บทที่ 5
“เบาน่า ยาหยี จะดื่มอะไรมากมาย”
ศุภานิช พยายามแย่งคว้าแก้วจากมือของเพื่อนรัก หากแต่ธีร์วราไม่ยอมส่งให้ เธอเอามันไปกอดไว้ พลางหันมองคนที่จะพยายามแย่งตาขวาง แล้วขู่ฟ่อ
“จาดื่ม จาทามมาย จามาดุเราเหมือนพ่อเราอีกคนหรือไงกัน ดุๆๆๆ บ่นๆๆๆ”
ปากบ่นไม่พอ เจ้าตัวยังหันหลังหนี แล้วยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะส่งแก้วเปล่าให้กับบาร์เทนเดอร์ที่มองอยู่ยิ้มๆ ธีร์วราตะโกนสั่งเสียงแจ๋ว
“เอาอีกแก้ว”
“พอแล้วน่า ยาหยี” ศุภานิชเอ่ยห้าม ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ กับสภาพของเพื่อนสนิท
“เป็นเอามากแหะ สงสัยจะโดนพ่อว่าเอาหนักรอบนี้ พี่แพมคะ...”
ศุภานิชทำสัญญาณให้กับเจ้าของร้านสาวที่ยืนข้างๆ บาร์เทนเดอร์หนุ่มว่า พอแล้ว เพื่อนของเธอเมามากแล้ว แม้ว่าค็อกเทลจะมีแอลกอฮอล์เจือปนไม่มากนัก และธีร์วราก็พึ่งจะดื่มไปแค่สี่แก้วก็ตาม แต่เพื่อนของเธอก็ไม่ใช่พวกสาวนักดื่ม คอทองแดงแต่อย่างใด แถมยังจัดว่าเป็นพวกคออ่อนเอามากๆ แถมเมาแล้วยังชอบทำอะไรเพี้ยนๆ อีกต่างหาก
“เร็วๆ สิมีเงินจ่ายน่า ถ้าไม่ขายให้ ยาหยีจะอาละวาดให้ร้านพังเลย”
ธีร์วรา ว่ามองจ้อง แพมหรือแพรภรณ์ ตาขวาง เล่นเอาเจ้าของร้านสาวต้องอมยิ้ม แล้วสะกิดให้บาร์เทนเดอร์ทำตามคำสั่งของลูกค้าสาวจอมอาละวาดอย่างรวดเร็ว
“สงสัยต้องจัดให้ไปก่อนนะคะ น้องแตงหวาน ปล่อยให้ดื่มไปเถอะคะ ร้านพี่ไม่มีอะไรหรอก ดีเสียอีกให้ดื่มเมามากๆ แล้วก็หมดฤทธิ์คอพับคออ่อนหลับไป พาไปส่งบ้านง่ายดีออกจะตายไปน้องแตงหวาน” แพรภรณ์แอบกระซิบ ขณะที่ศุภานิชมองหน้าเพื่อนรักอย่างกลุ้มๆ ก็คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย เพราะรู้ว่าขัดใจธีร์วราแล้ว เจ้าตัวจะทำอะไรบ้าง ยิ่งเมาๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ทางที่ดีปล่อยให้เมาหลับไปอย่างที่แพรภรณ์บอกก็ดีเหมือนกัน
“ถ้าแบบนั้นช่วยดูยัยยาหยีให้แตงหวานแป๊บหนึ่งนะคะ ขอตัวไปโทรศัพท์กลับไปรายงานพี่ๆ แป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะเป็นห่วงกัน”
ศุภานิชว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน พลางหันมาสั่งบอกเพื่อนรักที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองเสียงดุๆ
“อยู่นิ่งๆ ดีๆ นะยาหยี เดี๋ยวเรามา ห้ามไปยุ่งวุ่นวาย หรือไปอาละวาดใครเขานะ”
“อืม...”
ธีร์วราพยักหน้าตอบ ตอนนี้เจ้าตัวสติปลิดปลิวไปแล้ว เพราะฤทธิ์ค็อกเทลสีหวาน ในแก้ว
มึนๆ เบลอๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้เครียด เพลงจังหวะสนุกๆ ฟังแล้วก็คึกคักดี
หญิงสาวคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
เธอปิดโทรศัพท์ตั้งแต่ตอนบ่าย เพราะไม่อยากให้ใครโทรมาตามตัว ป่านนี้จะเป็นห่วงเธอไหมหนอ มารดากับผู้เป็นย่าต้องเป็นห่วงเธอแน่นอน แต่บิดานั้นเล่า ท่านคงจะบ่นว่าเธอเหลวไหลตามเคย ก็นั่นน่ะสิ เธอทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่างในสายตาท่านนี่นา ธีร์วราคิดอย่างเริ่มน้อยใจอีกรอบ
“มาที่ผับกับยัยยาหยีน่ะพี่แตงโม ฝากบอกพ่อกับพี่แตงไทด้วย”
“อ๋อ...ไปกับแฟนเราเหรอ”
ปลายสายหัวเราะก๊าก เล่นเอาศุภานิชถึงกับหน้ามุ่ย เจ้าตัวตวาดผู้เป็นพี่ชายแว้ดเลยทันที
“พี่แตงโม บอกล้านครั้งแล้วว่าแตงหวานกับยาหยีไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“พี่ก็เข้าใจไปล้านครั้งแล้ว ว่าแกกับน้องยาหยีน่ะ แฟนกันแหงๆ”
แทนที่จะหยุดแหย่ หากแต่พี่ชายตัวดีกลับหัวเราะอย่างล้อเลียนเสียนี่ ศุภานิชเริ่มหงุดหงิด จนต้องตวาดเอาอีกรอบ
“พี่แตงโม”
“เอาน่าๆ พี่น่ะเข้าใจแก ว่าแตกเนื้อหนุ่มมานานก็อยากมีแฟนบ้าง เข้าใจๆ ไม่ว่ากัน”
“ไอ้พี่แตงโม!”
“แหม เฮ้ย! ไอ้เลยเหรอแตงหวาน ล้อแค่นี้เอง ทำเป็นมีน้ำโห”
ศุภวัตรถึงกับทำเสียงอ่อย เมื่อน้องที่เคารพเริ่มโกรธเข้าแล้วจริงๆ และถ้าไอ้เจ้าแตงหวานพิโรธล่ะก็ บ้านแตก ตัวใครตัวมันกันเลยทีเดียว
“แตงหวานเป็นผู้หญิงนะโว้ย! ชอบผู้ชายๆๆ เข้าใจไหม ไอ้พี่บ้า” หญิงสาวกรี๊ดใส่โทรศัพท์ ทำเอาปลายสายต้องเอารีบเอาโทรศัพท์ออกห่างไว้ก่อน เพราะกลัวแก้วหูจะพังเอา
“โอ๋ๆ ขอโทษครับ เจ้าหญิงแตงหวาน พี่ล้อเล่นนิดหน่อยเองน่า หยอกกันวันละนิด จิตแจ่มใสนะจ้ะ”
“แตงหวานไม่แจ่มใสด้วยหรอก” น้ำเสียงโต้ตอบของน้องสาวยังคงห้วน แม้จะอ่อนลงนิดหนึ่งแล้วก็ตาม แสดงว่าคงยังโกรธอยู่
“ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเข้าใจกันว่าแตงหวานเป็นทอมด้วยนะ แถมกับยัยยาหยีนี่นะ มีแฟนแบบยัยยาหยี ปวดหัวไปสามวันสามคืน แม่เจ้าประคุณเอาแต่ใจจะตายไป แตงหวานไม่ชอบกราบกรานเอาใจใคร ไม่ไหวหรอก อย่านะพี่แตงโม ห้ามขยับปากจะล้ออีกนะ ถ้าได้ยินว่าพี่แตงโมพูดล้อว่า กับผู้หญิงคนอื่นแล้วแตงหวาน จะจีบใช่ไหมล่ะก็ กลับไปบ้าน มีตาย!”
“โอ๋ๆ ไม่ว่าอะไรแม้แต่คำเดียวแล้วครับผม น้องสาวของพี่สวยมาก น่ารักม้ากมาก ไม่ห้าวเล้ย ผู้หญิงไทยแท้ มารยาทงาม สวยทั้งกายและใจ”
“พอๆ พี่แตงโม”
คราวนี้เจ้าตัวอดหัวเราะกิ๊กออกมาไม่ได้ กับคำเยินยอแกมประชดของศุภวัตร
“ไม่ต้องมากลั้นใจชมกันขนาดนั้นก็ได้ แค่ไม่ชอบที่โดนล้อว่าเป็นทอม ผู้หญิงไม่หวาน ตัดผมสั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นทอมเสมอไปนี่นา แตงหวานก็ยังชอบผู้ชายเหมือนผู้หญิงคนอื่นเค้า เพียงแต่ยังไม่มีใครตาถั่วมาจีบสักทีก็เท่านั้นแหละ”
“เอาน่ะต่อไปพี่จะท่องไว้ว่าบ้านเรามีผู้ชายสามคน ผู้หญิงหนึ่งคน ไม่ใช่มีผู้ชายสี่คนแบบที่รู้สึกอยู่ทุกวัน”
“พูดมากน่าพี่แตงโม แค่นี้นะคุยด้วยแล้วก็ยิ่งโมโหว่ะ เดี๋ยวคืนนี้กลับไม่เกินตีหนึ่ง”
ศุภานิชเอ่ยตัดบทเอาดื้อๆ เพราะยิ่งคุยก็ยิ่งนาน เธอชักจะนึกเป็นห่วงเพื่อนรักขึ้นมาตงิดๆ ยิ่งดื่มไปมากขนาดนั้นเสียด้วย
“เดี๋ยวจัดการให้ เฮ้อ...ก็มันเป็นเสียอย่างนี้ ใครจะคิดว่ามันเป็นผู้หญิง ไอ้แตงหวานเอ๊ย!”
ผู้เป็นพี่ชายแอบบ่นพึมพำ น้องสาวของเขาพูดจาโผงผาง แถมห้าวจัดเหลือใจ อาจจะเพราะพวกเขาเป็นสาเหตุกลายๆ ก็เป็นได้ แถมเจ้าตัวยังทำงานแบบลุยๆ แบบงานวิศวกร ที่ส่วนมากมักจะมีผู้ชายทำมากกว่าผู้หญิง แล้วบางคราวยังไปช่วยคนงานฉาบปูน แบกทรายเอาเสียด้วย เวลากลัวงานไม่ทัน เอากับแม่สิ!
“พูดจาไม่น่าคบจริงๆ พี่แตงโมนี่”
ศุภานิชบ่นพึมพำ เธอออกมาโทรศัพท์ที่นอกร้าน เพราะด้านในเสียงดังนัก เธอก้าวยาวๆ กลับเข้าไปในร้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนเดินแกมวิ่ง มาชนเข้าที่ด้านหลังจนเสียหลักเซแซดๆ
“ขอโทษทีไอ้น้อง”
เสียงห้าวๆ เอ่ยเมื่อเห็นว่าตนเองชนใครเข้า ศุภานิชที่กำลังกรุ่นๆ อยู่แล้วเพราะโดนพี่ชายล้อเลียน มาโดนมองว่าเป็นผู้ชายอีก เจ้าตัวเลยตวาดเอาแว้ด
“ไม่ใช่ไอ้น้องโว้ย! ฉันเป็นผู้หญิงไม่ใช่ทอมด้วย ไอ้คนตาถั่ว”
ว่าแล้วเจ้าตัวก็สะบัดขวับ เดินก้าวเข้าไปในร้านทันที ทิ้งให้คนที่ถูกด่าแบบไม่ทันตั้งตัวมองตามตาค้าง
“ผู้หญิงเหรอวะนะ ก็เล่นแต่งตัวเสียยังกับทอม โห...ไอ้เสือ หึๆ ตาถั่วครั้งแรกจริงๆ ว่ะเรา”
สุธีธัชหัวเราะหึๆ เมื่อมองตามหลังเจ้าหล่อนเข้าไปในร้าน ก่อนจะก้าวตามเข้าไปบ้าง เพราะเขาพาญาติผู้พี่มาทิ้งไว้คนเดียวที่ร้านนี้เกือบสองชั่วโมงแล้ว หลังจากที่แวะไป ‘ขับรถเล่น’ กับแม่สาวสุดฮอท ที่มากระซิบชวนเขาที่หน้าห้องน้ำของคลับ ไม่รู้ว่าป่านนี้ริคาโด้จะโดนสาวไทย สอยไปแล้วหรือยังนะ หมอยิ่งหล่อบาดตาอยู่ด้วย