๓.๑ คือเธอหรือเปล่า
๓ คือเธอหรือเปล่า
ใบหน้าเนียนใสที่แดงก่ำเป็นมะเขือเทศรีบก้มงุดลงจนคางแทบจรดคอด้วยความอายสุดกำลัง เมื่อเอเดนจ้องมองมาอย่างล้อๆ
“จะอายอะไรกันนักหนาหือ...นิ่ม เวลาเมกเลิฟผมทำยิ่งกว่านี้อีกนะ” เขาเอ่ยถามพลางหลุบตามองดูความอวบอิ่มของทรวงอกสาวที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้ปกปิด
“แต่นิ่มไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณนะคะ” เธอตอบเขาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่เช่นเดิม
“ถึงไม่คิด แต่พอแต่งงานแล้วมันก็ต้องทำอยู่ดีนั่นล่ะสาวน้อย”
“นิ่มยอมรับได้ถ้าหากว่าแต่งงานแล้ว”
“คุณนี่เป็นสาวหลงยุคมาหรือไงนะ”
เอเดนส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตากับ รดาดาวเห็นตาคู่คมเป็นประกายระยับดุจแก้วเจียระไน ตอนนั้นแหละจึงรู้ตัวว่าเธอปล่อยให้เขามองอกอิ่มเปลือยเปล่าคู่งามอย่างสบายใจอยู่ตั้งนานสองนาน สาวน้อยรีบดึงสายเสื้อตัวนอกและตัวในขึ้นปิดบังตัวเองในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย
ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกทำให้รดาดาวหน้าร้อนผ่าว เสื้อผ้าที่เธอคอยดูแลให้เรียบร้อยอยู่เสมอ ตอนนี้มันยับย่นเหมือนกระดาษถูกขยำ เสื้อตัวในก็หลุดลุ่ยเปิดเปลือยหน้าอกอวบอิ่มราวกับนางแบบเซ็กซี่ในนิตยสารที่ปลุกใจเสือป่า! มือเล็กรีบดึงสายเสื้อตัวนอกลงไปไว้ที่ข้อศอก แล้วตวัดมืออ้อมไปด้านหลังเพื่อติดตะขอบราเซียร์ ทว่าก็ทำได้ไม่ถนัดนักเพราะในยามปกติไม่เคยติดตะขอบราเซียร์ในลักษณะเช่นนี้
“อุ๊ย!”
สาวน้อยสะดุ้งตกใจเมื่อร่างสูงก้าวตามเข้าไปยืนซ้อนหลัง จากนั้นเอวเล็กของเธอก็ถูกโอบรัดด้วยท่อนแขนแข็งแรง
“ขวัญอ่อนจริง”
“คุณจะทำอะไรนิ่มอีกคะคุณเอเดน ปล่อยนิ่มนะคะ” ร่างบางดิ้นรนขลุกขลักเนื่องจากกลัวจะถูกอีกฝ่ายเอาเปรียบอีก
“แค่จะช่วยติดตะขอ...” เขากระซิบบอกเสียงพร่าสยิว พร้อมกับพ่นลมหายใจอุ่นๆ ลงบนใบหูขาวสะอาด
“นิ่มทำเองได้คะ”
“แต่ผมอยากทำให้”
คนเอาแต่ใจตัวพ่อพูดเสร็จก็จัดการติดตะขอบราเซียร์อย่างคล่องแคล่วและดึงเสื้อทั้งสองตัวขึ้นบนไหล่กลมกลึงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเช่นเดิม ก่อนจะลดมือลงโอบที่หน้าท้องแบนราบแล้วดึงร่างบางเข้ามาหาร่างแกร่งกำยำของตนอีกครั้ง
“เสร็จแล้ว” เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบาๆ แล้วจูบไซ้ที่ซอกคอขาวละมุนเป็นการขอรางวัล
“ขอบคุณค่ะ แต่ปล่อยนิ่มได้แล้วค่ะ” รดาดาวเอียงคอหนีจากปลายจมูกเจ้าชู้ที่เริ่มรุกรานเธออีกแล้ว
“ขอกอดแป๊บหนึ่งสิ ทำไมตัวหอมจัง ใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร กลิ่นแบบนี้ดมเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ” เอเดนพึมพำคล้ายกำลังหลงใหลในกลิ่นกายนางเข้าอย่างจัง มันเป็นกลิ่นหอมธรรมชาติคล้ายดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ในสวนหน้าคฤหาสน์ของเขา
รดาดาวเผลอมองใบหน้าคร้ามคมนั้นผ่านกระจก พลางนึกทึ่งในความสูงสง่าและสมส่วนของเขา แม้เธอจะสูงถึงร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร หากก็ดูตัวเล็กกระจ้อยร่อยไปเลยเมื่อมายืนเทียบกันแบบนี้ เอเดนสูงกว่าเธอมาก ขนาดศีรษะของเธอยังไม่ถึงปลายคางของเขาด้วยซ้ำ
“นิ่มไม่เคยใช้น้ำหอมหรอกค่ะ”
“แล้วทำไมถึงได้ตัวหอมแบบนี้หือ...” ไม่ถามเปล่าแต่ปลายจมูกโด่งยังสูดเอาความหอมเข้าปอดฟอดใหญ่ๆ
“พอได้แล้วค่ะ คุณเอาเปรียบนิ่มมาเยอะแล้วนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คิดค่าเสียหายมาสิ”
ประโยคนั้นทำให้รดาดาวถึงกับตัวแข็งทื่อ ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วหันขวับไปจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างกล่าวหาและผิดหวัง
“นี่คุณคิดจะใช้เงินฟาดหัวนิ่มเหรอคะ!”
“ฟังผมก่อนสินิ่ม ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“นิ่มอยากกลับบ้านค่ะ ถ้าคุณไม่ไปส่ง นิ่มจะกลับเอง” เธอพูดเรียบๆ ทว่าน้ำเสียงกลับดูห่างเหิน เย็นชา และไว้ตัว
เอเดนได้แต่เสยผมด้วยความงุ่นง่าน ให้ตายสิ จู่ๆ แม่สาวว่าง่ายก็เกิดงอนขึ้นมาซะงั้น โว้ย...เวลาที่ผู้หญิงเรียบร้อยงอนนี่ เล่นเอาเขาเปิดตำราง้อไม่ถูกเลย บ้าชิบ! ให้ตายสิ แต่ช่างเถอะอยากงอนก็งอนไป คนอย่างเอเดนไม่เคยต้องงอนง้อผู้หญิงคนไหนและเขาจะไม่ยอมเสียสถิติเพราะผู้หญิงที่แม่หามาให้เด็ดขาด!
ชมพูนุชเงยหน้าขึ้นจากนิตยสารที่กำลังอ่านอยู่ เมื่อหลานสาวคนโปรดเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นตอนช่วงเย็น ริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกเนื้อเนียนคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถามหลังจากที่รดาดาวนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มเรียบร้อยแล้ว
“มาแล้วเหรอน้องนิ่ม กลับยังไง อาว่าจะโทร.ไปหาอยู่พอดี”
“คุณเอเดนมาส่งค่ะอาชม” เสียงหวานตอบผู้เป็นอา แต่ตากลับหลุบลงมองพื้นเหมือนเด็กทำความผิดที่ไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ รดาดาวรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่เธอทำในวันนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลย การปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนั้นเป็นสิ่งที่กุลสตรีไม่พึงกระทำ สาวน้อยไม่รู้เลยว่าถ้าเอเดนไม่หยุด เธอจะมีเรี่ยวแรงต่อต้านเขาไหม
“จริงเหรอน้องนิ่ม!” ชมพูนุชทำเสียงตื่นเต้น “แล้วทำไมไม่ชวนคุณเอเดนเข้ามาดื่มน้ำก่อน”
“เอ่อ...เห็นว่ารีบค่ะอาชม” สาวน้อยปดผู้เป็นอา พลางนึกโทษคนที่เพิ่งจะขับรถออกไปว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องโกหกเป็นไฟแบบนี้
“แล้วคุณจูเลียว่ายังไงบ้าง ชอบขนมที่น้องนิ่มทำหรือเปล่า”
“คุณป้าจูเลียไม่อยู่หรอกค่ะอาชม”
“อยู่แต่คุณเอเดนใช่ไหม นี่แสดงว่าเขาคงชอบน้องนิ่มบ้างแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงทุนขับรถมาส่งเองแบบนี้หรอก”
น้ำเสียงของชมพูนุชเต็มไปด้วยความหวังเสียจนรดาดาวเกือบจะหลุดปากว่าเขาไม่ได้แค่ขับรถมาส่ง แต่ยังพาเธอไปทำอะไรน่าเกลียดอีกด้วย
“แล้ว‘ดีแลนด์กับเดฟล่ะคะอา” สาวน้อยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาบ้าง เพราะไม่อยากพูดถึงเอเดนมากไปกว่านั้น
“อยู่ข้างบนน่ะจ้ะ กำลังอาบน้ำ นี่ถ้ารู้ว่าน้องนิ่มกลับมาแล้วคงจะดีใจกันใหญ่ เห็นถามหาตลอดทางเลย”
“น้องโตขึ้นมากไหมคะอา” รดาดาวอดถามถึงไม่ได้ เพราะครั้งล่าสุดที่เธอได้เจอน้องชายทั้งสองคนก็ตอนที่ชมพูนุชเดินทางไปเยี่ยมพ่อของเธอเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้ว
“ไม่รู้สิ อาเห็นบ่อยจนชินตา เอาไว้น้องนิ่มรอดูเองก็แล้วกันนะ”
รดาดาวยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นอา ดีแลนด์และเดฟอายุไล่เลี่ยกับน้องชายอีกสองคนของเธอที่อยู่ประเทศไทย ในบรรดาลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวและอายุห่างจากคนอื่นๆ มากที่สุดจึงเป็นพี่สาวคนโตซึ่งเป็นที่รักของน้องๆ ทุกคน เพราะเธอมักจะมีขนมอร่อยๆ ไว้หลอกล่อเด็กๆ เสมอ คิดมาถึงตรงนี้สาวน้อยก็แอบถอนหายใจเบาๆ รับมือเด็กง่ายยิ่งกว่าง่าย แต่กับผู้ใหญ่บางคนนี่สิไม่รู้จะรับมือด้วยอะไร
อีกไม่กี่นาทีต่อมาลูกชายของชมพูนุชก็ลงมาจากชั้นบน ดีแลนด์ยิ้มกว้างและโผเข้ากอดรดาดาวอย่างดีใจ ในขณะที่เดฟไม่ได้แสดงอาการอะไรมากนัก แฝดสองคนแม้จะหน้าตาเหมือนกันแต่บุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดีแลนด์ร่าเริงยิ้มเก่ง แต่เดฟเงียบขรึมและสุขุม
“หล่อขึ้นตั้งเยอะแน่ะน้องชายของพี่”
“แน่นอนอยู่แล้วฮะ และตอนนี้ก็ใกล้จะมีแฟนแล้วนะฮะ” ดีแลนด์คุยโขมงพลางเก๊กหล่อทำให้รดาดาวยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู