๓.๓ คือเธอหรือเปล่า
ปลายสายยิ้มกว้าง เวลาเขาทำเสียงแบบนี้ คนฟังเหมือนจะละลายทุกที “อยากได้ยินว่าไงล่ะคะ”
“คุณก็น่าจะรู้ว่าตอบยังไงถึงจะถูกใจผม”
“เอาไว้พรุ่งนี้จะตอบให้ฟังต่อหน้าค่ะ ว่าแต่ว่างหรือเปล่าคะ พ่อให้โทร.เชิญคุณมาเยอรมันค่ะ ท่านจะปรึกษาเรื่องขยายตลาด”
“ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไป”
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะเอเดน” แคทรีนจบการสนทนาแค่นั้น แต่ทิ้งคำถามมากมายไว้ให้คนที่ตัวเองคุยด้วยโดยไม่รู้ตัว
ร่างสูงสง่าก้าวออกไปยังสวนหย่อมหน้าบ้านพลางครุ่นคิด แคทรีนเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งและรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในอารมณ์รักเร่าร้อนด้วยกัน แต่เขาก็ไม่เคยคิดลึกซึ้งกับแคทรีนถึงขั้นอยากจะแต่งงานด้วย แล้วผู้หญิงแบบไหนกันที่เขาอยากได้มาเป็นคู่ชีวิต...
เมื่อคิดถึงตรงนั้นใบหน้าเนียนใสและดวงตาเรียวหวานของรดาดาวก็แวบเข้ามาในความคิด
“ไม่” เสียงห้าวทุ้มพึมพำกับตัวเองและสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความคิดบ้าๆ ออกไปจากสมอง... เขาก็แค่ถูกใจและอยากได้แต่ไม่มีทางจะแต่งงานด้วยเด็ดขาด เอเดนบอกตัวเองเช่นนั้น
ภายในห้องนอนกะทัดรัดของคฤหาสน์หลังขนาดกลาง รดาดาวซึ่งอยู่ในชุดนอนสีหวานวางโทรศัพท์ลงบนเตียงหลังจากวางสายจากบิดา เธอโทรศัพท์กลับบ้านวันเว้นวัน ซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่ได้คุยนานนักเพราะเกรงใจอาสาวและอาเขยที่ต้องมาสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องไม่เป็นเรื่อง รดาดาวรู้ดีว่าอาทั้งสองไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แต่เธอก็อยากประหยัดช่วยครอบครัวของอา เพราะถึงแม้ว่าดาร์เลนจะจัดได้ว่าร่ำรวยพอสมควร ทว่าก็ดูธรรมดาไปเลยหากเทียบกับระดับมหาเศรษฐีอย่างครอบครัวแทลลีย์
ดวงตาเรียวหวานมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ ตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่วันที่เธอไปคฤหาสน์โกลเดนกรีน โทรศัพท์เครื่องนี้ก็ดังในเวลากลางคืนแค่ครั้งเดียว และเธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าเอเดนอีกเลย ถ้าเป็นในช่วงวันเสาร์อาทิตย์เธอก็ไม่ได้มีเวลาคิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่เพราะมัวยุ่งอยู่กับหนุ่มน้อยฝาแฝดทั้งสองคนตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่พอดีแลนด์และเดฟกลับไปโรงเรียน ความคิดของเธอก็เริ่มฟุ้งซ่าน สาวน้อยไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจะต้องรู้สึกเหมือนกำลังคิดถึงเอเดนทั้งๆ ที่เขาไม่มีอะไรให้น่าคิดถึงเลยสักนิด นอกจากความกักขฬะ หื่น และชอบเอาเปรียบเธอเป็นที่สุด หรือว่าเธอจะชอบความหยาบกระด้างและตัวตนของเขาเสียแล้ว
ก๊อก... ก๊อก...
รดาดาวยังไม่ทันได้ตอบตัวเอง เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอจึงลุกขึ้นไปเปิด และคนที่มาเคาะก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอาของเธอนั่นเอง
“นอนหรือยังน้องนิ่ม” ชมพูนุชเอ่ยถาม หลังจากที่เดินเข้ามานั่งลงบนเตียงของหลานสาวเรียบร้อยแล้ว
“ยังค่ะอาชม นิ่มเพิ่งจะคุยกับพ่อเสร็จ”
“พี่รัฐกับพี่ภาแล้วก็คุณยายเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”
ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มละไม “สบายดีทุกคนค่ะ ฝากความคิดถึงถึงอาชมด้วยนะคะ”
“บอกทุกคนด้วยว่าอาก็คิดถึง และก็ไม่ต้องห่วงอาจะดูแลนิ่มให้อย่างดีที่สุด”
“ขอบคุณมากค่ะอา นิ่มจะบอกพ่อให้ค่ะ แล้วอาชมมีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานถามผู้เป็นอาบ้างเพราะปกติชมพูนุชไม่เคยมาคุยกับเธอหลังจากที่เธอเข้าห้องนอนแล้ว
“เมื่อกี้นี้คุณจูเลียโทร.มาเชิญอากับอาดาร์เลนไปงานเลี้ยงราตรีสโมสรคืนวันศุกร์นี้ แล้วก็เชิญน้องนิ่มด้วยนะ”
“จะดีเหรอคะอา นิ่มไม่เคยไปงานเลี้ยงใหญ่ๆ ที่ไหนเลย อย่างมากก็ไปงานแต่งคนแถวบ้านแล้วก็งานเลี้ยงที่โรงเรียนพ่อน่ะค่ะ นิ่มเกรงว่าจะไปทำอะไรเปิ่นๆ ให้อาชมกับอาดาร์เลนขายหน้าเปล่าๆ” สาวน้อยออกตัวและทำหน้าไม่มั่นใจขึ้นมาครามครัน
“ไม่ต้องกลัวน้องนิ่ม งานก็ไม่มีอะไรเป็นพิธีการมากมายหรอก น้องนิ่มแค่แต่งตัวสวยๆ ก็พอ งานนี้คุณเอเดนก็ไปด้วยนะ” อาสาวบอกพลางยิ้มแป้นอย่างสมใจ เพราะงานนี้เธอมั่นใจว่าเอเดนจะต้องตกตะลึงในความสวยของหลานสาวเธออย่างแน่นอน รดาดาวไม่ใช่คนสวยผาดแต่เป็นคนสวยพิศมองเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ ชมพูนุชจึงตั้งใจแปลงโฉมหลานสาวให้เป็นที่สะดุดตาของเอเดนให้มากที่สุด
“แต่ว่านิ่มไม่ได้เตรียมชุดราตรีมาด้วย ยังไงอาจจะต้องขอยืมชุดของอาชมก่อนนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้อาจะพาไปซื้อเอง”
“นิ่มใส่ชุดของอาชมก็ได้ค่ะ ไม่ต้องสิ้นเปลืองหรอก” เสียงใสรีบแย้ง
“จะใส่ชุดของอาได้ยังไง น้องนิ่มกับอาคนละวัยกัน น้องนิ่มไม่ต้องคิดมาก งานนี้อาทุ่มสุดตัว รับรองว่าหลานสาวของอาจะต้องกลายเป็นนางหงส์”
“เอาแค่ไม่ทำให้อาชมกับอาดาร์เลนขายหน้าก็พอค่ะ” รดาดาวยิ้มเจื่อนๆ เธอไม่ชอบอะไรที่มันโดดเด่นและไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร
“ถ้าอย่างนั้นน้องนิ่มก็นอนเถอะ พรุ่งนี้อาจะพาไปเลือกชุด”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะอา”
“จ้ะ ฝันดีจ้ะน้องนิ่ม”
ชมพูนุชลุกขึ้นพร้อมกับยกมือลูบศีรษะได้รูปของหลานสาวเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง รดาดาวเดินตามไปปิดประตู และกลับมาดับไฟนอน พยายามลบเรื่องฟุ้งซ่านทั้งหมดออกจากสมองและข่มตาให้หลับลงในที่สุด
รดาดาวตื่นมาแต่เช้าและช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารอีกเช่นเคย หากทว่าเช้านี้พิเศษกว่าวันอื่นๆ เพราะอาเขยของเธอที่เพิ่งกลับจากสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวานนี้บอกว่าอยากกินอาหารไทย จึงกลายเป็นว่าแม่บ้านต้องเป็นลูกมือของรดาดาวแทน
ดาร์เลนเอ่ยชมหลานสาวของภรรยาไม่ขาดปากและรับประทานมากเป็นพิเศษสมกับที่บ่นว่าอยากกิน
“อร่อยมากน้องนิ่ม” ดาร์เลนเรียกรดาดาวอย่างที่ภรรยาของเขาเรียก
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ ค่ะ วันหลังถ้าอาดาร์เลนอยากกินอีกก็บอกนิ่มได้นะคะ”
“ถ้าคุณเปลี่ยนมากินอาหารไทยได้ทุกมื้อจะดีมากค่ะที่รัก” ชมพูนุชบอกสามีพลางยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้ดาร์เลนมีรูปร่างท้วมตามแบบคนอเมริกันส่วนใหญ่ที่มักรับประทานอาหารไขมันสูงเป็นหลัก
“ผมจะพยายามที่รัก ขอแค่อย่าเผ็ดมาก เท่าที่น้องนิ่มทำกำลังดี”
“งั้นฉันจะเรียนรู้เคล็ดลับต่างๆ จากน้องนิ่มเอาไว้เยอะๆ ถ้าน้องนิ่มแต่งงานแล้วฉันคงต้องทำเอง”
“แล้วทางโน้นว่ายังไงบ้าง” ดาร์เลนถามน้ำเสียงสบายๆ เพราะรู้แผนการจับคู่ให้หลานสาวของภรรยาเป็นอย่างดี ถึงเขาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ทัดทานอะไร
“ว่าจะบอกคุณอยู่นี่ล่ะค่ะ คุณจูเลียโทร.มาเชิญคุณกับฉันและน้องนิ่มไปงานเลี้ยงราตรีสโมสรคืนพรุ่งนี้ ฉันก็เลยว่าจะพาน้องนิ่มไปหาซื้อชุดน่ะค่ะ”
“เอาสิ” คนเป็นสามีพยักหน้าอย่างไม่ขัดใจ “ถ้าเงินในบัตรเครดิตไม่พอก็บอกนะ ผมจะให้เลขาฯ จัดการให้”
“ขอบคุณค่ะที่รัก คุณใจดีที่สุด” ชมพูนุชยื่นหน้าไปหอมแก้มสามีเป็นการขอบคุณที่เขายอมตามใจและดูแลเธออย่างดีตลอดมา
หลังจากที่ดาร์เลนออกไปทำงานแล้ว ชมพูนุชจึงพาหลานสาวไปเลือกซื้อชุดราตรีที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองคลีฟแลนด์ ในช่วงกลางวันเช่นนี้คนยังไม่ค่อยหนาตามากนัก แต่ก็คึกคักพอสมควร ลูกค้าที่มาใช้บริการมีทั้งคนอเมริกันและชาวต่างชาติ เพราะเมืองคลีฟแลนด์จัดเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของรัฐโอไฮโอ
“ดูยี่ห้ออะไรดีน้องนิ่ม ปราด้า ชาแนล หรือว่าคริสเตียนดิออร์” ชมพูนุชหันมาถามความคิดเห็นของหลานสาว
“ไม่ต้องเป็นแบรนด์เนมก็ได้ค่ะอาชม ใส่ครั้งเดียวเองค่ะ เสียดายเงินเปล่าๆ”