บทที่ 3 ตอนที่ชักศึกเข้าบ้าน
บทที่ 3 ตอนที่ชักศึกเข้าบ้าน
“ฮัลโหล คุณหมอหลิน” โห้หานที่เสียงพยายามกลั้นน้ำตาตอนที่รับโทรศัพท์
ชื่อที่โทรศัพท์เธอพูดถึงในโทรศัพท์ เป็นคุณหมอที่ดูรักษาอากาศป่วยพ่อของเธอ
“เสี่ยวหาน รวบรวมเงินค่ารักษาพ่อครบแล้วหรือยัง เรื่องนี้คอขาดบาดตายนะ อย่าชักช้า หาหากว่ายังรวบรวมไม่ได้ ทางโรงพยาบาลก็คงต้องให้พ่อเธอออกจากโรงพยาบาลไป เพราะที่นี่ไม่ใช่องค์กรการกุศล
เสียงของคุณหมอหลินที่เร่งเธอและมีความเป็นกังวลส่งผ่านมาทางโทรศัพท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แค่ได้ยินใจเธอก็บีบแน่น รีบเช็ดน้ำตา “อย่านะคะ คุณหมอ ฉันขอร้อง อย่าให้พ่อฉันต้องออกจากโรงพยาบาลเลย ฉันจะรีบรวบรวมเงินค่ารักษา อีกแค่สามแสน สามแสนเท่านั้นก็จะครบแล้ว”
“อะไรนะ ยังเหลืออีกตั้งมากขนาดนั้น ค่าผ่าตัดปาไปตั้งสี่แสน เพิ่งจะหาได้แค่แสนเดียว โห้หานถ้าหากว่าฉันกับพ่อของเธอไม่ใช้เพื่อนกัน เธอเชื่อไหมว่าฉันคงไม่ให้เขาอยู่โรงพยาบาลนานขนาดนี้”
คุณหมอหลินพูดด้วยน้ำเสียงอันไร้ซึ่งความปรานี ผิดกันลิบลับกับท่าทางปกติที่ดูเป็นคนใจดีมีเมตตา
โห้หานคิดนี่คงเป็นเพราะเงินตัวเดียว น่าเสียดายจริงๆ เธอแพ้ให้เงินเสียแล้ว
“ฉันขอร้องคุณ ให้โอกาสฉันครั้งสุดท้าย ได้ไหม ขอเวลาสามวัน แค่สามวันเท่านั้นได้ไหมคะ ภายในสามวันฉันจะหาเงินสี่แสนมาให้ครบ”
โห้หานรีบมาที่โรงพยาบาล คุณหมอหลินยังยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องพักคนไข้คุยเรื่องอะไรสักอย่างอยู่กับพยาบาล เมื่อเห็นเธอเข้าแววตาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป
“เธอออกไปก่อน” คุณหมอหลินโบกมือให้พยาบาลแล้วเอาหูฟังออก
พยาบาลมองไปที่โห้หานอย่างรำคาญ ก่อนที่จะเดินออกไปก็เดินเข้ามาพูดกับเธอว่า “รบกวนคุณโห้ให้รีบหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วย โรงพยาบาลเราจะจนตายเพราะคุณอยู่แล้ว
คุณหมอหลินพูดเร่งเธออยู่สองสามครั้ง พยาบาลคนนั้นถึงได้ยอมเดินออกไปอย่างขัดใจ
“คุณหมอหลิน ขอโทษนะคะ” เธอก้มหัวและโค้งตัวคำนับให้คุณหมอหลิน
เมื่อเห็นแบบนี้เข้าคุณหมอหลินที่หน้าตาสดชื่นก็ถอนหายใจซ้ำไปมา แล้วก็ถอดแว่นพร้อมพูด “เสี่ยวหานไม่ใช่ว่าฉันขี้งกขี้เหนียวอะไรนะ แต่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลของฉัน ตัวฉันเองก็ช่วยเธออย่างเต็มที่แล้ว ทางผู้ใหญ่ข้างบนก็กดดันฉันอยู่ ฉันปล่อยไปไม่ได้จริง ๆ ไม่งั้นแม้แต่ตำแหน่งของฉันก็อาจจะต้องหลุดไปด้วย”
โห้หานเข้าใจถึงความลำบากของคุณหมอ เงิน ตอนนี้เธอต้องการเงินเป็นอย่างมาก
“สามวัน สามวันเท่านั้น สามวันหลังจากนี้ฉันจะต้องหาเงินค่าผ่าตัดมาเพิ่มให้ได้ ไม่ขาดแม้แต่สลึงเดียว แต่ทว่าตอนนี้ ฉันขอร้องพวกคุณ อย่าเพิ่งหยุดยาของพ่อฉัน ไม่งั้นก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่”
โห้หานคว้าข้อมือของคุณหมอหลินอย่างนอบน้อม มองดูพ่อของเธอที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างเหมือนโดนมีดกรีดที่ใจ
เธอคุกเข่าลงที่พื้นข้างเตียงพ่อของเธอ
ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนชักศึกเข้าบ้าน วันนี้ตระกูลโห้ก็คงไม่ตกต่ำเหมือนเช่นวันนี้
แค่เงินสี่แสนค่ารักษาพยาบาลเธอยังหามาจ่ายไม่ได้
คืนนั้นไม่ได้เป็นคืนที่มืดมิดที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ถือได้ว่าเป็นฝันร้ายของทั้งตระกูลโห้เลยทีเดียว
คนที่ไว้ใจที่สุดข้างตัวกับกลายเป็นคนร้าย เป็นคนที่เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลไป
โห้หานในวันนี้อยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย เธอไม่ควรใจอ่อน ควรปล่อยให้เขาถูกทุบตีจนตายอย่างไม่ใยดี
ความเมตตาในวันนั้นกลับทำให้ครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขต้องแตกสลายลง
เธอเดินออกจากโรงพยาบาลมาก็เป็นเวลาสามสี่ทุ่มแล้ว
มองดูแสงไฟระยิบระยับที่ส่องสว่างอยู่ด้านนอกประตู ในใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวด ไม่มีแสงไฟเพียงสักดวงที่ส่องแสงประกายให้กับเธอ
ในเวลาค่ำคืนแสงไฟนีออนบนถนนก็ส่องสว่าง แสงสีเขียวแดงจากไฟสัญญาณจราจรก็ส่องเข้าตาเธอ
สามแสน เธอจะหาเงินสามแสนได้ที่ไหน
“ฮัลโหล เสี่ยวหรัว ช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม”