บท
ตั้งค่า

เอาตัวรอด

เจ้าเว่ยยังนิ่งเงียบตั้งแต่โดนเขาอุ้มมาโยนโครมลงบนเตียง บัดนี้ความเจ็บปวดเริ่มแทรกไปทั่วร่าง ในสมองก็คิดหาแต่วิธีหนีออกไปจนไม่เสียเวลากล่าววาจาใด

"รีบรักษาคน" ฝูจื่อหรงหรี่ตามองหมอหญิงเมื่อเห็นพวกนางยังยืนค้อมกายไม่ขยับเขยื้อน

เจ้าเว่ยยื่นเท้าออกไปด้านข้างเตียงเพื่อให้หมอหญิงดูแผลทันทีที่หมอหญิงเดินมาใกล้

เตียงใหญ่ของฮ่องเต้ตั้งอยู่กลางห้องโอบล้อมด้วยผ้าบังตาสีขาวผืนบางเพื่อกั้นสายตาของคนนอก

"เอ้อ..ขอข้าน้อยจับชีพจรเจ้าค่ะ" หมอหญิง กล่าววาจาอึกอัก นางไม่รู้ว่าจะใช้คำลงท้ายเช่นใด เนื่องจากสงสัยในตําแหน่งของสตรีผู้อยู่เบื้องหน้า

ในวังหลวงแห่งนี้ ตำหนักมังกรของฮ่องเต้คือที่ต้องห้ามของสตรีไม่เว้นแม้แต่ฟางกุุ้ยเหรินพระสนมคนโปรด ใครบังอาจฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาติมีโทษตายสถานเดียว

ถึงฝ่าบาทจะมีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องสตรี แต่ทรงหวงความอิสระ ไม่ทรงโปรดให้สตรีคนใดมาสร้างความรำคาญที่นี่ ห้องบรรทมของพระองค์ผู้ที่ฝ่าบาทอนุญาติให้เข้ามาภายในได้มีเพียงมามาสูงวัยผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดสองคนเท่านั้น

และนี่ก็เป็นครั้งแรกของหมอหญิงเช่นกันที่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาด้านใน

สตรีผู้อยู่เบื้องหน้านางต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน นางมีใบหน้าที่งดงามแปลกตาให้ความรู้สึกแปลกใหม่ยิ่งนัก

เจ้าเว่ยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากการแพทย์ของคนโบราณ เธอคิดว่าช่างไร้สาระสิ้นดี

"ข้าเจ็บขาจะมาจับชีพจรข้าทำไม ท่านก็ทำแผลให้ข้าสิเห็นไหมเลือดไหลออกมาไม่หยุดเลยเจ็บจะตายอยู่แล้ว"

ด้วยฐานะองค์หญิงผู้เอาแต่ใจแห่งแคว้นเหลียง ทำให้เจ้าเว่ยลืมตัวไม่สนใจบุรุษที่ยืนอยู่ใกล้ๆกล่าววาจาดุหมอหญิงออกไปด้วยเสียงอันดัง

เมื่อได้ยินเสียงเล็กๆของใครบางคนตวาดหมอหญิงจนตัวสั่น ฝูจื่อหรงจับจ้องนางไม่วางตาด้วยความสงสัย

ท่าทางของสายลับผู้นี้จะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แม้ว่านางจะอยู่ท่ามกลางคนของเขา สตรีผู้นี้ก็ยังสามารถวางอำนาจ หลังเหยียดตรงแววตาไม่หลุกหลิก นางเหมือนสตรีที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีในวัง ไม่แสดงความหวาดกลัวผู้ใดแม้แต่น้อย น้ำเสียงที่ถือดีและเอาแต่ใจของนางเรียกความสงสัยเกิดขึ้นภายในใจของฝูจื่อหลงเข้าไปอีก

"เอ่อ..ต้องตรวจชีพจรเพื่อดูอาการก่อนเจ้าค่ะหลังจากนั้นข้าน้อยจะทำแผลให้เจ้าค่ะ"

เจ้าเว่ยหน้าบึ้งแต่ครั้นเมื่อเหลือบสายตาไปเจอดวงตาเหยี่ยวที่จ้องมองเธออย่างดุดัน เจ้าเว่ยก็สะดุ้ง รีบยื่นมือน้อยออกไปให้หมอหญิงตรวจทันใด

เจ้าเว่ยคิดถึงยาแก้ปวดที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเธอเหลือเกิน ยาจากโลกปัจจุบันสารพัดชนิดที่เจ้าเว่ยนำมาด้วยคงช่วยเธอได้มากกว่านี้

เมื่อหมอหญิงตรวจเสร็จก็จัดการทำแผลให้ทันที นางเทผงบางอย่างลงบนแผลของเจ้าเว่ยหญิงสาวสะดุ้งโหยงร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง

"โอ๊ยแสบ ไม่เอาแล้วพอแล้ว" เจ้าเว่ยชักเท้ากลับเข้ามาในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว เมื่อผงสีขาวออกขุ่นกระทบกับแผลของเธอ

เจ้าเว่ยมุดเข้าไปในผ้าห่ม ยกเท้ามาใกล้ปากแล้วเป่าฟู่ๆลงไปบนเท้าตนเองเพื่อคลายความแสบร้อนจนทนไม่ไหว

"ข้าไม่เป็นไรแล้วพวกเจ้ารีบกลับไปเถอะ" เธอโผล่ใบหน้าเล็กออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิง รีบไล่หมอหญิงออกไปเมื่อพวกนางทำท่าจะดึงขาของเธอไปใส่ยาอีกครั้ง

"แต่คุณหนูเจ้าคะ ข้าต้องใส่ยาที่แผลถึงจะทำให้แผลแห้งและไม่กลายเป็นหนองจนท่านอาจล้มป่วยลงได้นะเจ้าคะ"

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เกรงใจพวกท่านแล้ว ข้าหายแล้ว"

พวกหมอนี่เคยแต่ใส่ยาคนอื่น ไม่รู้หรอกว่ามันแสบขนาดไหน เธอจะหาทางกลับไปกินยาฆ่าเชื้อที่อยู่ในกระเป๋าเป้และทายาทาแผลที่เอาติดมาด้วย ไม่นานก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ฝูจื่อหรงเมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่ยอมให้หมอหญิงทำการรักษาจึงนั่งลงด้านข้าง รวบร่างบางทั้งผ้าห่มมานั่งบนตัก กอดหญิงสาวแน่นด้วยแขนข้างเดียว จับขาเล็กแน่นแล้วยื่นออกไปให้หมอหญิงทำการรักษา

"เรื่องเพียงนิดก็จัดการไม่ได้ เช่นนี้พวกเจ้าจะเป็นหมอได้อย่างไร" เขาตำหนิเสียงเรียบเรียบแต่เล่นเอาคนฟังหนาวสะท้านจนตัวสั่น

เจ้าเว่ยดิ้นไปมาบนตักของฝูจื่อหรงนางดูเหมือนเด็กตัวเล็กๆใบหน้าขาวเนียนโผล่ออกมาจากผ้าอ้อมในขณะที่กำลังโดนผู้ปกครองบังคับให้ฉีดยา

"ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิต ยานี่ทำหม่อมชั้นปวดแสบปวดร้อนไปหมดแล้วเพคะ" เจ้าเว่ยหันมาทำตาโตจ้องมองเขาพร้อมทำเสียงออดอ้อนอย่างน่าสงสาร

แต่มีหรือที่ฝูจื่อหรงจะสนใจ

"ทำแผล" สุรเสียงหนักทรงพลังทำให้หมอหญิงที่กำลังตาค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ารีบทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว

"โอ๊ยแสบๆๆ" เจ้าเว่ยดิ้นพรวดแล้วงับเข้าที่ลำแขนแกร่งทันทีเพื่อส่งต่อความเจ็บปวดลงไปในเนื้อแข็งของบุรุษที่กำลังกอดเธอแน่น

ฝูจื่อหรงมองแขนตนเองพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากัน นางช่างเป็นสายลับที่ใจเสาะ ไร้ซึ่งความอดทนและเปราะบางที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel