๒.๑ เล่ห์ร้ายจอมเผด็จการ
๒ เล่ห์ร้ายจอมเผด็จการ
ร่างอรชรที่มีผ้ากันเปื้อนคล้องคอเอาไว้ยืนสาละวนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่ในห้องครัวด้วยท่าทางคล่องแคล่วตั้งแต่เช้ามืด กระทั่งในที่สุดก็ได้ถั่วเขียวซึ่งกวนจนได้ที่ จึงตักใส่ถาดอะลูมิเนียม นำมาวางบนโต๊ะ ผึ่งให้เย็น แล้วลงมือปั้นเป็นรูปผลไม้เล็กๆ หลากหลายชนิด เสียบใส่ไม้เอาไว้เตรียมระบายสี
“ทำอะไรอยู่คะน้องนิ่ม”
ในขณะที่กำลังเพลินอยู่กับการทำขนมไทยอยู่นั่นเอง เสียงของผู้เป็นอาก็แว่วดังขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างๆ เข้ามา และมองสิ่งที่รดาดาวกำลังทำอยู่อย่างสนใจ
“นิ่มกำลังทำลูกชุบค่ะอาชม”
สีหน้าและน้ำเสียงยามตอบผู้เป็นอายังคงหวานใสเช่นปกติ รดาดาวเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะเจอเรื่องไม่สบายใจอะไรมา เธอก็ไม่เคยแสดงอาการทุกข์ร้อนให้ใครเห็น สาวน้อยตัดสินใจจะไม่บอกผู้เป็นอาเรื่องที่เอเดนคุยกับเธอ เพราะคิดว่าถ้าเขาอยากจะปฏิเสธการแต่งงาน เขาก็คงจะคุยกับผู้ใหญ่เอง
“ดีเลยทำเยอะๆ นะจ๊ะ ทำเสร็จแล้วน้องนิ่มเอาไปฝากคุณจูเลียด้วย คุณจูเลียชอบลูกชุบมาก เดี๋ยวอาจะบอกแม่บ้านให้เรียกแท็กซี่ให้”
“แล้วอาชมไม่ไปด้วยหรือคะ”
“อาก็อยากไปเป็นเพื่อนน้องนิ่มนะ แต่อาต้องไปรับสองหนุ่มจากโรงเรียนน่ะสิ อาเขยของน้องนิ่มก็ยังไม่กลับจากสวิตเซอร์แลนด์ อาเลยต้องไปรับเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าลิงสองตัวนั่นงอนอาแน่ๆ”
ลิงสองตัวของชมพูนุชก็คือ ‘ดีแลนด์’ และ ‘เดฟ’ ลูกชายฝาแฝดที่เรียนอยู่โรงเรียนประจำ เธอต้องไปรับกลับบ้านในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือถ้าวันไหนไม่ว่างก็จะให้สามีเป็นคนไปรับแทน โดยดาร์เลนสามีของชมพูนุชทำธุรกิจนำเข้าปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซลจากเอเชียและส่งต่อให้กับโกลเดนกรีนกรุ๊ป
“ถ้าอย่างนั้นอาชมไปรับน้องเถอะค่ะ เดี๋ยวทำลูกชุบเสร็จแล้ว นิ่มจะเอาไปให้คุณป้าจูเลียเอง”
“น่ารักมากหลานสาวของอา งั้นอาไปล่ะนะ”
คล้อยหลังผู้เป็นอา รดาดาวก็จัดการปั้นลูกชุบต่อจนเสร็จ แล้วค่อยระบายสี และชุบวุ้นตามลำดับ หลังจากทำเสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อคอกระเช้าแบบยืดแขนกุดสีขาว สอดชายเข้าไปในกระโปรงสีน้ำตาลอ่อนสั้นแค่เข่า อวดปลีน่องเรียวสวย ก่อนจะลงมาบอกให้แม่บ้านเรียกแท็กซี่ให้ ความจริงก็ประหม่าอยู่บ้างที่ต้องไปคฤหาสน์โกลเดนกรีนเพียงลำพัง เพราะเกรงว่าจะเจอเอเดนเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด เขาคงไม่ได้ไปทำงาน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่สนใจการไปการมาของเธอสักเท่าไหร่ เพราะเขาก็ประกาศชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องการจะแต่งงานกับเธอ
เมื่อรถแท็กซี่แล่นไปจอดหน้าคฤหาสน์หลังงาม รดาดาวก็ยื่นค่าโดยสารให้คนขับและก้าวลงจากตัวรถ พ่อบ้านของคฤหาสน์โค้งศีรษะให้เพราะจำเธอได้ สาวน้อยยิ้มตอบแล้วบอกถึงวัตถุประสงค์การมาของตัวเอง
“สวัสดีค่ะดิฉันมาขอพบคุณป้าจูเลียค่ะ”
“มาดามไม่อยู่ครับมิส อยู่แต่คุณเอเดน เดี๋ยวผมไปเรียนท่านให้นะครับ”
เรียวปากสีระเรื่อกำลังจะขยับบอกว่าไม่ต้องไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะพ่อบ้านก้าวไปถึงห้องโถงของคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว ครั้นจะหนีกลับเลยก็ดูเสียมารยาทเกินไป และรู้ดีว่าถ้าทำเช่นนั้นต้องถูกผู้เป็นอาตำหนิเอาแน่ๆ รดาดาวจึงได้แต่ยืนรอ
เบนจามินหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาบอกกับสาวน้อยที่ยืนถือกล่องขนมรออยู่หน้าคฤหาสน์ด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิม
“คุณเอเดนเชิญมิสไปพบที่ห้องนั่งเล่นครับ เดี๋ยวผมจะพาไป”พ่อบ้านผายมือ และเดินนำหน้าเข้าไปข้างใน ทำให้รดาดาวจำต้องเดินตามหลังอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์โกลเดนกรีนถูกตกแต่งให้มีบรรยากาศชวนสบาย โดยในห้องนั้นทาสีขาว บนเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้าแบบทันสมัย เฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีขาว-ดำ เข้ากับสีของห้องอย่างลงตัว มีโทรทัศน์ระบบเอชดีและเครื่องเสียงราคาแพงลิบลิ่วสำหรับสร้างความบันเทิงอย่างครบครัน
“มิสมาแล้วครับคุณเอเดน” พ่อบ้านบอกกับเจ้านายหนุ่มของตน
“อืม” ร่างสูงซึ่งกำลังไล่นิ้วกดรีโมตเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ช่องนั้นช่องนี้ไปเรื่อยๆ ตอบรับสั้นๆ และโบกมือเป็นเชิงบอกพ่อบ้านว่าไม่ต้องการอะไรแล้ว เบนจามินจึงเดินเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่
สาวน้อยขยับตัวอย่างเกร็งๆ เมื่อต้องอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับผู้ชายมากเสน่ห์ในที่รโหฐานแบบนี้ เธอบอกตัวเองให้รีบทำภารกิจให้เสร็จ แล้วลาเขากลับบ้านไปเสีย ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกเล่นงานเอาได้
“อาชมให้นิ่มเอาลูกชุบมาให้คุณป้าจูเลียค่ะ”
เขาปิดโทรทัศน์ ก่อนจะหันมามองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างจริงจัง “แม่ไม่อยู่หรอกนะ”
“ค่ะเมื่อกี้พ่อบ้านบอกนิ่มแล้ว ถ้าอย่างนั้นนิ่มฝากลูกชุบไว้ให้คุณป้าจูเลียด้วยนะคะ และก็คงจะรบกวนคุณแค่นี้”
รดาดาววางกล่องขนมไว้บนโต๊ะแล้วบอกลาเจ้าของคฤหาสน์พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เสร็จสรรพ เพราะไม่กล้าจะยื่นมือไปให้เขาจับตามธรรมเนียมฝรั่ง
ร่างอรชรรีบหมุนตัว กำลังจะก้าวออกจากห้องนั้น แต่กลับถูกเสียงห้าวทุ้มขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าขนมนี่ปลอดภัยสำหรับแม่ผม”
“คุณจะลองชิมก่อนก็ได้นะคะ” เสียงหวานตอบกลับเรียบๆ รู้ว่าเขาตั้งใจรวน
“ตกลง...ผมจะชิมก่อน แต่คุณต้องกลับมานั่งลงและรอจนกว่าผมจะชิมเสร็จ” เอเดนยื่นคำขาดทันที
“ก็ได้ค่ะ นิ่มจะรอจนกว่าคุณจะเห็นว่าขนมของนิ่มปลอดภัย” ว่าแล้วร่างอรชรก็ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาอีกตัว
“เปิดกล่องออกสิ” เสียงห้าวทุ้มนั้นออกคำสั่งในแบบวางอำนาจอย่างที่เขาชอบทำอยู่เป็นนิจ
รดาดาวจึงทำตามความต้องการของเขาโดยไม่คิดจะตอบโต้ เพราะถ้าต่อความยาวสาวความยืดก็รังแต่จะทำให้เสียเวลามากขึ้นเปล่าๆ มือบางแกะฝากล่องออกอย่างระมัดระวัง และนึกได้ว่าในกล่องไม่มีส้อมหรือไม้สำหรับจิ้มลูกชุบเพราะเธอไม่ได้เตรียมมา
“นิ่มขออนุญาตไปหยิบส้อมก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องใช้ส้อม ใช้มือของคุณหยิบมันแล้วป้อนใส่ปากผม”
“คุณว่าอะไรนะคะ!” สาวน้อยเบิกตาโพลง
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอกรดาดาว” เอเดนย้ำชัด “ขยับมานั่งข้างๆ ผมแล้วก็ทำตามที่ผมบอก”
เจ้าของร่างอ้อนแอ้นจำต้องพาตัวเองย้ายมานั่งข้างๆ ร่างสูงที่นั่งเอนตัวพิงโซฟาแบบสบายๆ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงระทึกดุจจะโลดออกมานอกทรวงเสียให้ได้ เพราะรัศมีความเป็นบุรุษเพศที่ผสมผสานด้วยกลิ่นน้ำหอมชั้นเลิศแผ่ซ่านมากระทบทุกประสาทสัมผัสของเธอจนรู้สึกร้อนผะผ่าวเหมือนกำลังจับไข้
รดาดาวรวบรวมความกล้า เอื้อมมือที่สั่นน้อยๆ ไปหยิบเอาลูกชุบสีเขียวที่ทำเป็นรูปแอปเปิล แล้วยื่นไปใกล้ปากของเขา
เอเดนรวบมือเล็กบางนั้นไว้ ดวงตาสีฟ้าฉายประกายกรุ้มกริ่มแพรวพราว ก่อนจะอ้าปากรับขนมชิ้นนั้นเข้าไปแล้วค่อยๆ เคี้ยว โดยที่ไม่ยอมปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระแต่อย่างใด
“เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงหวานเอ่ยถามหลังจากที่เอเดนกลืนขนมคำนั้นลงคอ แต่ไม่กล้าดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา
“ก็หวานใช้ได้ แต่ไอ้ที่ติดอยู่บนนิ้วของคุณน่าจะหวานกว่า”
“คะ?”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นเชิงสงสัย แต่เพียงพริบตาเดียวก็ต้องนั่งตัวแข็ง เมื่อเอเดนยกมือเธอขึ้น แล้วอ้าปากร้อนครอบลงบนนิ้วโป้งที่ใช้หยิบขนม ก่อนจะขยับปากรูดเข้าขึ้นลงอย่างแผ่วเบาคล้ายกำลังลิ้มเลียเอาความหวานที่ติดอยู่บนนิ้วของเธอออกให้หมดจดจากนั้นก็เปลี่ยนไปทำเช่นเดียวกันกับนิ้วชี้ของเธอแต่อ้อยอิ่งมากกว่าหลายเท่า เขาทำเหมือนนิ้วของเธอเป็นไอศกรีมแท่งโปรดที่ต้องค่อยๆ ละเลียดกิน