บท
ตั้งค่า

บทที่11 ซ้ายก็หมา ขวาก็คน...

“ทานเยอะ ๆ นะคะคุณต้อง แม่แต้วสั่งให้แม่ครัวทำแต่ของโปรดของคุณต้องทั้งนั้นเลย ส่วนอันนี้แม่แต้วลงครัวทำเองเลยนะคะอย่าพลาดชิมเชียว” เสียงชักชวนให้ลองชิมนั้นทานนี่ของแม่แต้วดังขึ้นพร้อมกับการตักนั่นตักนี่มาให้ด้วยความเอ็นดูทำให้ตฤณรดายิ้มออกมาทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคล้ายสติไม่อยู่กับตัวทั้งหงุดหงิดที่โดนรู้ทันแต่ไม่ได้รับการตอบโต้ทั้งเขินอายตัวเองที่ดันไปรู้ไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า

“ขอบคุณค่ะแม่แต้ว ต้องจะทานให้พุงกางเลย” หญิงสาวบอกก่อนที่จะเริ่มลงมือทานในขณะที่แม่แต้วนั้นหันไปตักอาหารให้อีกคนซึ่งตีสีหน้านิ่งสนิทไม่พูดไม่จา

“เมื่อเย็นแม่แต้วคุยกับคุณแพรแล้วนะคะ เธอสั่งมาว่าให้คุณต้องอยู่ที่นี่ล่ะไม่ต้องไปไหน และคุณสิงโตก็ต้องดูแลคุณต้องให้ดีด้วย แล้วพรุ่งนี้วันหยุดพาคุณต้องไปที่บ้านโน่นด้วยคุณแพรเธอคิดถึงคุณต้อง” แม่แต้วเอ่ยบอกไปพลางตักอาหารให้ผู้เปรียบดั่งลูกชายของเธอไปพลางสิรดนัยไม่พูดอะไรได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารซึ่งแม่แต้วที่รู้จักชายหนุ่มดีก็เข้าใจว่าชายหนุ่มนั้นเข้าใจและไม่ได้มีข้อโต้แย้งอะไร

การรับประทานอาหารภายในเรือนอุ่นรักแห่งนี้แตกต่างไปจากชีวิตปกติของตฤณรดาที่มักจะนั่งล้อมวงทานข้าวพูดคุยกับเพื่อนฝูงอยู่ทุกวันพอสมควร เมื่อนึกกระหวัดไปถึงความแตกต่างนี้ก็พลางให้คิดไปถึงสุพรรณณิการ์หรือฝ้ายเพื่อนสาวที่สนิทที่สุดในตอนนี้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เพราะพลอยวารินทร์นั้นได้ทุนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่กรุงปารีสตั้งแต่จบมัธยมศึกษาปีที่5 เธอจึงเหลือเพื่อนสนิทแค่ปราณธิดาและรมิตาหรือเมย์เพื่อนที่มีนิสัยลึก ๆ คล้ายกันและพบกันตอนขึ้นม.5 พอจบมัธยมศึกษาปีที่6ปราณธิดาก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ เธอและรมิตาจึงต้องคบหากับเพื่อนใหม่และก็ได้รู้จักกับสุพรรณณิการ์และเพื่อนในกลุ่มอีก3คน สุพรรณณิการ์นั้นแสดงออกอย่างเปิดเผยไม่มีลับลมคมในแถมยังจริงใจเธอจึงคบหาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายตอนหลังรมิตาได้กลับไปคืนดีกับคนรักเวลาให้เพื่อนอย่างเธอจึงน้อยลงสุพรรณิการ์จึงกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกับเธอที่สุดแทน เธอเชื่อใจเพื่อนคนนี้มากและคิดว่าสุพรรณณิการ์ก็เชื่อใจเธอเช่นกันแต่ความจริงแล้วสุพรรณณิการ์ไม่ได้เชื่อใจเธอเลยสักนิด ในสายตาสุพรรณณิการ์เธอก็แค่ราชนิกูลที่คบไว้เพื่อให้เป็นที่สนใจของคนในมหาวิทยาลัยเท่านั้นความเชื่อใจเป็นศูนย์

“สามสี่วันมานี้คุณต้องได้คุยกับน้องโซ่บ้างไหม” เสียงนั้นส่งผลให้ตฤณรดากลับมาสนใจปัจจุบัน อาหารคาวถูกแทนที่ด้วยของหวาน เป็นบัวลอยกลิ่นหอมยั่วใจที่น่าสนใจมากกว่าคำถามจนหญิงสาวต้องคิดทวนว่าเขาถามว่าอย่างไร

“พี่สิงห์ถามว่ายังไงนะคะ?”

“พี่ถามว่าสองสามวันมานี้คุณต้องได้คุยกับน้องโซ่บ้างไหม?” เพราะน้องสาวขาดการติดต่อมาเกือบสัปดาห์ประจวบเหมาะกับใครบางคนไปธุระที่ปารีสพอดีทำพี่ชายที่หวงน้องสาวมากชักจะนั่งไม่ติดขึ้นทุกวันจึงต้องถามเพื่อนสนิททางนี้ของน้องสาวว่าพลอยวารินทร์ได้พูดอะไรบ้างหรือไม่

“สองวันก่อนคุยกันค่ะ เห็นว่าพี่กลางเข้าไปเห็นตอนเล่นกันอยู่กับเพื่อนที่เป็นเกย์เลยเข้าใจผิด ตามปรับความเข้าใจอยู่แล้วก็หายเงียบไปเลย” ตฤณรดาตอบกลับตามความจริง แล้วก็ต้องยกมือปิดปากเมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าคนบางคนหวงน้องสาวมากพี่กลางที่เธอพูดถึงนั้นเป็นเพื่อนสนิทของสิรดนัยที่ก่อนพลอยวารินทร์จะไปเรียนต่อดันถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานกับเพื่อนของเธอน่ะสิ แต่หวงกับเพื่อนสนิทตัวเองนี่นะ ทำไปได้อย่างไรหนอ ยิ่งเขาแต่งงานแต่งการกันแล้วยังจะไปหวงอีก ใช้ไม่ได้เอาซะเลย

“หวงน้องสาวจังเลยคนแถวนี้ ไม่รู้จะหวงทำไมคนเขาแต่งงานกันไปแล้วควรปล่อยให้พี่กลางดูแลโซ่ได้แล้ว” ตฤณรดาบอกก่อนที่จะลุกขึ้น “ต้องอิ่มแล้วค่ะแม่แต้ว ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

“เปลี่ยนจากหวงน้องสาวมาหวงเมียดีกว่าค่ะคุณสิงโตสบายใจกว่าหวงน้องเยอะเลย เชื่อแม่แต้วสิ” แม่แต้วบอกเมื่อหญิงสาวออกไปจากไกลแล้ว

“ปวดหัวกว่าเดิมสิไม่ว่า แค่หวงน้องนี่สิงโตก็นั่งไม่ติดแล้วนะครับ” สิรดนัยบอกก่อนที่จะลงมือทานขนมหวานต่อ เรื่องอะไรเขาจะหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเองด้วยการไปหวงใครบางคนล่ะ ตัวแสบแบบนั้นเปลี่ยนจากหวงเป็นห่วงคนที่เข้ามายุ่งกับคุณเธอดีกว่าว่าจะรอดกลับไปแบบครบ32ไหม

ภายในห้องนอน

“แม่แต้วบอกว่ากุญแจทั้งหมดอยู่กับพี่สิงห์ พี่สิงห์ไปเปิดห้องข้าง ๆ ให้คุณต้องหน่อยสิ” คนมาพึ่งพาเอ่ยขึ้นทันทีที่เจ้าของบ้านเดินเข้ามาในห้อง ในมือกอดหมอนใบโตไว้เตรียมพร้อมนำไปนอนในห้องใหม่

“พี่ให้แม่แพรไปแล้ว เพราะปกติก็อยู่คนเดียวยังไม่ต้องเปิดห้องอื่น ๆ ไว้พรุ่งนี้พี่จะขอแม่แพรคืนมาเปิดให้” ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่จะกลับออกมาในอีกหลายนาทีต่อมาแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่สนใจเธอ

“แล้วจะให้คุณต้องนอนที่ไหนล่ะ?”

“ก็แล้วแต่คุณต้องสิ บนโซฟา บนพื้น หรือบนเตียง ที่ไหนสะดวกก็นอนที่นั่นไปก็แล้วกัน ทำเหมือนไม่เคยนอนห้องนี้ไปได้” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะหลับตาลง “ขอเตือนว่าถ้าอีก5นาทียังไม่ได้ที่นอนคุณต้องจะไม่มีที่นอนเพราะเลโอนี่กับพี่ ๆ น้อง ๆ กำลังจะเข้ามา”

ตฤณรดามองอย่างช่างใจก่อนที่จะล้มตัวลงบนเตียง เรื่องอะไรเธอจะนอนพื้นแข็ง ๆ หรือโซฟากันล่ะ นอนบนเตียงก็ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่างที่เขาว่าใช่ว่าจะไม่เคยนอนที่นี่และใช่ว่าจะไม่เคยนอนข้าง ๆ เขาสักหน่อยเธอเคยอยู่ที่นี่ นอนที่นี่ ข้าง ๆเขาตั้ง3เดือนมันก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเมื่อก่อนหรอกมั้ง

เมื่อเลือกที่นอนได้ก็หลับตาลงและหลับไปในทันทีเธอไม่รู้เลยว่าเลโอนี่กับลูก ๆ ตัวอื่นของสิรดนัยนั้นเข้ามาตอนไหนและได้ทำอะไรในห้องบ้าง มารู้ตัวเองทีก็ตอนเช้า ตฤณรดาอยากจะบ้าตายกับสถานการณ์ชวนอึดอัดปั่นป่วนใจเช่นนี้เหลือเกิน จะอะไรเสียอีกล่ะก็ข้างหลังเธอนั้นมีเจ้าสี่ขาไม่ต่ำกว่าสามตัวนอนเบียดเสียดซุกตัวหาความอบอุ่นอยู่ ในขณะที่ตัวเธอนั้นก็อยู่ในอ้อมกอดของสิรดนัย ใช่ อ้อมกอดของเขา มันเป็นอะไรที่บ้าบอมาก แม้เมื่อก่อนจะนอนด้วยกันในห้องนี้เธอก็ไม่เคยตื่นมาแล้วรู้สึกหายใจไม่คล่องแบบนี้เลย เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่ตื่นมาในอ้อมกอดของเขา

‘ซ้ายก็หมา ขวาก็คนเจอแบบนี้เอาไงดีหว่า’ ลมหายใจร้อนที่รินรดลงบนหน้าผากส่งผลให้ตฤณรดาคิดอะไรไม่ถูก หัวใจเธอเต้นตึกตักใบหน้าร้อนผ่าว อะไรกันหนอทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ หญิงสาวตัดสินใจหาทางลุกแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมือหนายกขึ้นมาลูบศีรษะเธอ

“เลโอนี่อย่ากวนสิงโตสิ ขออีกแป๊บนะ” เธออยากตะโกนบอกเขาเหลือเกิน เธอไม่ใช่เลโอนี่ นี่ตฤณรดาต่างหากล่ะ “หมาน้อย ขออีก5นาทีนะ”

หญิงสาวได้แต่นิ่งการกระทำของชายหนุ่มนั้นอ่อนโยนจนเธอใจสั่น มันจะดีหรือเปล่านะถ้าเขาอ่อนโยนกับเธอแบบนี้มากกว่า...หมา เธอจะอิจฉาหมาแล้วนะ ‘กับมงกับเมียนี่เย็นชาตลอด ทีกับหมานี่สิงโตอย่างนั้นเลโอนี่อย่างนี้ หมั่นไส้นัก’

“หมาที่ไหนผมยาวค่ะท่านผู้บริหาร นี่หัวคุณต้องไม่ใช่หัวหมา” ด้วยความหมั่นไส้เธอจึงไม่ยอมให้เขาได้นอนต่อ หญิงสาวตะโกนใส่เสียงดังจนเขาลืมตาตื่น

“คุณต้อง อยู่กันแค่นี้จะตะโกนทำไม อย่างกับเลโอนี่เห่าปลุกเลย” อะไรคือการเอาเธอไปเปรียบเทียบกับหมาอีกแล้วเธอจะไม่ทน ตฤณรดาบอกตัวเองก่อนจะทุบอกคนเปรียบเธอกับหมา “คุณต้องไม่ใช่หมา อย่าเอาไปเทียบกับหมานะ”

ว่าแล้วก็ขยับออกและลุกไปยังห้องน้ำทันที สิรดนัยมองตามก่อนที่จะถอนหายใจพรืด ‘เกือบไปแล้ว’

“ฮ่อง!” เลโอนี่และผองเพื่อนเห่าขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะสะบัดหางเดินออกจากห้องไปราวกับเป็นการตำหนิกึ่งงอนคนเป็นเจ้านาย สิรดนัยมองแล้วก็ได้แต่อมยิ้มคนเดียว ความจริงเขารู้สึกตัวตื่นก่อนตฤณรดานานแล้วแต่ยังกอดหญิงสาวไว้พอคนตัวเล็กรู้สึกตัวตื่นเขาจึงได้แกล้งหลับไม่รู้เรื่อง แน่นอนว่านั่นคือทางออกที่ดี ขืนเขาไม่แสร้งพูดงัวเงียราวกับคิดว่าเธอเป็นเลโอนี่มีหวังได้มองหน้ากันลำบากแน่ล่ะ แค่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็กระอัดกระอวนแล้ว

กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ยังติดอยู่บนที่นอนทำให้สิรดนัยรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก บางทีการตื่นมาโดยมีตฤณรดาอยู่ในอ้อมกอดมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน เขาบ้าอะไรมาหลายปีกันนะถึงได้ปล่อยให้เธอไปอยู่ที่อื่นนึกแล้วก็ได้แต่คิดย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนั้น

3ปีก่อน

“ไงครับพ่อสิงโตจำศีล เฮ้ยไม่สิ ปีนี้พ่อสิงห์ของเราแต่งเมียแล้วนิ” เสียงทักทายที่ดังมาทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามาในงานทำให้สิรดนัยไม่สบอารมณ์นัก เสียงทักทายนี้จะบอกว่าเป็นเพื่อนก็ได้และจะบอกว่าเป็นคนไม่กินเส้นกันก็ว่าได้เพราะคนทักนั้นเป็นเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมแต่ก็เป็นเพื่อนจำพวกที่ไม่ถูกกันเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่งานเลี้ยงรุ่นเขาไม่อยากจะเจอคน ๆ นี้กับเพื่อนของเขาคนนี้เท่าไหร่

“นี่ไอ้วิน โตกันป่านนี้แล้วอย่าหาเรื่องเป็นเด็ก ๆ ดิวะ” เมฆินทร์หนึ่งในเพื่อนสนิทของสิรดนัยเอ่ยแทรก สิรดนัยเดินไปนั่งข้างเมฆินทร์ก่อนด้วยใบหน้านิ่งเงียบ คิดว่าอนาวินทร์หรือวินคงจะไม่มาหาเรื่องอะไรอีกเพราะเขาไม่อยากจะเสวนากับเพื่อนคนนี้เท่าไหร่ แต่แล้วเสียงสนทนาของอนาวินทร์และเพื่อนอีกคนที่อยู่พวกเดียวกับอนาวินทร์ก็ดังขึ้น

“แต่งกับเด็กมัธยมแบบนี้ไม่พ้นทำเด็กท้องแน่เลยเว้ย”

“เออ ๆ ได้ยินว่าเป็นเพื่อนน้องสาวด้วยนะเว้ย ใช่แน่ ๆ ว่ะ”

“แหม่...แต่สาวเดี๋ยวนี้ไวไฟจริงว่ะอายุแค่นี้มีผัวซะแล้ว”

“เออจริง ที่สำคัญตาต่ำด้วยเว้ย เลือกไอ้คนเย็นชาแบบนี้เป็นผัว แต่ก็อย่างว่าล่ะ อาจจะแค่เล่น ๆ แล้วดันท้องก็เลยต้องแต่ง เฮ้อ เลิกกันเมื่อไหร่ฉันขอต่อคิวนะเว้ยไอ้สิงโต”

“ถ้าไม่รู้จริงอย่าพูดดีกว่านะ” สิรดนัยเอ่ยเสียงเรียบ เขาเริ่มจะไม่สงบนิ่งเหมือนที่เป็นมาตลอดแต่ล่ะคำพูดของอนาวินทร์และพวกมันทำให้เขาไม่พอใจเลยสักนิด นอกจากจะไม่ให้เกียรติเขาแล้วยังไม่ให้เกียรติเด็กสาวอีกด้วย “พูดจาไม่ให้เกียรติกันฉันไม่ว่าหรอกนะ แต่กรุณาอย่าพูดถึงภรรยาของฉันในทางเสื่อมเสีย เธอไม่ได้ท้อง เธอไม่ได้ไวไฟ”

“โอ้โห มีปกป้องกันด้วยเว้ย นี่คงกำลังอยู่ในช่วงหลงสินะ แสดงว่าเด็ดเว้ย” พลั่ก ทันทีที่พูดจบสิรดนัยก็ไม่อาจระงับความโกรธไว้ได้ชายหนุ่มซัดหมัดใส่อนาวินทร์อย่างไม่หยั่งรวมถึงเพื่อนของอีกฝ่ายด้วยแต่ก็ไม่ยอมให้คนของฝ่ายนั้นได้กระทำกลับไม่นานเพื่อนคนอื่นก็เข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้น

ในวินาทีนั้นสิรดนัยแสดงความโกรธในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพอเย็นลงได้เขาจึงได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกหลากหลายที่ทำให้เขาตัดสินใจถอยห่างจากตฤณรดา เพราะอนาวินทร์กับพวกไม่มีทางอยู่เฉย ๆ ถ้าเห็นความใส่ใจที่เขามีให้เด็กสาว การเฉยชาบึ้งตึงใส่เธอจะไม่ต้องกลายเป็นเป้าของอนาวินทร์และพวก อนาวินทร์กับเพื่อนนั้นเหมือนหมาบ้า ความบ้ากัดไม่ปล่อยของเพื่อนคนนี้ร้ายแรงกว่านัทกรและเสี่ยวิชัยเป็นไหน ๆ

นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เขาตัดสินใจเด็ดขาดที่ให้ตฤณรดาไปอยู่บ้านใหญ่ อีกเหตุผลหนึ่งคือเขากลัวตัวเองจะเผลอพลาดพลั้งทำอะไรล่วงเกินเด็กสาวขึ้นจนเพราะคำพูดของใครอีกคนที่เป็นรุ่นน้องในโรงเรียนและเป็นทั้งคู่แข่งทางการค้าในตอนนี้

‘ตอนนี้ไม่ท้องก็ระวังไว้ก็ดีนะพี่ เด็กน่ะผ้าขาวอย่าไปทำลายอนาคตสดใสของเขาจนเขาต้องไปนั่งเลี้ยงลูกแทนที่จะมีชีวิตดี ๆ พี่พลาดไหร่ ผมซ้ำว่ะ’ คำพูดนั้นเขาจำได้ดีและเกรงกลัวการพลาดพลั้งถึงขั้นตัดสินใจแน่วแน่ ถ้าอนาวินทร์คือหมาบ้า เจ้าของคำพูดนี้ก็เหมือนหมาที่กัดไม่ปล่อยได้โอกาสเมื่อไหร่ซ้ำเมื่อนั้น เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสซ้ำ เพราะเมื่อไหร่ที่หมอนั่นซ้ำคนที่เสียหายที่สุดจะเป็นตฤณรดาในฐานะสามีเขาต้องปกป้องเกียรติของภรรยา

กริ๊ง

เสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารราคาหลักหมื่นดังขึ้นทำให้สิรดนัยต้องหันไปสนใจ “ว่าไงคิม”

“ผมไปสืบมาตามที่บอสสั่งแล้วครับ แฟนของเพื่อนคุณต้องตาเป็นคนที่บอสคาดไม่ถึงเลยล่ะครับ” เสียงของปลายสายเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเคารพ เขาคือคิมหันต์หรือคิม เรียกว่าเขาเป็นนักสืบของสิรดนัยก็ได้เพราะเมื่อไหร่ที่สิรดนัยมีข้อสงสัยมักจะให้เขาไปหาข้อมูลมาให้แต่ความจริงแล้วหน้าที่ของเขาคือบอดี้การ์ดของชายหนุ่มเช่นเดียวกับวสันต์ สิรดนัยมีบอดี้การ์ดสามคนได้แก่คิมหันต์ วสันต์และเหมันต์ ทั้งสามเป็นบอดี้การ์ดที่คุณสิงหาผู้เป็นปู่เลือกมาให้คอยดูแลความปลอดภัยของสิรดนัยหลังจากเข้ามาทำงาน2ปีเนื่องจากชายหนุ่มถูกลอบยิงระหว่างขับรถกลับบ้าน วสันต์ เหมันต์และคิมหันต์เป็นพี่น้องกันวสันต์เป็นพี่ใหญ่ส่วนคิมหันต์นั้นเป็นน้องเล็กอายุน้อยกว่าสิรดนัย2ปีในขณะที่เหมันต์อายุเท่ากับสิรดนัยและสนิทกับชายหนุ่มมากกว่าพี่และน้อง

ทั้งสามจบจากโรงเรียนนายร้อยเคยรับราชการตำรวจก่อนจะลาออกมาทำงานกับคุณสิงหาซึ่งเป็นผู้มีพระคุณอุปการะมาตั้งแต่เด็กและถูกถ่ายโอนให้มาดูแลสิรดนัยหลายปี แต่เพราะสิรดนัยไม่ชอบให้ใครจับตามากนักวสันต์จึงกลายเป็นคนขับรถ คิมหันต์เป็นหน่วยสืบข่าวและมีเพียงเหมันต์ที่ได้เป็นบอดี้การ์ดและตัวช่วยพิเศษ

“แฟนของเพื่อนคุณต้องตาคือนายภราดลเพื่อนสนิทนายอนาวินทร์” คิมหันต์รายงานอย่างรู้ความโดยไม่ต้องให้สิรดนัยได้เอ่ยถาม ข้อมูลที่ได้รับทำให้สิรดนัยแววตาแข็งกร้าวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“อนาวินทร์ ไอ้วินคนที่เรียนชั้นเดียวกับฉันเหรอ”

“ครับ นายภราดลคนนี้เป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของนายอนาวินทร์ แฟนของหมอนั่นก็รู้จักกับอนาวินทร์ด้วย รู้สึกว่าความสัมพันธ์สามคนนี้จะซับซ้อนไม่เบาเลยมีการแอบคบซ้อนกันอยู่” คำตอบของคิมหันต์ทำให้ดวงตาแข็งกร้าวส่องประกายชนิดหนึ่งที่น่ากลัว

“งั้นเหรอ งั้นก็จัดการให้แตกกันไปเลย แตกกับผู้หญิงด้วยไอ้วินด้วย” สิรดนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เขาไม่ใช่หมูในอวยที่อนาวินทร์จะทำอะไรก็ได้ มาถึงจุดนี้ได้เขาก็ไม่ใช่ว่าจะแสนดี เสือตัวนี้ซ่อนเขี้ยวเล็บและรักสงบแต่เมื่อใดที่ใครมายุ่งวุ่นวายมากเกินไปเขาก็พร้อมที่จะสั่งจัดการ เขาไม่เชื่อว่าอนาวินทร์ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ภราดลฉวยโอกาสหาทางล่วงเกินตฤณรดา และไม่เชื่อว่าอนาวินทร์จะไม่กวนตะกอนให้ขุ่น หมอนั่นต้องพูดจาให้ร้ายบางอย่างตฤณรดาให้เพื่อนของหญิงสาวฟังมานานพอสมควรฝ่ายนั้นถึงได้เชื่อแฟนหนุ่มแทนที่จะเชื่อเพื่อน

“รับทราบครับบอส” คิมหันต์กล่าวตอบก่อนที่จะวางสายไปทำตามคำสั่งของคนเป็นเจ้านาย ภราดลโชคร้ายเสียแล้วที่กล้ามากระตุกหนวดราชสีร์ผู้หลับใหลรวมถึงสุพรรณณิกาและอนาวินทร์ด้วย ตอนนี้ราชสีห์หนุ่มตื่นแล้วและไม่พอใจมากเสียด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel