บท
ตั้งค่า

...วุ่นวายนักจู่ๆ มีพ่อเป็นซุปตาร์...บทที่3.

เด็กๆ มองหน้ากัน ไม่มีใครแย้งคำพูดฉัน พวกเขาแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ฉันรวบรวมกระดาษ แต่แอบเก็บกล้องไว้ แล้วก็นำลังกระดาษนั่นขึ้นไปเก็บไว้ที่เดิม

ขายกระดาษและขวดเปล่าได้เศษสตางค์ไม่ถึงสองร้อย ฉันหย่อนลงไปในกระปุกที่แม่เก็บไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ แล้วก็ตัดสินใจเปิดทีวีให้เด็กๆ ดูตามสัญญา

ฉันเดินเลยกลับเข้าไปในครัว ควานหาน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มกลั้วคอ พร้อมกับคิดหาทางง้างความลับเรื่องพ่อ จากแม่ให้ได้

“พี่เอลๆ มาดูนี่ก่อนค่ะ”

เสียงเด็กเรียกชื่อฉันดังลั่น ชัชวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในครัว และออกแรงรั้งแขนฉันแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

“อะไรกัน จะให้พี่ไปไหน” ฉันขืนตัวไว้แต่สู้แรงเด็กสิบขวบเพศชายไม่ไหว

ฉันเลยเดินลากขาตามไป และสิ่งที่ฉันเห็น ทำให้ฉันยืนตาค้าง

ผู้ชายในกล้องกับผู้ชายในทีวีคือคนเดียวกัน ผู้ชายคนนั้นกับผู้ชายในกล้องเหมือนกันเหมือนโขกออกมาจากเบ้าเดียวกันเลย เขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากเทียบกับแม่ของฉันที่โทรมลงเพราะการทำงานหนักและปัญหามากมายรุมเร้า เขาเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด มีเพียงอายุที่เพิ่มขึ้น และเขาเป็นดารา เหมือนที่เด็กๆ พยายามบอกฉัน

ขาฉันอ่อนยวบ นั่งจ้องชายผู้นั้นตาไม่กะพริบ

“สายใจบอกพี่เอลแล้วไงคะ”

ฉันไม่ชอบดูทีวี ฉันชอบอ่านหนังสือมากกว่า ท่าทางแม่โล่งอก ทุกครั้งที่แม่เปิดทีวีให้เด็กๆ ดู ฉันก็มักจะเลี่ยงไปอ่านหนังสือในห้อง ฉันรู้แล้วล่ะทำไมแม่กังวล และพยายามกันฉันให้ห่างจากจอทีวี

ความลับของแม่ซ่อนอยู่ตรงนี้เอง

“พี่เอลสวยเหมือนลุงนี่เอง”

คงจะจริง ฉันหน้าคมและผิวขาว แม่ฉันผิวคล้ำ ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเพราะแม่ทำงานหนัก แม่เลยคล้ำลง เปล่าเลย ฉันได้ยีนเด่นจากชายผู้นี้มา ผิวของฉันถึงขาวจั๊วะ ฉันสูงกว่าแม่มากกว่าหนึ่งคืบ และนี่เป็นยีนอีกตัวที่ฉันถ่ายทอดมาจากชายผู้นั้น ฉันถอนใจแรงๆ ฉันยังไม่แน่ใจนัก ฉันอาจจะเข้าใจผิด แต่ฉันก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะถามแม่ตรงๆ

ฉันคงต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเอง

ฉันไม่มีโทรศัพท์ใช้ มันเป็นของใช้ฟุ่มเฟือย เวลานี้ฉันเริ่มเสียใจ หากฉันมีโทรศัพท์ตอนนี้ วันนี้ฉันอาจรู้ความจริง ด้วยการถามผู้ชายคนนั้นตรงๆ

“เรื่องนี้ตองเป็นความลับนะ รอให้พี่เจอผู้ชายคนนั้นก่อน ห้ามใครปริปากบอกแม่เด็ดขาด”

คงต้องคิดทบทวนหลายรอบ ฉันไม่รู้ว่าควรทำอะไรก่อนหรือหลัง ฉันอยากรู้ความจริง พอๆ กับการฝังกลบสิ่งที่ฉันเพิ่งรู้วันนี้ลงไปให้ลึกที่สุด แม่คือคนที่รักและหวังดีกับฉันที่สุด ส่วนผู้ชายคนนั้น ต่อให้เขาเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ไม่มีความสำคัญกับฉันเลย หากเทียบช่วงเวลาที่ฉันโตมาโดยไม่มีเขา

แม่กลับมาตอนเย็น เย็นมาก เลยเวลามื้อเย็นไปหลายชั่วโมง สีหน้าแม่เคร่งเครียด นั่นหมายความว่าสิ่งที่แม่ออกไปควานหาไม่สำเร็จ เศรษฐกิจแบบนี้ คนใจบุญมีน้อยลง ไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่เพราะพวกเขาก็ต้องประหยัด การทำบุญคือการทำแบบที่ตนเองไม่กระทบกระเทือน ไม่อย่างนั้นบุญที่ได้ก็สูญเปล่า เมื่อต้องแบกรับความลำบากใจไว้ด้วย

“แม่เหนื่อยไหมจ๊ะ” ฉันรินน้ำเย็นใส่แก้ว เดินตรงมายื่นให้แม่

แม่รับแก้วน้ำไปดื่ม แต่ไม่ยอมตอบ เสียงถอนใจของแม่ทำให้ฉันไม่อยากปริปากถาม

เด็กคนอื่นๆ ก็คงรู้สึกเหมือนฉัน ไม่มีใครปริปากออกมาสักคน

“หิวกันหรือยังเด็กๆ” ฉันรู้ว่าแม่ฝืนยิ้ม ความห่วงใยในน้ำเสียงนั่นคือความรู้สึกจากใจของแม่

สายใจพยักหน้า ชัชไล่ต้อนเด็กเล็กกว่าให้ไปจัดการอาบน้ำล้างตัว “ไปเอล ไปช่วยแม่ทำกับข้าวกันเถอะ”

ฉันเดินตามแม่ไม่ได้พูดอะไร แม่กลับมามือเปล่า ไม่เหมือนกับทุกครั้ง ทั้งที่เป็นวันสิ้นเดือนแล้วแท้ๆ

“มูลนิธิไม่จ่ายเงินให้แม่เหรอคะ” ฉันกระซิบถาม

“อืม...เขาขอเลื่อนออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์” แม่ตอบก่อนจะเดินไปค้นหาผักสดในตู้เย็น มื้อนี้คงเป็นผัดผักอีกเหมือนเดิม แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกินเลย ฉันเดินเลยไปที่ถังข้าวสาร ฉันมีหน้าที่หุงข้าว ฉันถอนใจแรงๆ ตอนที่ตักข้าวสารในถังใส่หมอหุงข้าว ฉันโตแล้ว และหน้าที่นี้ฉันทำมาตั้งแต่สิบขวบ ปริมาณข้าวสารในถัง อยู่ไม่ถึงอาทิตย์หนึ่งแน่ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel