไปรับปากแล้วไง สุดท้ายก็คือต้องทำตาม ส่วนข้าวของที่ห้องเก่า พี่ปันบอกไม่ต้องเอาแล้ว เพราะเดี๋ยวพี่ปันจะซื้อให้เราใหม่ ซึ่งหลังจากที่คุยกับพี่ปันเสร็จ เราก็จำใจมาหาเพื่อนพี่ปันที่บอกเอาไว้ แต่แม่เจ้า คุณพระช่วย คือเรามาหยุดอยู่ที่หน้าเพ้นเฮ้าส์สุดหรู ซึ่ง จากที่เราเสิร์ซหาในเน็ต นี่นี่มันติดอันดับ 1ใน3 ของเมืองกรุงที่ดีที่สุดเลยนะ แล้วเราต้องมาอยู่ที่นี่อะเหรอ มันถูกที่จริงๆปะเนี้ย เราจึงกดโทรหาพี่ปันแต่คือติดต่อไม่ได้แล้ว สงสัยขึ้นเครื่องไปแล้วมั้ง ให้ตายซินี่มันชีวิตอะไรเนี้ยทำไมมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้

เราจึงจำใจเดินเข้าไป แต่ยามไม่ยอมให้เราเข้าไปเราจึงยื่นคีการ์ดให้เขาเพราะตอนนี้คงมีไอ้นี่เท่านั้นแหละที่จะยืนยันให้เราได้ว่าเรามาหาห้องนี้จริงๆ

“เชิญครับ ชั้น 40 ครับ”

“40 เลยเหรอฮะ”

“ครับ”

“ขอบคุณฮะ”

พอละจากพี่รปภ เราก็เดินไปขึ้นลิฟต์ที่มันตรงไปยังชั้น40เลย และพอมันเปิดคือมันก็เข้าห้องได้เลยอ่ะ แบบไม่ต้องมีทางเดินหรืออะไร ทำไมมันถึงได้หรูหราหมาเห่าขนาดนี้ นี่เราต้องอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ รู้สึกเกร็งๆแปลกๆแฮะ

“หวัดดีฮะ มีใครอยู่มั้ยฮะ”

เราพยายามส่งเสียงเรียกเจ้าของบ้านแต่ดูเหมือนมันจะไม่มีใครได้ยินอะไรเลยอ่ะ เราจึงเดินไปรอบๆ ซึ่งที่นี่ดูเหมือนจะมี 4 ห้องนะ ไม่รวม ห้องครัวกับห้องนั่งเล่น มันใหญ่ได้ขนาดนี้จริงๆดิ นี่ถ้าไม่รวยมากซื้อไม่ได้นะ

“หวัดดีฮะ มีใครอยู่มั้ยคะ คือว่าปอนเป็นน้องสาวพี่ปันฮะ”

ก็ยังคงเงียบ เราจึงเดินไปเปิดห้องเพื่อดูว่ามีคนอยู่มั้ย แต่เปิดมาจนครบ 3 ห้องแล้วก็ไม่มี คงเหลือห้องที่4 แล้วหละ เอาเถอะน่าลองดูเผื่อเจอเจ้าของบ้านก็ได้ และพอเราเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นเลยคือผู้หญิงที่เปลือยกายนั่งอยู่ แล้วมีผู้ชายอยู่ในห้องด้วย

“ขอโทษฮะ”

เราจึงรีบปิดห้องทันที เอาละซิพวกเขาทำอะไรกันอ่ะ หรือว่าจะทำเรื่องของผู้ใหญ่ งั้นค่อยมาใหม่ละกันนะ เราควรถอยทัพก่อนแล้วกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel