๑.๒ เจ้าสาวคลุมถุงชน
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“ปีนี้ย่างยี่สิบสามค่ะ”
“ก็ยังเด็กอยู่มาก นึกยังไงถึงอยากรีบมีผัว” เอเดนถามในประโยคที่รดาดาวคาดไม่ถึงและทำให้เธอแก้มร้อนเห่อด้วยความอับอาย
“คือคุณอาของนิ่มคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมซึ่งนิ่มน่าจะฝากชีวิตไว้ด้วยได้จึงอยากให้นิ่มแต่งงานกับคุณ”สาวน้อยตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
“ดูท่าทางก็ไม่น่าจะปัญญาอ่อนนี่ ทำไมถึงยอมให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ แบบนี้”
“อาชมไม่ใช่คนอื่นค่ะ แต่เป็นผู้มีพระคุณและทำแต่สิ่งดีๆ ให้ครอบครัวของนิ่มตลอดมา”
แม้เขาจะสาดวาจาเผ็ดร้อนใส่ แต่สาวน้อยก็ยังตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหวานใสเช่นเดิม จนเอเดนอดนึกทึ่งในการควบคุมอารมณ์ของคนที่เขากำลังพยายามจะระรานไม่ได้
“คนรักของคุณว่าไง”
“นิ่มยังไม่มีคนรักค่ะ”
“แล้วคุณไม่คิดว่าผมจะมีคนรักอยู่แล้วบ้างหรือไง”
เอเดนย้อนถามเสียงเรียบๆ ทำเอารดาดาวต้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาจริงๆ จังๆ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะมองสักเท่าไหร่ เพราะความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของเขาส่งผลให้เธอรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มที่แฝงไว้ด้วยพลังและแรงดึงดูด แถมยังดูฉลาดเป็นกรด แค่เขาปรายตามองก็เหมือนรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของเธอไปเสียหมด
สาวน้อยรีบหลุบเปลือกตาลง แล้วทบทวนคำถามของเอเดนอีกครั้ง ใช่สินะ...เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มีคนรักหรืออย่างน้อยก็ต้องมีคู่ควงล่ะ ก็เขาหล่อเหลาและเซ็กซี่ออกปานนี้
หืม... เซ็กซี่อย่างนั้นหรือ!? โอย...ตายแล้ว ความคิดแบบนี้เข้ามาอยู่ในสมองของผู้หญิงเรียบร้อยและไม่เคยสนใจเพศตรงข้ามในเชิงชู้สาวแบบเธอได้อย่างไร ซ้ำร้ายผู้ชายคนนี้ยังเต็มไปด้วยท่าทีคุกคาม แถมเขายังปากจัดกับเธออย่างกับอะไร
“ว่าไง” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อสาวน้อยตรงหน้ามองหน้าเขาแล้วก็เงียบไปนาน
“คิดว่าอาจจะมีค่ะ ซึ่งนิ่มก็ไม่คิดจะดึงดันแต่งงานกับคุณหรอกนะคะ หากคุณมีคนรักอยู่แล้วหรือว่าไม่อยากแต่งงานกับนิ่ม นิ่มก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”
“ตอบได้ดีนี่” แม้เขาจะเอ่ยปากชมแต่ใบหน้าก็ยังเรียบเฉย “แล้วถ้าผมปฏิเสธคุณล่ะ คุณจะไปให้ผู้ชายคนอื่นดูตัวอีกหรือเปล่า”
“นิ่มแล้วแต่อาชมและผู้ใหญ่ค่ะ”
“ว่านอนสอนง่ายเสียด้วย” เอเดนเอ่ยประโยคนั้นก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ใช้มือเชยคางมนขึ้น แล้วกวาดตามองทั่วใบหน้าหวานใสซึ่งเนียนละเอียดราวกับผิวทารกอย่างเพ่งพินิจ รดาดาวตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น แต่ก็ไม่กล้าปัดมือใหญ่ของเขาออก ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งๆ ปล่อยให้เขามองสำรวจตามสบาย
“ไม่คิดว่าตัวเองนุ่มนิ่มไปเหรอสำหรับผู้ชายอย่างผม” เสียงห้าวถามขึ้นอีกครั้งหลังจากจดจ้องมองใบหน้าหวานใสของรดาดาวอยู่นานหลายวินาที
“นิ่มคิดว่านิ่มน่าจะเป็นภรรยาที่ดีของคุณได้ค่ะ”
“ในทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องเซ็กซ์ใช่ไหม”
คำถามที่ตรงไปตรงมาของเขาทำเอารดาดาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย แต่ก็แข็งใจตอบออกมาเพราะไม่อยากถูกหัวเราะเยาะ
“ค่ะ”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นคล้ายกำลังขบขันและหยามหมิ่นอยู่ในที
“มะ...มั่นใจค่ะ...” ตอบว่ามั่นใจแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยอาการอึกอัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์หน่อย”
จบคำ ใบหน้าหล่อเหลาก็ฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็วปานอสรพิษฉกเหยื่อ ริมฝีปากกระด้างประกบลงบนปากอิ่มเต็มสีระเรื่อ ใช้ความช่ำชองซุกไซ้บดคลึงบีบบังคับให้เธอเผยอกลีบปากออกจากกัน แล้วสอดส่ายปลายลิ้นอุ่นซ่านล่วงล้ำเข้าไปควานหาความฉ่ำหวานในโพรงปากนุ่มชื้นด้วยลีลาแสนเจนจัด
สมองของรดาดาวหมุนเคว้ง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนจะเป็นลมจนต้องใช้มือจับยึดต้นแขนแกร่งเอาไว้ จูบของเขาทั้งเซ็กซี่และร้อนแรงเหมือนชื่อเอเดนที่แปลว่า...เร่าร้อนไม่มีผิด เธอไม่เคยถูกจูบมาก่อนไม่ว่าแบบนี้หรือแบบไหน อย่าว่าแต่จูบเลย เธอไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ด้วยซ้ำนอกจากพ่อและน้องชายเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับยืนให้ผู้ชายที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกจูบโดยไม่คิดจะต่อต้าน ซ้ำร้ายเรียวลิ้นไร้เดียงสายังเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยเข้ากับลิ้นอุ่นซ่านราวกับชื่นชอบรสจูบของเขาเสียเต็มประดา รดาดาวคิดเลือนๆ ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ต่างอะไรกับน้ำมัน ในขณะที่เอเดนคือไฟชั้นดีที่เพียงแค่จุดเบาๆ ก็สามารถเผาผลาญจนผิวกายของเธอร้อนซ่านไปหมด
เมื่อสาวน้อยไม่ขัดขืน มือหนาราวกับหนวดปลาหมึกของนักรักตัวพ่อจึงไม่วางเฉย ฝ่ามือร้อนๆ ขยับลงมาตามเอวอ้อนแอ้น ผ่านสะโพกผายอ้อมไปหาบั้นท้ายกลมกลึง ลูบไล้เบาๆ ก่อนจะฟอนเฟ้นก้อนเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเป็นจังหวะหนักหน่วง ออกแรงกดส่วนนั้นเพื่อให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกับร่างใหญ่ของเขามากยิ่งกว่าเดิม แล้วค่อยๆ บดเบียดความคึกแข็งที่ขยายเหยียดดันซิปกางเกงขึ้นมาจนนูนเป็นสันเข้ากับหน้าท้องของเธอ
รดาดาวสะท้านเฮือก! รู้สึกถึงความใหญ่โตโอฬารอันร้อนผ่าวดุจแท่งเหล็กที่ใช้ในการตีดาบ ซึ่งกำลังกดแน่นแนบกับแผ่นท้องของเธอ สัมผัสเสียดสีนั้นมันทำให้ความตื่นเต้นและซ่านสยิวพุ่งแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ อารมณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เสียงหวานได้แต่ครางประท้วงตัวเอง พยายามจะตั้งสติไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปกับเขา แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินในเมื่อเรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่เหลือ อา...ผู้ชายอย่างเอเดนช่างเร่าร้อนและอันตรายเหลือเกิน
“อืม...” เอเดนครางลึกๆ ในลำคอเป็นเชิงพึงพอใจ การปล้นจูบจากว่าที่ลูกสะใภ้ของมาดามแทลลีย์ใช้เวลานานเกินคาด ตอนแรกเขาแค่จะจูบเล่นๆ แต่พอได้ลิ้มรสความหวานล้ำก็เลยยืดเยื้อกว่าที่ควรจะเป็น
หนุ่มนักรักตัวพ่อบอกตัวเองว่าให้หยุดแค่นั้น เพราะถ้าขืนจูบเธอนานกว่านี้อีกแค่ไม่กี่อึดใจ เขาคงจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าและทำรักกับเธออย่างเร่าร้อนกลางสวนนี้เป็นแน่ ซึ่งเพลย์บอยตัวพ่อเช่นเขาไม่เคยเกี่ยงอยู่แล้วว่าสนามรักจะอยู่ที่โล่งแจ้งแบบนี้ หรือในห้องมิดชิด
ให้ตายสิ! เอเดนรู้ดีว่ามีไฟกองใหญ่ซุกซ่อนอยู่ในท่าทางนุ่มนิ่มนั้น เขาอยากได้เธอ อยากได้ให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียตอนนี้เลย แต่รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นปัญหาต่างๆ คงจะตามมามากมาย
“ไม่เลวนี่”
“คุณเอเดน!”
เสียงหวานอุทานชื่อเขาออกมา แพขนตางอนกะพริบถี่ๆ อย่างคนที่เพิ่งจะได้สติ ใบหน้าร้อนผะผ่าวเหมือนโดนแดดเผา ตามมาด้วยอาการเข่าอ่อนคล้ายกำลังจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่รอมร่อ ผู้ชายตรงหน้านั้นกักขฬะเหลือเกิน เขาช่างไม่คิดเลยว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะมาจับเธอจูบอย่างเร่าร้อนชวนวาบหวามแบบเมื่อครู่นี้ หากมีใครมาเห็นเข้าเธอจะอับอายแค่ไหน ถึงแม้เธอจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็พอรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันควรกระทำในที่รโหฐานมากกว่า รดาดาวตกใจกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะไม่รังเกียจจุมพิตของเขาแล้ว เธอยังตำหนิเขาแค่เรื่องความไม่เหมาะสมของสถานที่เท่านั้น แถมเมื่อครู่นี้เธอกลับไม่รับรู้อะไรเลยนอกจากริมฝีปากและปลายลิ้นอันแสนร้ายของเขาที่กระหวัดพัวพันรุกไล่ลิ้นของเธออย่างมีชั้นเชิงชวนให้อยากลิ้มลองอีกหลายๆ ครั้ง!
“แต่ก็เร่าร้อนไม่พอกับที่ผมต้องการ” เขาเชยคางมนขึ้นและยิ้มใส่ตา
“นิ่มไม่เคย เอ่อ... คุณไม่ควรจะลวนลามนิ่มแบบนี้นะคะ”
“ไม่ควรอย่างนั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นคล้ายขบขัน “ถ้าอย่างนั้นรีบไปฟ้องคุณซาร่ากับมาดามแทลลีย์เลยดีไหมว่าคุณถูกผมลวนลาม หลักฐานก็ยังพอมีเพราะริมฝีปากของคุณยังบวมอยู่ อาของคุณกับแม่ของผมต้องเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยแน่ๆ มาสิเดี๋ยวจะพาไป หรือถ้าคุณไม่กล้าพูด ผมบอกให้ก็ได้นะ”
มือใหญ่คว้าเอาข้อมือเล็กๆ แล้วออกแรงกระตุกให้เธอเดินตามกลับเข้าไปในคฤหาสน์ รดาดาวตั้งตัวไม่ติดเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ เอเดนจะทำอะไรห่ามๆ เช่นนั้น
“ปล่อยนิ่มเถอะนะคะคุณเอเดน อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ นิ่มขอร้อง...”
เสียงหวานร้องอุทธรณ์ และพยายามจะบิดข้อมือออกจากการพันธนาการของเขา แต่เอเดนไม่สนใจ เขายังคงกึ่งลากกึ่งจูงเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องรับแขก
“รดาดาวมีเรื่องจะบอกคุณซาร่ากับแม่น่ะครับ”
ดวงตาเรียวหวานเบิกกว้างขึ้น มือเล็กเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงระทึก เอเดนกำลังจะทำให้เธอขายหน้า!
“มีเรื่องอะไรหรือน้องนิ่ม” ชมพูนุชเอ่ยถามหลานสาว
“เอ่อ...”
รดาดาวได้แต่อ้ำอึ้งกับคำถามง่ายๆ ของผู้เป็นอา เธอหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเขาเลิกคิ้วและพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้เธอพูด แล้วก็แทบจะร้องไห้ คนร้ายกาจ! จูบเธอแล้วยังจะบีบบังคับให้เธอประจานตัวเองอีก
ทุกคนมองมายังรดาดาวอย่างรอคำตอบ สาวน้อยทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่เอเดนกระตุกยิ้มมุมปากคล้ายกำลังขบขันกับท่าทางเงอะงะของเธอ
“เฮ้อ...สงสัยเป็นเพราะมีผมอยู่ด้วยเธอเลยไม่สะดวกตอบ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุยกันตามสบายนะ ผมต้องขอตัวก่อน” เอเดนแทรกขึ้น แล้วไม่รอให้ใครอนุญาต เขาก้าวออกจากห้องนั้น ตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทางสบายๆ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นปัญหาของรดาดาวคนเดียว
“ว่าไงน้องนิ่ม” ชมพูนุชถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเอเดนเดินพ้นห้องไปแล้ว
“คือนิ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายค่ะอาชม...”
ตอบเสร็จก็หลุบเปลือกตาลงด้วยความละอายที่กำลังโกหกผู้ใหญ่ แต่จะให้บอกความจริงได้อย่างไร มันคงน่าอับอายมากหากผู้ใหญ่ทั้งสองล่วงรู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
“อ้าว...เป็นอะไรมากหรือเปล่าน้องนิ่ม” ชมพูนุชรู้สึกเป็นห่วงหลานสาวเมื่อเห็นว่าสีหน้าของรดาดาวเซียวๆ ลงไป
“นิ่มไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันกับน้องนิ่มคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณจูเลีย”
“จ้ะ” มาดามแทลลีย์พยักหน้าให้ชมพูนุช แล้วหันไปทางว่าที่ลูกสะใภ้ “หายไวๆ นะหนูนิ่ม แต่ว่าอย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะ ว่างๆ ต้องมาสอนป้าทำขนม”
“ค่ะคุณป้า”
สองอาหลานร่ำลามาดามแทลลีย์ จากนั้นก็เดินตามกันออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์โกลเดนกรีน โดยไม่รู้ว่าใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างชั้นสองมองลงมาที่ร่างอรชรด้วยประกายตาบางอย่าง
ค่ำนั้นเอเดนควบแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนแล่นโฉบเฉี่ยวมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของ ‘แมทธิวไครซ์ตัน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผู้มีคุณสมบัติน่าตะครุบไม่แพ้กัน ว่ากันว่าถ้าเอเดนเปรียบเสมือนซูสกลับชาติมาเกิด แมทธิวก็คือโพไซดอน
ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น เจ้าของคฤหาสน์ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบสองก็เลิกคิ้วเข้มขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรัก
“เป็นอะไรวะเอเดน ทำหน้ายังกะแบกทวีปอเมริกาเอาไว้ทั้งทวีปอย่างนั้นล่ะ” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ถามอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่แมทธิวได้โมโหขึ้นมา ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างอะไรกับการถูกคลื่นยักษ์ถล่ม