บทที่10 เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
“พี่ไม่คิดว่ากลับมาพี่จะได้รับรู้อะไรแบบนี้ ยัยต้อง เรานี่มันตัวก่อเรื่องจริง ๆ” หม่อมหลวงเตวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายจะตำหนิแต่ก็ไม่จริงจังก่อนจะตบไหล่สิรดนัยที่ตอนนี้พยายามทำหน้านิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ “นี่ล่ะหม่อมหลวงตฤณรดา สิราราชของแท้ ไหน ๆ ก็ไหนๆแล้วทำใจเถอะนะสิงโตต่อจากนี้นายต้องปวดหัวกับตัวก่อเรื่องนี่ไปจนตาย”
สิรดนัยทอดสายตามองมือที่ตบไหล่เขาก่อนจะหันไปมองตฤณรดาที่ตอนนี้กำลังยิ้มชอบใจทั้งที่ตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำก่อนจะได้แต่ทอดถอนใจ มิน่าล่ะน้องชายเขาแต่ล่ะคนถึงเกรงๆ ตฤณรดากันจนทำตัวสงบเสงี่ยม ก็เพราะว่าดีกรีความแสบความซนและขี้แกล้งของเธอนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์เสียอีกนะสิ
เขาและเตวินทร์รวมถึงผู้กองพายัพออกไปจัดการเรื่องเสี่ยวิชัยแค่ไม่ถึงชั่วโมงกลับมาใครจะคิดว่าตฤณรดาก็ได้จัดการคนที่เธอไม่พอใจแล้วเช่นกัน วิธีจัดการของเธอก็ไม่มีอะไรมากมายก็แค่...หลอกล่อให้พามาที่สระว่ายน้ำแล้วก็อาศัยจังหวะเผลอผลักตกน้ำด้วยการทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุก็เท่านั้นเอง
“ต้องไม่ได้ตั้งใจนะคะพี่ต่อ ต้องแค่อยากเห็นสระว่ายน้ำของที่นี่ที่พี่ฟ้าเคยบอกว่าเหมือนที่สิราราชก็เท่านั้น ไม่คิดว่าตัวเองจะสะดุดขาตัวเองจนทำให้น้องสาวพี่ฟ้าตกน้ำไปด้วย ต้องตาขอโทษนะคะต้องตาว่ายน้ำไม่แข็งก็เลยต้องเกาะป้า เอ้ย น้องสาวพี่ฟ้าไว้จนป้าไม่ได้ขึ้นจากน้ำสักทีจนหนาวสั่น” เด็กสาวเอ่ยบอกด้วยเสียงราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ สิรดนัยอยากจะเถียงเสียเหลือเกิน ว่ายน้ำไม่แข็ง ชิสุน้อยช่างพูดมาได้ทั้งที่น้องสาวเขาบอกว่าสมัยมัธยมต้นยัยหมาน้อยเคยชนะเลิศการแข่งขันว่ายน้ำระดับเขตมาแล้ว มัธยมปลายมาแม้จะไปแข่งขันทางการศิลปะต่อสู้มากกว่าแต่ก็ยังถือว่าเป็นนักกีฬาและว่ายน้ำเก่ง มุสาได้ห่างไกลความจริงมาก
“ตอแหล แกตั้งใจจับฉันไว้ชัด ๆ” เหมือนฝันแย้งขึ้นในขณะที่กำลังสั่นเทิ่มอยู่ในอ้อมกอดของเฟื่องฟ้า เธอไม่ได้อ่อนเดียงสาถึงกับจะดูนังเด็กผีนี่ไม่ออก “นังเด็กผี พ่อแม่ไม่สั่งสอน นังเด็กมารยาททราม”
“เหมือนฝัน!!!” คำว่ามารยาททรามยังคงยั่วยุอารมณ์โทสะของเตวินทร์ได้อย่างดี ชายหนุ่มจ้องเขม่นใส่น้องสาวภรรยาด้วยสีหน้าดุดัน น้ำเสียงที่เรียกชื่อหญิงสาวเสียงแหลมนั้นดังสนั่นน่าเกรงกลัว “อย่ามาว่าน้องฉันมารยาททรามถ้าเธอไม่ได้ดีไปกว่ากัน”
“ก็มันมารยาททรามจริงนิ” เหมือนฝันพูดอย่างโมโหแต่แล้วคนเป็นพี่เขยก็สวนมาจนต้องโมโหกว่าเดิม“คำนั้นมันเหมาะกับเธอมากกว่า”
ที่สุดแล้วเหมือนฝันจึงหันไปทำท่าจะฟ้องสามีมากวัยจนพ่อเลี้ยงวัยกลางคนต้องฉุนเฉียวขึ้นอีก “นี่แกว่าเมียฉันอีกแล้วเหรอวะ”
ขณะที่เหตุการณ์คล้ายจะเป็นเหมือนกับก่อนหน้านี้ตฤณรดากลับเอ่ยถามสิรดนัยขึ้นคล้ายการเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง “พี่สิงห์ กิริยาแบบไหนเหรอที่เขาเรียกว่าคนมารยาททรามอะ”
“พี่ไม่รู้สิ พี่รู้แต่ว่าคนมีมารยาทไม่ควรมองคนอื่นด้วยสายตาดูถูก ไม่ควรพูดเหยียดหยามคนอื่น ไม่ควรตำหนิติเตียนคนอื่นทั้งที่ตัวเองไม่ได้ดีไปกว่ากัน”แต่คำตอบของสิรดนัยนั้นกลับทำหลายคนสะอึก เขาทราบเจตนาของเด็กสาวดีว่าไม่ใช่แค่การเบี่ยงเบียนประเด็น และเขาก็คิดว่ามันจะดีไม่น้อยถ้าหลวมตัวเล่นกับเธอหน่อย
“พี่ต่อ ในฐานะที่เราถูกปลูกฝังสั่งสอนมาพร้อมกันแต่ต้องจำไม่ค่อยได้ พี่ต่อทวนคำสั่งสอนรุ่นสู่รุ่นให้ต้องตาฟังหน่อย ต้องตาจะได้รู้ว่าตัวเองมารยาททรามหรือไม่” คราวนี้เด็กสาวหันไปถามญาติผู้พี่บ้างด้วยใบหน้าบ้องแบ้ว
“อืม พระองค์เจ้ากิตติวรา สิราราชได้มีพระดำริสั่งสอนแก่หม่อมเจ้ากวินทรา สิราราชและหม่อมตรีประดับให้สั่งสอนแก่ลูกลานเชื้อสายสิราราชว่า มารยาทนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษา หลายข้อที่ควรรักษาไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทาง คำพูดคำจาหรือการปฏิบัติ แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้มีมารยาทดีไม่พึงกระทำการดูถูกเหยียดหยามผู้ที่ด้อยกว่าแม้ตนจะเป็นเชื้อพระวงค์ หรือราชนิกูล ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือบ่าวก็ไม่ควรที่จะกระทำ สูงต่ำ ดำขาว ร่ำรวยยากจน เชื้อพระวงค์กับขอทาน ไม่ว่าจะกับใครก็ไม่ควรที่จะดูถูกดูแคลนกัน ผู้ที่ดูถูกคนอื่นไม่ว่าจะทางสายตา ทางกิริยา หรือทางคำพูด คนเหล่านั้นแลถือว่ามารยาททราม” หม่อมหลวงเตวินทร์เอ่ยด้วยการเน้นประโยคท้ายจนทั้งแม่ยายและน้องเมียรวมถึงน้องเขยถึงกับสะอึก “พี่จำได้แค่นี้ล่ะต้องตา พี่ไม่ค่อยปฏิบัติครับหรอก แต่พี่ก็ไม่เคยดูถูกใคร แค่นั้นก็น่าจะถือว่ามีมารยาทพอแล้วนะ”
“อืม นั่นสิ ต้องตาก็ออกจะไม่ค่อยกุลสตรี บางทีก็ทโมนเกินไป แต่ต้องตาไม่เคยดูถูกใครเลยนะ” ญาติผู้น้องเสริมก่อนที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจจากสิรดนัย สองพี่น้องกำลังเบี่ยงเบียนประเด็นเหน็บแหนมตำหนิคนชอบดูถูกอย่างเจ็บแสบยิ่งกว่าที่เขาเสียอีก เรื่องจิกกัดนี่งานถนัดของสองพี่น้องใช่ไหม
“นี่คือการจิกกัดคนอื่นตามแบบฉบับหม่อมหลวงตฤณรดาและหม่อมหลวงเตวินทร์ใช่ไหมเนี่ย ตบมือให้เลยครับ แต่นอกเหนือจากตบมือแล้วผมขอชื่นชมเลยนะครับ ทั้งที่ทั้งคุณต่อและคุณต้องเป็นถึงราชนิกูลที่ร่ำรวยและมั่งคั่งไม่เป็นรองใครในประเทศนี้แต่กลับไม่เคยดูถูกดูแคลนใครเลย ชื่นชมจริง ๆ ครับ คุณฟ้าครับ คุณฟ้าเลือกสามีไม่ผิดหรอกครับผู้ชายคนนี้แม้จะเคยเสเพลไปบ้างแต่ก็ยังมีเชื้อเจ้าเชื้อนายที่ไม่ดูถูกใครไม่เหมือนคนบางพวกเป็นแค่พ่อค้าแม่ค้าหรือแค่ชาวไร่ที่บังเอิญมีเงินมีคนนับหน้าถือตาแค่ค่อนจังหวัดกลับมองคนอื่นอย่างหยามหมิ่น คุณต่อน่ะใช้ได้กว่าเยอะเลย” ผู้กองพายัพเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงชื่นชมสองราชนิกูลและจิกกัดคนชอบดูถูกไปด้วย ทุกคำพูดของนายตำรวจหนุ่มได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเตวินทร์ให้ครอบครัวภรรยาได้ทราบไปด้วย กำนันมิ่งมีสีหน้าตกใจในขณะที่ลูกสาวและภรรยารวมถึงพ่อเลี้ยงศักดิ์ชัยนั้นได้แต่หน้าเสีย ม่านฟ้าทอดถอนใจก่อนที่จะบอกเล่าเรื่องราวของเตวินทร์ให้ครอบครัวได้ฟัง
“พี่ต่อ ต้องหนาวแล้วอะ” ตฤณรดาไม่สนใจครอบครัวของม่านฟ้าอีกเมื่อเห็นใบหน้าตกตะลึงนั้น สาวน้อยหันมากระซิบบอกพี่ชายด้วยว่าตัวเธอนั้นยังเปียกโชน เตวินทร์จึงต้องร้องเรียกคนรับใช้มาพาญาติผู้น้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สิรดนัยมองตามแล้วก็ต้องหลุดยิ้ม เธอแสบ เธอซน ขี้แกล้งแต่สุดท้ายแล้ว ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวอยู่ที่
“บอสคะ บอส” เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้สิรดนัยหลุดจากภวังค์ความหลังที่เขาจมอยู่ขึ้นมามอง คนตรงหน้าคือกานดาเลขานุการสาวสวยของหม่อมราชวงค์ปนัยภพที่คนมีศักดิ์เป็นพ่อภรรยาส่งต่อให้มาทำหน้าที่เลขานุการของเขาเมื่อเข้ามาบริหารบริษัทนี้
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เที่ยงแล้วค่ะ น้องที่มากับบอสรอนานจนหน้าบูดแล้วนะคะ” กานดาเอ่ยบอกด้วยใบหน้าเกรงใจ
“อ้อ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย ไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้”
“นี่เอกสารที่ต้องเซ็นต์ฉบับสุดท้ายค่ะ” กานดาเอ่ยบอกและยื่นเอกสารให้ชายหนุ่มเซ็นต์อนุมัติก่อนที่จะสอบถามเมื่อชายหนุ่มเซ็นต์เรียบร้อยแล้ว “ช่วงบ่ายบอสจะกลับมารึเปล่าคะ?”
“ไม่แล้วครับช่วงบ่ายผมมีนัดคุยธุระ ถ้ามีอะไรโทรไปแจ้งปราบภัยหรือน้ำรินไว้ได้นะครับ แล้วเดี๋ยวมะรืนนี้ผมจะเข้ามาประชุมอีกที” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องพร้อมกับเลขาสาว ปราบภัยและน้ำรินที่พูดถึงนั้นเป็นเลขาคนสนิของเขาทั้งคู่ประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทสายการบินซันชายเอสทีแอร์ไลน์ถ้าเขาไม่เข้ามาที่นี่กานดาจะต้องติดต่อกับทั้งคู่ถ้ามีเหตุด่วน
“เป็นบอสนี่คงเหนื่อยแย่เลยนะคะ กานดาล่ะเห็นใจบอสที่ต้องเทียวไปเทียวมา”
“ผมว่าสนุกดีนะ ผมมานี่ก็ไม่ต้องเจอหน้าปราบภัย ปลอดโปร่งสบายหูดีมากเลย” เขาบอกก่อนที่จะหันไปมองสาวน้อยราชนิกูลที่นั่งหน้าบูดอยู่ “ผมไปนะคุณกานดา ไปกันเถอะชิสุ”
“คุณต้องไม่ใช่หมา” ราชนิกูลสาวร้องบอกแต่ก็ทำท่าทีราวกับหมาที่จะกระโดดขบคอสิรดนัยอยู่เนือง ๆ สิรดนัยมองด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนที่จะเดินนำหญิงสาวไปภายในใจนั้นกำลังขบขันกับท่าทีคนบอกไม่ใช่หมา สาบานสิว่าท่าทีเธอไม่เหมือนน่ะ
เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น คำนี้เหมาะสมกับสิรดนัยไม่ใช่น้อย แต่ในความคิดของสิรดนัยคำนี้ก็เหมาะสมกับตฤณรดาเช่นเดียวกัน เพราะตลอดทั้งวันที่ผ่านมาเขาได้ลอบสังเกตมานั้นทำให้เขาบอกตัวเองได้เลยว่าเธอคนนี้นอกจากโตขึ้นและใจเย็นขึ้นในบางเรื่องแล้วเรื่องความแสบซ่า แสนซนนี่เมื่อก่อนเป็นอย่างไรตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ดูอย่างกาแฟตรงหน้าเขานี่สิ คิดว่าจะหวังดีชงมาให้เพราะเห็นเขาเหนื่อย ที่ไหนได้ผสมพริกไทยกับเกลือมาให้เขาด้วย
“เป็นอะไรไปคะพี่สิงห์ ทำไมไม่ดื่ม แม่แต้วดูสิคุณสิงโตของแม่แต้วน่ะรังเกียจต้องถึงขนาดไม่ยอมดื่มกาแฟที่ต้องชงให้” ราชนิกูลสาวฟ้องแม่แต้วด้วยท่าทีคล้ายเสียใจระคนน้อยใจ ภายในใจนั้นกำลังลุ้นระทึก ที่สิรดนัยไม่ยอมดื่มเพราะรู้ว่าเธอใส่อะไรลงไปหรือเปล่านะ รู้ไม่รู้ยังไงเขาก็จะบีบให้สิรดนัยดื่มให้ได้เพื่อแก้แค้นที่วันนี้ทำให้เธอกลายเป็นเด็กส่งเอกสารถึงสามบริษัท มันเจ็บใจนักไม่ได้เอาคืนเธอคงนอนไม่หลับแน่
“สิงโตกำลังจะดื่มครับแม่แต้ว” สิรดนัยเอ่ยบอกก่อนที่จะตัดสินใจดื่มอัก ๆ รวดเดียวหมดด้วยทีท่าปกติท่ามกลางความตกใจของตฤณรดาก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทำไมเขาถึงดื่มหมด? นั่นไม่พ้นสิ่งที่ตฤณรดาสงสัย ต่างจากแม่แต้วที่ไม่ได้สงสัยอะไรและกลับเข้าไปสั่งคนรับใช้เตรียมอาหาร ปล่อยให้ตฤณรดานั่งคิดอยู่คนเดียว ความสงสัยมาพร้อมกับความรู้สึกผิดหญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องเพื่อคุยกับชายหนุ่ม
“พี่สิงห์คุณต้อง... เอ่อ เอ่อ ขอโทษค่ะ” ทันทีที่เข้ามาในห้องแทนที่จะได้ถามกลับต้องหันหลังกลับและยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อประสบเข้ากับร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่จะหลุดไม่หลุดแหล่ เวรของกรรม กรรมของเวร ทำไมเธอต้องเข้ามาตอนนี้ด้วย โอ๊ยไม่นะ เขาขาวกว่าเธออีก
“เข้ามาทำอะไร” เสียงนั้นดังขึ้นข้างหูทำเอาคนกำลังยกมือปิดหน้าสะดุ้งและหันไปมองก่อนที่จะต้องถอยหลังเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่จนต้องหาที่ยึด มือบางคว้าแขนขวาของคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอล้มเอาไว้แต่แล้วก็ไม่พ้นล้มอยู่ดีแถวร่างที่ถูกคว้าแขนไว้ยังล้มลงมาด้วยแถมยังล้มทับเธออีก
ตุบ!
มันไม่ได้โรแมนติกเหมือนในละครที่พระเองล้มลงมาแล้วสบตากับนางเอก เพราะว่าเขาตัวโตในขณะที่เธอตัวเล็กเท่าลูกหมา คนตัวโตนั้นเซล้มตามแรงดึงก็จริงแต่ใบหน้านั้นไม่ได้ตรงกับใบหน้าของตฤณรดาเขาใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นคร่อมร่างบางไว้ แต่หน้าท้องลอนงามของเขานั้นอยู่ตรงสายตาเธอเต็ม ๆ ไม่ใช่ช่วงอก ไม่ใช่ช่วงท้องจริง ๆ แต่เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับผ้าเช็ดตัวที่สำคัญเจ้าปมผ้ามันกำลังจะ...หลุด
“อย่าหลุดนะ อย่านะ” หญิงสาวร้องพึมพำส่ายหน้าไปมา ขอร้องอ้อนวอนต่อปมผ้าเช็ดตัวไม่ให้มันหลุดแล้วเผยบางสิ่งบางอย่างต่อสายตาเธอ สิรดนัยขยับจะลุกโดยไม่ได้มองว่าผ้าของตนนั้นมันจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ หญิงสาวจะร้องห้ามแต่แล้วก็ไม่ทัน...
“กรี๊ด!!!”
“อะไร ร้องทำไม” เขาถามในขณะที่ลุกขึ้นได้สำเร็จ ดวงตาจ้องมองหญิงสาวที่ยกมือขวาปิดตาแล้วใช้มือซ้ายชี้มาที่เขาก่อนที่จะก้มลงมองตัวเอง
“เฮ้ย” ร้องอย่างตกใจก่อนที่รีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันปิด ให้ตายเถอะเขาเพิ่งจะออกจากห้องน้ำยังไม่ได้ใส่อะไรสักอย่าง
“อึย ฮือ ไม่เห็น ไม่ ไม่เห็น อึย” คนหลับตาปี๋แถมยังเอามือปิดอีกชั้นร้องบอกตัวเองพร้อมกับสั่นหัวไปมา กรรมของเวร เวรของกรรมชัด ๆ ทำไมเธอถึงต้องมาเห็นอะไร ๆของเขาด้วยนะ
สิรดนัยมองคนนั่งปิดตาสั้นหัวก่อนที่จะเลี่ยงเข้าไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย ดีว่าห้องนี้คุณแพรวารินทร์ออกแบบให้เก็บเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกไปภายนอกแม่แต้วจึงไม่ได้ยินเสียง เพราะถ้าเกิดได้ยินล่ะก็คงวิ่งหน้าตาตื่นมาเพราะเสียงร้องของตฤณรดาเป็นแน่ เสียงดังจนแก้วหูเขาสะเทือน
“พี่แต่งตัวเสร็จแล้ว ไม่ต้องปิดหน้าปิดตาแล้ว” เขาบอกเมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว “ว่าแต่มีอะไร เราเข้ามาแล้วเรียกพี่ใช่ไหม มีอะไร”
“ขอตั้งสติแป๊บ” ราชนิกูลสาวบอกก่อนจะปิดหูปิดตา ตั้งสติ ภาพอะไรบางอย่างมันติดตาเธอต้องเอามันออกจากหัวเธอก่อน “โอ๊ย กรรมของเวร เวรของกรรมแท้ ๆ”
“อย่าเล่นใหญ่ มีอะไรพูดมา” สิรดนัยบอกแล้วได้แต่ถอนหายใจ ให้ตายชักเขาเองก็จิตใจไม่สงบเหมือนกัน มันก็ขัดเขินเหมือนกันที่ของลับมันเปิดเผยต่อสายตาคมแต่ก็ต้องข่มไว้ด้วยความนิ่งสงบ
“คือคุณต้องแค่จะมาถาม ทำไมถึงยังดื่มเข้าไปจนหมดทั้งที่กาแฟมันมี...” เมื่อตั้งสติได้เธอจึงปริปากถามในสิ่งที่ค้างคาในใจจนทำให้เธอตามเขาเข้ามา
“พริกไทยกับเกลือ” สิรดนัยเสริมในสิ่งที่เธอไม่พูดต่อ “พี่รู้ว่ามี แต่พี่ดื่มเพราะเราอยากให้ดื่ม”
“ถ้ารู้แล้วทำไมต้องดื่ม หรือถ้าดื่มก็ดื่มนิดเดียวก็ได้นิ ทำไมต้องดื่มหมดด้วยเล่า” เธอถามด้วยเสียงไม่เบานัก มันน่าโมโหนักถ้ารู้แล้วทำไมยังกินอยู่อีก
“ความจริงพี่จะไม่ดื่มหรอกนะ แต่พี่รู้ว่าเราอยากเอาคืนที่พี่ใช้เราเดินไปเดินมา พี่ก็เลยดื่ม” สิรดนัยบอก “ขอไม่บอกเหตุผลอื่น”
“ไปโดนตัวไหนมาเนี่ย” ตฤณรดาบ่นแล้วก็ส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่อยากรู้แล้ว แต่คราวหน้าถ้ารู้ว่าคุณต้องจะแกล้งไม่ต้องกินหรอกนะ มันทำให้คุณต้องรู้สึกเหมือนถูกหยาม”
ว่าแล้วหญิงสาวก็ก้าวออกจากห้องไป ความรู้สึกผิดก็มี รู้สึกเหมือนโดนดูถูกก็มี ตฤณรดาบอกตัวเองได้เลยว่าเธอไม่ชอบให้ใครรู้ทันเธอแต่ไม่ยอมแก้กลับ เธอไม่ชอบการตามน้ำเพื่อความสบายใจของเธอเลยสักนิด ‘หน็อย ครั้งหน้าจะไม่ยอมให้จับได้คคอยดูดิ เจ็บใจนัก’
