บทที่ 3 ความทรงจำ
โรงอาหารตึกวิศวะ
หลังจากคืนนั้นที่เคนโซ่และเฟื่องได้เจอกันครั้งสุดท้ายเขาและเธอต่างไม่ได้พูดคุยและติดต่อกันอีกเลย เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาแรมเดือนเขาก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เรียนเที่ยวและควงสาวไม่ซ้ำหน้า
“ไอ้ภูมึงไม่กินไข่ดาวล่ะวะ”
“ไอ้ป้องมึงอย่ามาแย่งของ ๆ กู ไข่แดงกูจะเจาะตอนสุดท้ายโว้ย!”
“เหอะ!..ไอ้โรคจิตพูดจาสองแง่สองง่าม”
“นี่แน่ๆๆ…ไข่แดงเมียมึงกูเจาะแล้วของไอ้โซ่ด้วย” ปกป้องแกล้งเพื่อนโดยใช้ซ้อมเจาะไข่แดงของไข่ดาวในจานข้าวของเพื่อนทั้งสองคนเป็นการแกล้งหยอกล้อ
“อึก!”
“ไอ้โซ่มึงเป็นอะไรวะเหม่อเชียวกูแค่เจาะไข่แดงในจานข้าว มึงถึงกับมือไม้อ่อนช้อนหลุดมือ” ปกป้องเห็นเคนโซ่ทำช้อนร่วง
“เหอะ! ก็อดีตเมียมันเฟื่องนิมมานมานั่งทานข้าวกับรุ่นพี่เราที่นี่นะสินั่นไง” ภูริโบ้ยปากยื่นไปทางโต๊ะด้านหน้าซึ่งห่างไปไม่กี่โต๊ะ มองเห็นเพื่อนๆของเฟื่องและรุ่นพี่วิศวะหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย
“เชี่ย! ทำไมสวยวันสวยคืนแบบนี้วะหุ่นเอยผิวเอย เปลี่ยนไปราวกับว่าไม่ใช่คนเดิมนางฟ้าชัด ๆ” ปกป้องลืมตัวชมเฟื่องนิมมานที่ทำสีผมใหม่กับชุดนิสิตรัดรูป กระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าโชว์ขาเรียวกับรองเท้าส้นสูงดูดีไปหมดสะกดสายตาเขา
“ไอ้โซ่มึงโอเคนะ” ภูริที่เห็นสีหน้าของเพื่อนดูเคร่งเครียดไม่ปกติจึงตบไปที่ไหล่หนาเบาๆ
“ไอ้ห่านั้นเรียนวิศวะสาขาอะไร…”
“ไม่น่าใช่สาขาเราน่าจะวิศวะเคมี”
“มึงรู้จักปะไอ้ภู?”
“รู้ไอ้พี่คนนี้เรียนเก่งมากอนาคตไกลรูปหล่อพ่อรวยสายซึน ไม่เคยเห็นจะชอบใครแต่กับเฟื่องทำไมดูสนิทกันจัง”
“ชิ! วันวันก็อยู่แต่ห้องแลปพวกเคมีจะเอาเวลาที่ไหนดูแลแฟน ยิ่งใกล้จบแบบนี้ห้องนอนคือห้องแลปดีดีนี่เอง” เคนโซ่แสยะยิ้มเขาคิดว่าผู้ชายที่กำลังจีบเฟื่องไม่มีเวลาให้เธออีกหน่อยก็คงต้องเลิกรากันไปเอง
“มันก็จริงของมึงแต่เฟื่องเธอก็ไม่ได้คุยกับรุ่นพี่คนนี้แค่คนเดียว ได้ข่าวมาว่ารุ่นน้องสาขาเราก็ตามพะเน้าพะนอขายขนมจีบ”
“กูว่าพิมพ์สวยเสน่ห์แรงแล้วนะดูไปดูมายัยเฟื่อง พอเปลี่ยนลุคแล้วกินกันไม่ลงเลยวะ”
“อย่างเฟื่องคบใครได้ไม่นานหรอกพวกมึงเชื่อกูสิ” เคนโซ่เขามั่นอกมั่นใจว่าเฟื่องยังไม่ลืมเขา ที่เธอคบหรือคุยหลาย ๆ คนเพราะแค่เหงา
“ทำไมวะ”
“กูก็จะไปไล่กระทืบพวกมันให้หมด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น”
“ไอ้โซ่ มึงเลิกหวงก้างได้แล้ว มึงจะไปยุ่งกับเฟื่องทำไมก็เลิกกันแล้วก็จบสิวะหาเรื่องใส่ตัวเปล่า ๆ”
“หรือพวกมึงป๊อดกูจัดการของกูเอง กูไม่ได้ใครก็ต้องไม่ได้สิวะของ ๆกูมันก็คือของกู”
“เชี่ย! แล้วมึงไม่เลิกกับพิมพ์แล้วขอคืนดีกะเฟื่องจะได้จบ ๆ”
“สำหรับพิมพ์กูก็รู้สึกดี ส่วนเฟื่องกูแค่อยากเก็บเอาไว้มองแค่คนเดียวพวกมึงไม่เข้าใจกูหรอก”
“ไอ้สัด! กูสงสารเฟื่องฉิบหายมึงหลอกเขามาคบเพื่อประชดพิมพ์ พอได้เขาเป็นเมียก็ไม่ได้รักยังจะมาห้ามเขาไม่ให้มีแฟนอีก”
“ในเมื่อพิมพ์เขาไม่ได้จริงจังกับมึง ทำไมมึงไม่เลือกเฟื่องนะไอ้ควาย” ปกป้องสุดจะทนกับความคิดและความเห็นแก่ตัวของเคนโซ่
“มึงหุบปาก”
“เฮ้ย! ไอ้โซ่มึงจะไปไหนอย่าลุกไปนะโว้ยกูขอร้อง”
“เสือก”
ร่างสูงเมื่อถึงจุดเดือดดาลเขาเดินถือจานข้าวในมือและเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะของเฟื่องนิมมานกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่วิศวะเคมี เขาเลือกที่จะเบียดมานั่งข้าง ๆ ร่างบางของอดีตแฟนสาวการปรากฏตัวของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนโดยเฉพาะเฟื่อง
“ขอนั่งกินข้าวด้วยคนสิ”
“นายมาทำไม”
“ก็คิดถึงเมียอยากกินข้าวด้วยไม่เห็นต้องถาม”
“ไอ้!….”
“นี่มันอะไรกันน้องเฟื่องคบกับเขาเหรอ…” ชายหนุ่มหน้าตาดีถามด้วยความสงสัยเพราะเคนโซ่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เขามองหน้ารุ่นพี่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“สวัสดีครับ พี่แน่ใจแล้วเหรอว่าจะจีบเมียผม”
“เมีย!”
“ครับเฟื่องเป็นเมียผมเอง เราแค่งอนกันถ้าพี่ยังอยากจะแย่งเมียชาวบ้านก็คงต้องดวนกันสักตั้ง” สายตาดุดันดวงตาดำคลับจ้องมองตากับรุ่นพี่อย่างท้าทายนาทีนี้ทุกคนต่างอึดอัดและเกร็ง
“หยุดนะโซ่ นายออกไปให้ห่าง ๆ พี่ชินเดี๋ยวนี้” ร่างบางที่รู้สึกหวั่นใจเธอไม่อยากให้เคนโซ่มีเรื่องกับรุ่นพี่
“เฟื่องโซ่ใจเย็น ๆ นะทุกคนมองพวกเราอยู่นี่มันโรงอาหาร” นุ๊กและแพมดูสถานการณ์ตอนนี้พวกเธอกำลังเป็นเป้าสายตา
“ไหนเธอบอกว่าถ้าฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้วเธอจะไม่มีใครไงเฟื่อง”
“ฉันไปรับปากนายตอนไหนวะโซ่”
“เธอมันร่านไร้ยางอาย”
“หุบปากมึงเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้ลูกหมา”
ตุ๊บ!
“แมร่งไอ้หน้าจืด มึงต่อยกู” ชินด้วยความเป็นสุภาพบุรุษทนฟังที่เคนโซ่หยาบคายใส่เฟื่องไม่ได้ จึงลุกขึ้นเอากำปั้นต่อยไปที่มุมปากของเคนโซ่อย่างแรงทั้งคู่ต่างชกต่อยกันวุ่นวาย
“กรี๊ดดด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไอ้ชาติชั่ว มึงคิดจะแย่งเมียกู”
ตุ๊บ!
“ไอ้เคนโซ่ใจเย็น ๆ อย่ามีเรื่อง” ภูริและปกป้องรีบเข้ามาดึงเคนโซ่ออก เพราะเขานั้นขึ้นคร่อมรุ่นพี่และกำลังชกไปที่หน้าคู่ต่อสู้หลายครั้งจนเลือดกบปากรุ่นพี่ที่เสียเปรียบเพราะสู้เคนโซ่ไม่ไหว ทุกคนต่างรู้ว่าเคนโซ่มีนิสัยโมโหร้ายมีเงินพ่อมีบารมีจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะมีเรื่องกับเขาและเพื่อน ๆ
“ฮือ ๆ ๆ หยุดได้แล้ว พี่ชินเจ็บไหมคะ” เฟื่องรีบเข้าไปหารุ่นพี่ชินและช่วยพยุงเขาพร้อมกับสะอื้นไห้สงสารเขาจับใจ เธอรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
“เฟื่องเธอยังจะปกป้องมันอีกเหรอ ทำไมถึงได้ทำร้ายความรู้สึกฉันมากมายขนาดนี้”
“หึ! ที่ฉันรักนายไม่ได้เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเคนโซ่ นายมันรักแต่ตัวเองเห็นแต่ความรู้สึกของตัวเองนายมันรักใครไม่เป็นหรอก”
“ทำไมวะ ฉันพร้อมจะให้เธอทุกอย่างเธอไม่ให้ฉันยุ่งฉันก็ไม่ยุ่ง ฉันขอแค่เรื่องเดียวเองขอแค่เธอไม่มีใคร” ใบหน้าหล่อเหลาที่มุมปากแตกมีเลือดซิบดวงตาแดงก่ำน้ำตาคลอ มือไม้สั่นเขาโกรธและเสียใจมากที่เห็นเฟื่องเข้าไปกอดและปกป้องชายอื่นต่อหน้าต่อตา
“ได้ฉันยอมแล้วตราบใดที่ฉันยังเรียนอยู่ที่นี่ฉันจะไม่คบกับใคร แต่นายต้องอย่าลืมคำพูดของนายที่ว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับฉันอีกเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวฉันรอได้”
“เหอะ! ก็แค่เนี้ย”
“พี่ชินคะ ขอบคุณที่พี่ชินชอบเฟื่องนะคะแต่เฟื่องคงจะรับความหวังดีจากพี่ไม่ได้ หากวันหนึ่งเรามีวาสนาต่อกันเราคงจะได้คบกันจริง ๆ เฟื่องรับปากผู้ชายเลว ๆ คนนี้แล้วและต้องขอโทษพี่ชินจากใจจริงด้วยค่ะ”
“น้องเฟื่องทำไมต้องไปกลัวมันด้วยพี่ชอบน้องเฟื่องจริง ๆ นะครับ พี่ปกป้องดูแลเฟื่องได้”
“เฟื่องพูดคำไหนคำนั้นค่ะ”
“ชิ! สมน้ำหน้าไอ้เวรผู้หญิงของกูไม่เอามึงจบนะ”
“ไอ้เชี่ยโซ่มึงหุบปาก” ภูริเอามือมาปิดปากเคนโซ่เอาไว้ไม่ให้เขาพูดจาแย่ๆออกไป
“เฟื่องกลับกันเถอะพวกเราอยู่ข้างแกนะ” แพมจูงแขนเรียวของเพื่อนสาวให้ออกมา
“โซ่ฉันผิดหวังในตัวนายมากเลยเมื่อก่อนฉันแอบเชียร์นายให้ได้กับ
อีเฟื่องนะ แต่ตอนนี้ฉันสงสารเฟื่องมากกว่า” นุ๊กที่น้ำตาคลอพูดออกมาเตือนสติคนคลั่งอย่างเคนโซ่ซึ่งมันสะเทือนใจเขาไม่น้อย
คอนโดเคนโซ่
เมื่อภูริและปกป้องพาเคนโซ่กลับมาทำแผลที่คอนโดเพราะไม่มีเรียนช่วงบ่าย ทั้งสามคนก็ได้มานั่งดื่มย้อมใจปกป้องและภูริเองก็ยังอึ้งกับพฤติกรรมของเคนโซ่ในวันนี้
“หายบ้า รึยังมึง”
“เออ!”
“เป็นเชี่ยอะไรนักหนาวะไอ้โซ่เขาก็อยู่ของเขาดี ๆ เฟื่องมันก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายกับแกเลิกตอแยเหอะ มึงไม่อายคนบ้างรึไงที่ตัวเองก็ควงคนนั้นคนนี้ได้”
“กูก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นะไอ้ภู แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นยัยนั่นอยู่กับผู้ชายใจกูมันอยากจะเข้าไปบวกกับทุกคน”
“แล้วกับพิมพ์มาดาล่ะ ไม่เห็นแกเป็นแบบนี้”
“สำหรับพิมพ์กูชินแล้วเธอก็เป็นแบบนั้น ส่วนเฟื่องกูเป็นคนแรกของเธอและยัยนั่นไร้เดียงสากูไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนมาหลอก กูผิดมากรึไงที่เป็นห่วง”
“โอ๊ย! สรุปมึงรักใครกันแน่วะไอ้โซ่?”
“กูคิดว่ากูรักพิมพ์เพราะเวลาอยู่ด้วยแล้วกูรู้สึกสงบพิมพ์ไม่ได้ดื้อหรือต่อต้านกู ใจกูไม่ร้อนรนเหมือนอยู่กับเฟื่องส่วนเฟื่องกูแค่รู้สึกเป็นห่วง”
“ชิ! มึงลองให้เฟื่องมีผู้ชายในสต๊อกแบบพิมพ์ดูบ้างสิที่พิมพ์เค้าไม่วุ่นวายไม่ยุ่งกับมึงเยอะ เหงาก็แค่มานอนกับมึงเพราะเธอฉลาดและเลือกแต่เธอก็ไม่ได้เลือกมึงเหมือนทุกครั้ง”
“มึงจะย้ำทำไมไอ้ปกป้อง”
“เมื่อไหร่มึงจะรู้ใจตัวเองสักทีนะไอ้โซ่ ทำไมกับพิมพ์มึงยอมทุกเรื่อง ทีกับเฟื่องมึงใจร้ายกับเธอขนาดนี้”
“เออ! กูก็อยากจะรักเฟื่องนะแต่เธอหัวดื้อเกินไปฉันคุมไม่อยู่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนพิมพ์ ตอนแรกเห็นเฉิ่ม ๆ ติ๋ม ๆ ที่ไหนได้โคตรแสบ”
“เหอะ! กูว่ามึงไปโดดน้ำหรือโดดตึกให้ตาย ๆ ไปซะ โลกมันจะได้น่าอยู่ขึ้นไอ้โซ่”
“เออกูก็ว่างั้นไอ้ป้องมึงพูดถูกใจกู” ภูริยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มเขาหมดคำที่จะพูด
“รักกูจังนะพวกมึงทั้งสองตัว”
เมื่อวันเวลาผ่านไปเฟื่องนิมมานก็เก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใครนอกจากเพื่อน ๆ เธอจึงใช่เวลาว่างทำงานที่รักเริ่มเขียนนิยายรักและดราม่าลงขายตามสื่อออนไลน์และใช้นามปากกาว่า ‘นิมมาน’ มันเป็นสิ่งเดียวที่จรรโลงใจให้เธอมีความสุขเลิกคิดฟุ้งซ่านนานวันเธอเริ่มมีแฟนคลับและเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะพรสวรรค์และความชื่นชอบส่วนตัวมันทำให้เธอมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในขณะที่เรียนอยู่ปีสุดท้าย
ในปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาเคนโซ่และเพื่อน ๆ ต้องไปฝึกงาน เขาเลือกฝึกที่บริษัทของพ่อและไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานจริง ๆ ส่วนเฟื่องและเพื่อนเองก็ต้องฝึกงานเช่นกัน ทั้งเขาและเธอต่างรักษาระยะห่างและคำพูดเคนโซ่ไม่ยุ่งกับเฟื่องนิมมานและเธอก็ไม่คบใครนอกจากเพื่อนเท่านั้น น้อยครั้งที่จะได้มีโอกาสพบหน้ากันที่มหาลัยหากมีกิจกรรมหรือบังเอิญ
จริง ๆ เฟื่องจะคอยหลบและไม่เฉียดเข้าไปใกล้
เมื่อสำเร็จการศึกษาเขาและเธอต่างก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเคนโซ่และเพื่อนเลือกที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนเฟื่องนิมมานก็เริ่มเขียนนิยายจริงจังเธอมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องและเป็นนักเขียนดาวรุ่งที่กำลังจะมีผลงานซีรี่ย์ และละครโทรทัศน์เพราะถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้วรายได้ของนักเขียนในสมัยปัจจุบันมันเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้สบาย เธอจับเงินล้านก้อนแรกหลังจากเรียบจบไม่กี่เดือน