บทที่12 ผู้ใหญ่สอนต้องรับฟังให้มาก
สิรดนัยเดินนำหน้าตฤณรดาเข้ามาภายในบ้านสัตยบดินทร์ซึ่งเป็นบ้านของคุณสิงหาและคุณพราวกะรัตผู้เป็นปู่และย่าของชายหนุ่ม คุณแพรวารินทร์และคุณพงศ์พยัคฆ์นั้นไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แต่อยู่ที่เรือนแสนรักซึ่งเป็นเรือนหอ เรือนแสนรักอยู่ภายในรั้วบ้านสัตยบดินทร์แต่ก็มีระยะทางไกลกันพอสมควร สมัยเด็ก ๆ ชายหนุ่มและน้อง ๆ นั้นอยู่บ้านสัตยบดินทร์มากกว่าเรือนแสนรักเสียด้วยซ้ำเพราะผู้เป็นพ่อนั้นต้องเดินทางบ่อย ๆ และทุกครั้งก็หนีบเอาผู้เป็นแม่ไปด้วยจนคุณพิมพ์พิชชาผู้เป็นอานั้นมักจะบ่นบ่อย ๆ เมื่อมาเยี่ยมบ้านว่าถ้าคุณพงศ์พยัคฆ์ยังเป็นหมออยู่คงจะดีเขาและน้อง ๆ จะยังพอได้อยู่กับแม่
“มาแล้วเหรอสิงโตของย่า” เสียงทักอันแหบแห้งตามความชราของผู้พูดดังขึ้นทันทีที่สองหนุ่มสาวปรากฎตัวในห้องนั่งเล่น คุณพราวกะรัตมองหลานชายคนแรกอย่างรักใคร่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปสวมกอดคนเป็นย่าโดยไม่เคอะเขิน ตฤณรดามองแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมน้อยคนนักที่ผู้ชายที่โตแล้วจะกอดพ่อกอดแม่ กอดย่ากอดปู่ได้อย่าไม่เขินอายแบบสิรดนัย แม้แต่ญาติผู้พี่ฝั่งสิราราชทั้ง2ของเธอนั้นยังกอดหม่อมตรีประดับแค่วันคล้ายวันเกิดของท่านเท่านั้น
“คุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ ช่วงนี้สิงโตไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมเลย” เขาถามคนเป็นย่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่ตฤณรดายกมือไหว้คุณสิงหาอย่างสวยงามและถูกชวนด้วยสัญญาณมือให้ไปนั่งบนโซฟา เมื่อคุณพราวกะรัตผละออกจากคนเป็นหลานเธอจึงยกมือไหว้หญิงชรา
“ย่าสบายดีแล้วเราล่ะลูกสบายดีไหม งานหนักรึเปล่าช่วงนี้” คุณพราวกะรัตรับไหว้หญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดูก่อนที่จะตอบและถามไถ่หลานชายคนโตครู่ต่อมาคุณพงศ์พยัคฆ์และคุณแพรวารินทร์ก็เข้ามาพร้อมกับคนที่หายหน้าหายตาไปจากกรุงเทพมหานครนับ3ปีอย่างสพลดนัย ข้างกายของชายหนุ่มที่ตอนนี้เป็นพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ชาแห่งใหญ่อย่างไร่พยัคฆ์ซึ่งเป็นของขวัญแต่งงานของคุณพงศ์พยัคฆ์และคุณแพรวารินทร์ที่คุณตาของคุณแพรวารินทร์มอบให้หลานสาวและหลานเขยเป็นเด็กสาววัย18ปีท่าทีอ่อนต่อโลกและเรียบร้อยผิดกับสพลดนัยที่ดูจะเป็นหนุ่มใจร้อนขี้โมโห
“อ้าวพลายขึ้นมาเมื่อไหร่ลูก นี่คุณแก้วก็มาด้วย มาๆ มานั่งก่อน” คุณพราวกะรัตทักคนมาใหม่ สพลดนัยและคุณแก้ว หรือแก้วกานดายกมือไหว้หญิงชราก่อนที่เด็กสาวจะเลี่ยงมานั่งข้าง ๆ ตฤณรดา สองสาวยิ้มให้กันก่อนที่จะโผเข้ากอดกัน
“เป็นไงบ้างอาย ไม่สิต้องเรียกว่าแก้วตั้งหาก” ตฤณรดาเอ่ยทักเด็กสาว แก้วกานดาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นหม่อมหลวงเนตรดาราที่เปลี่ยนชื่อเป็นหม่อมหลวงแก้วกานดาและอยู่ในฐานะลูกบุญธรรมของคุณแพรวารินทร์และคุณพงศ์พยัคฆ์มานับ3ปี
“ไร่พยัคฆ์น่าอยู่ค่ะ แต่มีหมีดุขี้โมโหคุมอยู่เลยออกจะน่ากลัวไปนิด” เนตรดาราในชื่อใหม่ตอบพลางลอบมอง “หมีดุขี้โมโห” อย่างหวาดหวั่นราวกับกลัวพ่อหมีดุจะแปลงร่างเป็นมังกรพ้นไฟใส่เธอเข้า ตฤณรดามองแล้วก็ได้แต่หัวเราะขบขัน สพลดนัยคนนี้เหมาะกับฉายาพ่อหมีดุขี้โมโหจริง ๆ นั่นล่ะนะเพราะเขาคนนี้มีนิสัยใจร้อนมุทะลุขี้โมโหซ้ำยังดุอย่างกับเสืออีกด้วยผิดกับสัณหณัฐผู้เป็นฝาแฝดที่มีนิสัยอ่อนโยน เป็นมิตรและสุภาพ
จะว่าไปแล้วในบรรดาหนุ่มๆ บ้านนี้เห็นทีจะมีแค่สัณหณัฐที่ดูจะน่ารักสุภาพปกติที่สุดแตกต่างจากพี่น้อง และดูจะปกติที่สุดแล้วล่ะคิดแล้วก็ได้แต่ลอบมองสิรดนัย คนนี้เงียบนิ่งเย็นชาไป น้องชายคนรองอย่างเสษฏฐวุฒิก็ดูจะเคร่งเครียดไป สรวิชน์ก็ดูจะกระล่อนไป สพลดนัยก็ขี้โมโหไป ถ้ามีใครบอกว่าได้เป็นแฟนกับลูกชายบ้านนี้โชคดีกว่าถูกหวยล่ะก็เธอคงจะค้านว่าใครได้สัณหณัฐไปเป็นแฟนต่างหากล่ะที่โชคดียิ่งกว่ามีเงินพันล้าน เพราะเขาดูจะพอดีที่สุดแล้ว
“ที่หมีมันดุเพราะใครทำตัวไม่เอาถ่านล่ะ” สพลดนัยส่งเสียงค้านใบหน้าของคนขี้โมโหนั้นเคร่งขรึมน่าเกรงขามเมื่อมองคนไม่เอาถ่าน “ถ้าเลิกทำตัวอ่อนแอน่าสงสารเป็นลุกขึ้นสู้คนบ้างหมีมันจะดุไหม ยัยคนไม่เอาถ่าน ทีกับฉันนี่เถียงจังทีทีกับคนอื่นล่ะอย่างกับหนูเจอแมว”
“หมีดุอีกแล้วพี่ต้อง” แก้วกานดาบอกพร้อมทั้งกอดแขนพี่สาวและเอาหน้าไปหลบด้านหลังไหล่มนส่วนพ่อหมีดุนั้นแทบอยากจะกระโดดไปตีก้นยัยคนไม่เอาถ่านให้รู้แล้วรู้รอด
“ต้องขอพาแก้วไปคุยกับตามประสาพี่น้องได้ไหมคะ ไม่เจอกันตั้ง 3 ปี” ตฤณรดาเอ่ยขอก่อนที่สองพี่น้องจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปที่สวนหลังบ้านปล่อยให้ครอบครัวสัตยบดินทร์ได้คุยกัน
“คุณต้องกับคุณแก้วนี่พอโตขึ้นหน่อยหน้าตาอย่างกับนางในวรรณคดีเชียวนะคะพี่สิงหา” คุณพราวกะรัตเอ่ยบอกสามีเมื่อมองตามสองสาว “ถ้าคุณแก้วคือนางจินตะหรา ตุณต้องก็นางบุษบาเชียวนะ”
“แล้วทำไมคุณย่าต้องเอาไปเปรียบกับนางบุษบาและนางจินตะหราล่ะครับ จำได้ว่านางบุษบากับนางจินตะหราเนี่ยมีสามีคนเดียวกันนี่ เปรียบตัวอื่นเถอะ” สพลดนัยบอกอย่างไม่ชอบใจ จินตะหราอะไรบุษบาอะไรสองนางในวรรณคดีนั่นก็เมียอิเหนาทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ เขาไม่ชอบตรงนี้ชะมัด
“เอ๊ะ พ่อหลานคนนี้นี่ ย่าแค่เปรียบเปรยนิดหน่อยก็ไม่ได้” คุณพราวกะรัตบ่นให้หลานชายแล้วก็ลอบยิ้มเอ็นดูหวงเขาแม้กระทั่งเอามาเปรียบเปรยขนาดนี้จะพี่น้องกันได้อีกกี่ปีเชียว
“ก็ทั้งนางบุษบากับนางจินตะหรามีสามีคนเดียวกันนิมันไม่ควรเอามาเปรียบเทียบกับพี่น้องที่คนหนึ่งเป็นภรรยาพี่สิงโตอีกคนเป็นน้องสาวบุญธรรมพี่สิงโตนิครับ เหมือนพี่สิงโตเป็นอิเหนาเลย” สพลดนัยบอกด้วยที่ทีท่าแง่งอนระคนหงุดหงิด
“มีแต่นายที่ความคิดบรรเจิดคิดได้แบบนั้นนายพลาย ในที่นี้เขาไม่พิสดารแบบนายหรอก” สิรดนัยเอ่ยพร้อมยิ้มขัน ไม่มีใครคิดมากแบบเจ้าน้องคนนี้หรอกที่คิดมากคิดเยอะแบบนี้ไม่พ้นหวงน้องสาวนอกไส้ล่ะนะ
“ไม่รู้ล่ะอย่าเทียบกับนางในวรรณคดีที่มีสามีคนเดียวกัน ผมไม่ชอบ” สพลดนัยบอกด้วยใบหน้าตามแบบฉบับคนขี้โมโห
“เรื่องของนายแล้วกัน อ้อแม่แพรครับสิงโตขอกุญแจทั้งหมดของเรือนอุ่นรักคืนด้วยครับ จะเปิดห้องให้คุณต้องน่ะครับ” สิรดนัยบอกแก่คนเป็นน้องก่อนจะหันไปบอกกับมารดา
คุณแพรวารินทร์ส่ายหน้าปฎิเสธ “จะไม่มีการแยกห้องนอนค่ะ เป็นสามีภรรยากันต้องอยู่ด้วยกันเวลาเป็นอะไรจะได้ดูแลกัน”
“สิงโต ลูกควรจะใส่ใจดูแลน้องให้ดีกว่านี้ะ ถ้าลูกใส่ใจน้องสักนิดคงไม่มีเรื่องเกิดขึ้นจนน้องต้องทะเลาะกับเพื่อนแบบนี้” คุณพงศ์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ภรรยาเงียบลง “พ่อไม่ตำหนิลูกหรอกนะ พ่อรู้ว่าลูกคงมีเหตุผลสักอย่าง แต่การผลักออกจากตัวเองเพื่อให้ปลอดภัยนั้นมันก็ใช่ว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเสมอไปมันไม่ได้ปลอดภัยกว่าซ่อนไว้ในอ้อมแขน”
“สิงโตทราบแล้วครับพ่อเสือ พ่อเสือไม่ต้องห่วงครับ ต่อไปนี้สิงโตจะดูแลคุณต้องให้ดีที่สุดครับ” ผู้บริหารหนุ่มบอกด้วยเสียงจริงจัง
คุณพงศ์พยัคฆ์ยิ้มก่อนที่จะพูดต่ออย่างตรงไปตรงมา “ดูแลกันเฉย ๆ ไม่ได้หรอกนะ ต้องปรับตัวเข้าหากันด้วย เราขอลูกขอหลานเขามาแล้วก็ต้องดูแลไปจนแก่เฒ่า ลูกต้องอยู่กับน้องไปจนแก่เฒ่าเพราะฉะนั้นความรัก ความเข้าใจและการปรับตัวเข้าหากันจึงจำเป็นต้องพัฒนาขึ้น ที่แม่แพรไม่อยากให้แยกห้องเพราะอยากให้ลูกกับน้องได้ปรับตัวเข้าหากันวันข้างหน้าจะได้ไม่มีปัญหา วันหนึ่งข้างหน้าพวกลูกก็ต้องมีลูกด้วยกันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์จะแยกห้องกันไปก่อนค่อยอยู่ด้วยกันตอนจะมีตัวเล็กทีเดียวมันเป็นเรื่องยากที่จะชินนะ มันดีกว่านะที่อยู่กันให้ชินกับการตื่นมาเจอหน้ากันทุกเช้าทิ้งตัวลงนอนข้างกันก่อนตั้งแต่ตอนนี้วันข้างหน้าจะได้ไม่มีปัญหา”
“ถูกของพ่อเรานะเจ้าสิงโต ปู่เห็นด้วย ปรับตัวเข้ากันได้ความรัก ความเข้าใจก็จะตามมาเอง ชีวิตคู่ของเรากับคุณต้องเริ่มต้นไม่เหมือนคู่อื่นที่เริ่มจากคนรัก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ความทำคือการปรับตัว และสำคัญกว่าคือถ้าเรากับเขาไม่ปรับเข้าหากันนั่นหมายถึงความทุกข์ชั่วชีวิตเลยนะ เพราะชีวิตคู่นั้นไม่ใช่แค่วันสองวันแต่เรากับเขาต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต” คุณสิงหาเอ่ยเสริมในขณะที่สพลดนัยลอบยิ้ม ดูเหมือนวันนี้พี่ชายของเขาจะถูกรุมสั่งสอนติวเข้มเสียแล้ว ทั้งพ่อทั้งปู่เล่นพูดขนาดนี้
“เพื่อลูกกับคุณต้องเองนะพี่สิงโต เรื่องของชีวิตคู่มันเป็นเรื่องของคนสองคนถ้าคนสองคนไม่ช่วยกันประคับประคองแล้วใครจะเข้ามาช่วยได้ล่ะ” คุณแพรวารินทร์เสริมทัพอีกแรงก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคุณพราวกะรัตที่พูดในสิ่งที่ทำให้หลานชายคนโตหน้าตามืดครึ้มยิ่งกว่าฝนฟ้าจะตกไปเลย “ก็ไม่แน่นะถ้าเราไม่เร่งปรับตัวเข้าหากันอาจจะมีผู้ชายสักคนเข้ามาช่วยแทรกกลาง แล้วก็ฉกชิ้นปลามันไปกิน”
สิรดนัยนิ่งไปด้วยว่าผู้ใหญ่กำลังสั่งสอนเขาพึงฟังไว้ให้มาก แต่คำพูดสุดท้ายของคุณย่านั้นเล่นเอาเขาชะงักงันแล้วรู้สึกนั่งไม่ติด เขาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน ปลาชิ้นนั้นของเขาคนเดียว
ช่วงเช้านั้นสิรดนัยและตฤณรดาขลุกอยู่กับครอบครัวชายหนุ่มแต่พอเข้าสู่ช่วงบ่ายชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวไม่ได้ข้าวของเครื่องใช้จากหอพักมาที่บ้านด้วยแม้วันแรกสองคนจะอยู่ได้โอเคแต่ก็ไม่ใช่ตลอดไป ชายหนุ่มจึงลากลับพาหญิงสาวมาเก็บของที่หอพัก เพราะเป็นวันหยุดสุพรรณิการ์จึงไม่อยู่ที่ห้องตฤณรดาจึงไม่ต้องรู้สึกแย่นัก
หญิงสาวตั้งใจเก็บแต่ของที่จำเป็นและชุดนักศึกษาและชุดอื่น ๆ อีกไม่กี่ชุดเพราะเห็นว่าใกล้เวลาที่เพื่อนสาวจะกลับห้องมากับแฟนหนุ่มแล้วเธอยังไม่อยากเจอคนทั้งคู่ เมื่อเก็บของเสร็จหญิงสาวเห็นว่ายังมีเวลาอีกเยอะกว่าจะค่ำจึงขอให้ชายหนุ่มพาไปที่วังสิราราชสักหน่อย เธอจะได้ไปบอกกล่าวแก่หม่อมยายเพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องมาแวะมาเยี่ยมหรือส่งกับข้าวอร่อย ๆ มาให้ที่หอพักแห่งนี้อีก
วังสิราราช
“ดีแล้วล่ะ ยายก็คิดอยู่เหมือนกันว่าแฟนแม่ฝ้ายนั่นไว้ใจไม่ได้ ขอบคุณพ่อสิงโตนะที่ไม่ทอดทิ้งแม่ลิงแสบนี่ให้กลับไปอยู่หอ” หม่อมตรีประดับเอ่ยบอกหลังจากที่ฟังหลานสาวเหล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ในอ้อมกอดของหม่อมแห่งวังสิราราชบัดนี้มีเหลนตัวน้อยวัย3เดือนซึ่งเป็นลูกชายคนที่สองของหม่อมหลวงเตวินทร์และม่านฟ้าข้างๆกันมีร่างของเด็กชายติณภัทรหรือน้องเมฆลูกชายคนโตของอดีตจอมเสเพลนั่งเล่นอยู่กับคนเป็นแม่ไม่สนใจการมาของคุณอายังสาวที่ชอบบีบแก้มตนอย่างหมั่นเขี้ยวบ่อย ๆ เมื่อมาหาคนเป็นทวด
“มันเป็นหน้าที่ของผมนิครับหม่อมยาย หม่อมยายไม่ต้องกังวลนะครับต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณต้องอย่างดีจะไม่ปล่อยให้มีเรื่องเหมือนคราวนี้อีก” สิรดนัยเอ่ยบอกก่อนที่จะยกมือขึ้นไหว้ขอโทษหญิงชรา “ที่ผ่านมาผมขอโทษหม่อมยายนะครับที่ดูแลหลานสาวหม่อมยายไม่ดีทั้งที่หม่อมยายอุตส่าห์ไว้ใจ”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะนะจ๊ะ แค่ต่อไปนี้พ่อสิงโตดูแลแม่ต้องตาให้ดีไม่ละเลยยายก็พอใจแล้วล่ะ” หม่อมในหม่อมเจ้าแห่งวังสิราราชบอกด้วยรอยยิ้มไม่ถือสาก่อนที่จะมองเวลาเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วจึงลุกขึ้นส่งหลานชายวัยแบเบาะให้แม่นมดูแล “แม่ต้องเดี๋ยวไปช่วยยายกับหนูฟ้าเตรียมอาหารหน่อยนะ วันนี้ยายอยากทำของโปรดของตาต้อมน่ะ วันนี้ตาต้อมจะพาหนูมุกมาทานข้าวที่นี่”
ตฤณรดาพยักหน้าเข้าใจ หลังจากที่สะสางปรับความเข้าใจกับผู้เป็นพ่อแล้วหม่อมหลวงเตชินทร์ก็ถูกผู้เป็นปู่ขอร้องให้กลับไปใช้ราชสกุลติวกุลเพราะหม่อมราชวงค์ปนัยภพนั้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านการสืบทอดตำแหน่งประมุขวังติวกุลจึงต้องเป็นของหม่อมราชวงค์ปนัยภพแต่เพราะสุขภาพที่ไม่ดีนักจึงยกการดูแลจัดการทั้งหมดในวังติวกุลให้แก่พี่ชาย เตชินทร์จึงต้องเปลี่ยนกลับไปใช้ติวกุลและย้ายเข้าไปอยู่ที่วังติวกุลดูแลทั้งพ่อและน้อง ๆ รวมถึงทรัพย์สินของติวกุล นับว่าโชคดีที่ติวกุลหยิบจับธุรกิจการออกแบบก่อสร้างเสียส่วนใหญ่ทำให้เข้าทางสถาปนิกหนุ่มอย่างพี่ชายเธอที่ตอนนี้นอกจากจะเป็นผู้บริหารแล้วยังดึงเพื่อนสนิทหนุ่มสุภาพอย่างสัณหณัฐไปทำงานด้วย “ดีเลยค่ะต้องไม่ค่อยได้เจอทั้งพี่ต้อมทั้งพี่มุกเลย เดี๋ยวอาต้องมาเล่นด้วยนะน้องเมฆ น้องมีน”
“เล่นกับน้องเมฆไปก่อนนะพี่สิงห์ คุณต้องไปช่วยหม่อมยายแป๊บ” หญิงสาวเอ่ยบอกแก่ชายหนุ่มแล้วก็พยุงคนเป็นยายหายไปจากห้องนั้น ทิ้งไว้เพียงพี่เลี้ยงและแม่นมของเด็กน้อยทั้งสองและเจ้าตัวเล็กสองตัวให้อยู่ในห้องกับชายหนุ่ม สิรดนัยมองเด็กชายติณภัทรอย่างเอ็นดูก่อนที่จะลุกไปนั่งใกล้ ๆ เขาค่อนข้างชอบเด็กและรักเด็กเห็นเด็กเล็ก ๆ แล้วชอบที่จะนั่งมองแต่มองไปมองมาแล้วก็อยากมีบ้างเสียทุกครั้งไป
เด็กชายติณภัทรมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าฉงนก่อนที่จะขยับเข้าไปชวนให้เล่นด้วยกัน สิรดนัยยิ้มขันอย่างผ่อนคลายก่อนที่จะเล่นกับเด็กน้อยโดนไม่ห่วงภาพพจน์ผู้บริหาร เด็กน้อยหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจดังไปถึงในครัวจนตฤณรดาต้องทำหน้างอน
“ทีกับอาต้องนี่ทำไม่สนใจ ทีอย่างนี้ล่ะหัวเราร่วนเชียว เดี๋ยวเสร็จตรงนี้จะไปฟัดแก้มให้ ฮึย หมั่นไส้” หญิงสาวได้แต่บ่นขณะที่หั่นผักให้ผู้เป็นยาย
“ก็เราน่ะชอบไปบีบแก้มหลานให้หลานงอนเองนิ” คนเป็นยายบอกยิ้ม ๆ “จะว่าไปฟังจากเสียงนี่ท่าทางตาเมฆจะชอบพ่อสิงโตมากเลยนะเนี่ย พ่อสิงโตเขาเล่นกับเด็กเป็นรึ”
“แหม่ หม่อมยายก็ถามมาได้ ช่วง2-3ปีมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างกับสัตยบดินทร์หม่อมยายก็รู้ พี่หมอเพชรน่ะเปิดตัวลูกสาวอายุ7ขวบเมื่อครึ่งปีก่อน ส่วนพี่เพลิงก็แต่งงานเมื่อ1ปีก่อนลูกสาวพี่เพลิงกับครูรักน่ะขวบกว่าแล้วนะพี่สิงห์มีหลานแล้วถึง2วัยเชียว จะเล่นกับเด็กไม่เป็นได้ยังไง” ตฤณรดาเอ่ยบอกตามข่าวที่คุณแพรวารินทร์มักจะบอกเล่าให้เธอฟังเสมอเมื่อเธอโทรศัพท์ไปหา เมื่อปีที่แล้วเสษฏฐวุฒิเพิ่งจะเปิดตัวลูกสาวที่เขาเพิ่งรู้ว่ามีและพาลูกและแม่ของลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน ส่วนสรวิชญ์นั้นแต่งงานกับครูสาวสมัยมัธยมของเธอเมื่อ1ปีก่อนและตอนนี้ลูกสาวของทั้งคู่ก็ขวบกว่า ๆ แล้ว คุณแพรวารินทร์เล่าให้ฟังว่าวันไหนว่างสิรดนัยจะมาเยี่ยมหลานและอยู่เล่นกับหลานเสมอ “แม่แพรบอกว่าพี่สิงห์น่ะรักเด็กเห็นเด็กเล็ก ๆแล้วต้องเอ็นดูเข้าไปเล่นด้วย ขัดกับมาดน้ำแข็งเดินได้มากอะ”
เพี๊ยะ! หม่อมตรีประดับฟาดนิ้วเหี่ยวตามวับลงบนแขนหลานสาวไม่แรงนักเป็นการตำหนิ “อย่ามาเรียกหลานเขยฉันแบบนั้นนะแม่ต้องตา”
“แหน่ะ มีปกป้อง หม่อมยายขานี่ นี่ คนนี้หลานสาวหม่อมยาย” หญิงสาวบอกไม่จริงจังนัก ไม่แปลกใจที่ใคร ๆ ก็เอ็นดูรักใคร่สิรดนัยเพราะกับผู้ใหญ่นั้นเขานอบน้อมเสมอ นอบน้อมเอาใจกันเสียขนาดนี้มีหรือหม่อมยายเธอจะไม่เอ็นดูออกนอกหน้านอกตาอีกอย่างชายหนุ่มนั้นมีเสน่ห์ในตัวอย่างหนึ่งที่เธอรับรู้ได้ว่าเป็นตัวทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่หรอกแค่เขายิ้มออกมาใคร ๆ ก็ต้องใจละลายหลงรัก ‘ยกเว้นเธอ เพราะเขาไม่ยิ้มให้เธอแบบนั้นไง นี่ถ้าขืนมายิ้มใส่กันในแบบที่พลอยวารินทร์มักจะบอกว่าต่อให้ดื้อแค่ไหนก็ต้องยอมมีหวังเธอได้ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเป็นแน่’
“ใครบอกว่าหล่อนเป็นหลานยาย พ่อสิงโตโน่นหลานยาย เราน่ะผุดมาจากไม้ไผ่” คนเป็นหม่อมเอ่ยบอกอย่างขำขันหยอกล้อหลานสาวอย่างเอ็นดูจนคนเป็นหลานได้แต่ทำท่าทีแสนงอนตามประสาเด็กขี้อิจฉาไม่จริงจังนัก
“ต้องตา ยายมีอะไรจะสอน” คนเป็นยายพูดขึ้นหลังจากที่หยุดหยอกล้อกันแล้ว ตฤณรดามองคนเป็นยายตาแป๋วอย่างไม่เข้าใจ ยังมีอะไรจะสอนเธออีกเหรอ ก็รู้อยู่ว่าสอนอะไรมาเธอก็ไม่ค่อยทำน่ะ
“ยายรู้นะว่าสอนไปแล้วเราก็ไม่ค่อยจะทำแต่สิ่งที่ยายจะสอนต่อไปนี้ ยายอยากให้เราจำไว้และทำมันให้ดีที่สุด” หม่อมตรีประดับบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะพูดต่อเพราะรู้ดีว่าหลานสาวนั้นกำลังรอฟัง “ผู้หญิงเราเมื่อเกิดมาเรามีหน้าที่เป็นลูก เป็นหลานก็ต้องทำหน้าที่ของลูกของหลานที่ดี เมื่อโตขึ้นสักหน่อยพอแต่งงานแต่งการเราก็ควรทำหน้าที่แม่หน้าที่เมียที่ดี”
“ฟังไว้นะแม่ต้องตา แม่ฟ้าฟังด้วยก็ได้ยายจะสอน ภรรยาที่ดีควรให้เกียรติสามี มีความเคารพและเข้าใจในตัวเขา ภรรยาที่ดีควรดูแลใส่ใจสามีไม่เอาแต่ชวนทะเลาะ ไม่ควรพูดถึงสามีในแง่ลบต่อหน้าผู้อื่นปัญหาของคู่สมรสควรเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ควรเปรียบเทียบสามีกับคนที่สมบูรณ์แบบกว่าเขาและควรมีเวลาให้เขาในทุก ๆ วัน รับฟังปัญหาหรือความคิดเห็นของเขา อย่าทำให้เขาลำบากใจและใช่ว่าจะต้องรักและดูแลแค่เขาแต่ต้องรักและดูแลครอบครัวเขาด้วย” หม่อมตรีประดับร่ายยาวก่อนที่จะปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองได้คิดก่อนจะพูดต่อ
“ต้องตา สามีของเราน่ะเขามีภาระหน้าที่มากมายเมื่ออยู่นอกบ้าน เมื่อเราเข้าไปอยู่กับเขาเราไม่ควรทำให้เขาเหนื่อยเพิ่มขึ้น เราต้องเป็นฝ่ายดูแลเอาใจใส่เขา ถามบ้างว่าเหนื่อยไหม เมื่อยรึเปล่า นวดหน่อยไหม จงอย่าทำตัวเก่งกว่าเมื่ออยู่หน้าบ้านแต่คอยเป็นหลังบ้านที่จัดการทุกอย่างให้เขาไม่ต้องกังวล เมื่ออยู่บ้านเราต้องเป็นภรรยาที่อ่อนน้อมเอาอกเอาใจทำให้สามีพอใจ เมื่ออยู่ในงานสังคมเราพึงทำตนให้เป็นที่ชื่นชม เชิดหน้าชูตาแก่สามี เข้าใจที่ยายพูดไหม”
“เข้าใจค่ะ แต่”หญิงสาวตอบแต่แล้วก็โดนฝ่ามือเหี่ยวย่นฟาดลงที่แขน เพี๊ยะ!
“มีแต่ตลอดล่ะเราน่ะ ดูน้องสามีเราสิแม่ฟ้า ย่าพูดอะไรล่ะมีแต่ตลอด” หม่อมตรีประดับว่าให้พลางฟ้องหลานสะใภ้
“ฟังก่อนสิหม่อมยายอะ” หม่อมหลวงตฤณรดาบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ กับความขี้ฟ้องมือไวของคนเป็นยาย “ที่ต้องบอกว่าแต่เพราะว่าต้องกับพี่สิงโตเหมือนคู่แต่งงานทั่วไปที่ไหนเล่า จำเป็นต้องทำด้วยเหรอ”
“ต้องทำสิแม่ต้อง ยายกับย่าเราน่ะไม่รับเราคืนหรอกนะ พ่อสิงโตน่ะต้องดูแลเราไปชั่วชีวิต เราก็ต้องปรับตัวเข้าหาเขาและพึงทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของเขา เขาจะได้เอ็นดูรักใคร่ไม่ปันใจไปให้ใครจนเกิดปัญหามือที่สามที่สี่ หรือเราอยากให้ผัวมีเมียน้อยล่ะอยากเป็นแบบคุณหญิงแม่เรารึ” คนเป็นหม่อมบอกในขณะที่คำพูดในประโยคท้ายนั้นทำเอามือที่ถือมีดหั่นผักของตฤณรดาชะงัก
“ไม่นะ ต้องไม่ยอมให้มีหรอก” หญิงสาวบอกพร้อมทั้งสับมีดลงบนเขียงเสียงดัง เรื่องอะไรเธอจะยอมให้เป็นแบบนั้นกันเล่า ไม่ยอมหรอก สิรดนัยน่ะคนของเธอ ของเธอคนเดียว
หม่อมตรีประดับลอบยิ้ม แม่คนขี้หวงเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นยังคงขี้หวงเหมือนเดิม “ผู้ใหญ่สั่งสอนต้องรับฟังให้มาก และปฏิบัติให้ดี ทำตัวน่ารักเป็นเมียที่ดีให้ผัวรักผัวเอ็นดูซะอย่างผัวจะไปไหนรอด”
ตฤณรดาฟังด้วยสีหน้าหมายมาด เธอจะเป็นภรรยาที่ดีเขาจะได้ไม่ไปมีคนอื่น “ต้องจะพยายาม แต่ถ้าทำไม่ได้ เขาสั่งคืนหม่อมยายรับคืนด้วยนะ”
“ยังจะมาพูดตลกอีกแม่คนนี้นิ” หม่อมตรีประดับส่ายหน้าขำขันก่อนที่จะลงมือทำอาหารต่อไปโดยมีหลานสาวและหลานสะใภ้คอยช่วยไม่นานต่อมาเมนูของโปรดของหม่อมหลวงเตชินทร์ก็เสร็จเรียบร้อยรอแต่เจ้าตัวมารับประทาน
