บทที่ 5 สิงหา 1.4
สิงหาหันไปพยักหน้าให้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่จ้องมองมาที่เขาชนิดไม่วางตา พอได้รับสัญญาณจากสิงหา ชายกลุ่มนั้นได้เดินตรงเข้ามากลางฟลอร์เต้นรำ คนที่กำลังเต้นอย่างสนุกสนานเริ่มตีวงออกกว้าง เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
“ถ้าเขาอยากนอนกับฉัน ฉันก็จะไปกับเขาฉันก็กำลังหาผู้ชายมานอนด้วยอยู่พอดี ปล่อย ปล่อย”
เสียงของธัญชนกดังโวยวายขึ้น แม้ว่าเธอจะอยู่ในอาการมึนเมา หากแต่สติของเธอยังมีอยู่ รับรู้การกระทำของสิงหา ได้ยินการสนทนาของชายหนุ่มทั้งคู่เช่นกัน สิงหาหันมามองหญิงสาวที่เขาโอบกอดตาขุ่น อยากจะเอามือฟาดบนก้น หวดไม่นับให้สมกับความดื้อดึงของเธอ
“จัดการสั่งสอนมันหน่อยซิ”
สิงหาขยับปากสั่งชายกลุ่มนั้นที่เดินเข้ามาหา ก่อนที่เขาจะพาสาวแสนสวยแต่สุดแสนดื้อออกไปจากผับ ตรงดิ่งยังรถยนต์ของเธอ ระหว่างทางที่เดินออกไปนั้น เสียงร้องโอดครวญของชายคนนั้นดังออกมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงมือและเท้าของลูกน้องทั้งสามคนที่ประเคนใส่ร่างของชายโชคร้ายไม่ยั้ง
“ปล่อยสิ ฉันจะไปนอนกับผู้ชายคนนั้น”
สาวแสนดื้อยังยืนกรานความคิดเดิม ธัญชนกพยายามสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของสิงหา ทว่าลำแขนของเขาโอบกระชับเธออย่างแนบแน่น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดทำให้คนที่ฟังเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น
“ถ้าเธออยากจะหาผู้ชายนอนด้วยคืนนี้ ฉันจะนอนกับเธอเอง” สิงหาไม่ได้คิดจะทำอย่างที่พูดออกไป เขาอยากให้เธอเปลี่ยนความตั้งใจจะไปนอนกับชายอื่นมากกว่า
“นายสัญญาก่อนว่านายจะทำอย่างที่พูดจริงๆ”
“อืม สัญญา ฉันรับรองจะสนองให้หายอยาก ให้หายซ่าไปเลย”
“ชิ ให้มันแน่เถอะ กลัวจะเก่งแต่ปาก” ธัญชนกยังคงดูหมิ่นเขาไม่เลิก
“ฉันน่ะเก่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปากหรือว่าลิ้น เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้เองว่าฉันน่ะเก่งมากแค่ไหน”
หญิงสาวทำเสียงชิชะอีกครั้ง ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อคำคุยโวโอ้อวดของเขา สิงหาไม่สนใจน้ำเสียงที่ได้ยิน เขายังคงพาร่างสวยเดินตรงไปที่ลานจอดรถของผับ เมื่อถึงรถเขาจัดแจงไขกุญแจ เปิดประตูรถก่อนจะยัดร่างระหงเข้าไปนั่งในรถยนต์ทันที ตามด้วยเสียงปิดประตูปังใหญ่ จากนั้นสิงหาก็เดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับ เปิดประตูและนั่งประจำที่ ก่อนจะทะยานรถขับเครื่องยนต์สี่ล้อคันหรูออกไปจากผับทันที
“นายสิงหาคม นายจอดรถก่อนฉันจะอ้วกแล้ว”
ธัญชนกบอกกล่าวพลขับเมื่อเธอรู้สึกอยากจะสำรอก ทุกอย่างที่อยู่ในกระเพาะอาหารกำลังลำเลียงขึ้นสูงถึงลำคอ สิงหาเหยียบเบรกทันที หญิงสาวรีบเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะวิ่งลงจากรถไปอยู่ริมข้างทาง โก่งคอ อาเจียนอาหาร สุราที่ดื่มไปออกมาชนิดที่เรียกว่าหมดไส้หมดพุง สิงหาเดินตามลงมา มือใหญ่ลูบไปมาบนแผ่นหลังบาง ช่วยเธอให้อาเจียนได้อย่างสะดวกขึ้น
“ฉันว่าเธอจะกลายเป็นลำยองเข้าไปทุกวันแล้วนะ อาเจียนออกมาแทบจะมองไม่เห็นข้าว มีแต่น้ำเมาทั้งนั้น ระวังเถอะกระเพาะจะทะลุ”
สิงหาอดที่จะบ่นออกไปไม่ได้ เขาก้มมองสิ่งที่เธออาเจียนออกมา มันแทบจะไม่มีเศษอาหารเลย มีแต่น้ำเมาที่ส่งกลิ่นเหม็นตุ จนเขาต้องเบือนหน้าหนีกลิ่นสุราที่โชยคลุ้ง
“อ้วก อ้วก” ธัญชนกไม่มีโอกาสได้โต้เถียงเขาเพราะตอนนี้เธอกำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไหวมั้ยเนี่ย ถอนสักสองสามขวดดีมั้ย?”
“เอามาเลย เอามาทั้งโรงงานได้ยิ่งดี กินให้มันตายๆ ไปเลย อ้วก” เธออดรนทนไม่ไหวหันมาเถียงสู้ ก่อนจะหันกลับไปอาเจียนตามเดิม
“จะตายอยู่แล้วยังจะปากดีอีก อ้วกให้เสร็จก่อนเถอะแล้วค่อยมาเถียง เหม็นเหล้าฉิบ”
ระหว่างที่พูดเขาก็เบ้หน้าหนีกลิ่นสุราที่ยังคงโชยส่งกลิ่นอยู่อย่างต่อเนื่อง ธัญชนกยืดตัวตรงหลังจากที่ในท้องของเธอไม่มีอะไรจะให้อาเจียนออกมาแล้ว สะบัดศีรษะขับไล่อาการมึนๆ ให้จางหาย ก่อนจะกลับไปนั่งในรถยนต์ตามเดิม โดยมีลำแขนของสิงหาคอยประคองไม่ห่าง
“อยากดื่มน้ำเย็นๆ หน่อยมั้ยจะได้ดีขึ้น”
สิงหาเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งเบาะด้านข้างด้วยความเป็นห่วง ได้ดื่มน้ำเย็นๆ อาจจะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น เธอไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน ชายหนุ่มจึงหักรถจอดริมถนนหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ก้าวลงจากรถเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับน้ำดื่มเย็นเฉียบกับผ้าเย็นสองห่อ
“น้ำเย็นได้แล้ว ดื่มซะจะได้ดีขึ้น”
ธัญชนกดื่มน้ำเย็นผ่านหลอดที่เขายื่นให้ น้ำเย็นที่ไหลลงสู่ลำคอทำให้อาการมึนตึงและความอ่อนเพลียของเธอดีขึ้น เมื่อเธอดื่มน้ำจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มได้ปิดฝาขวดและวางไว้บนเบาะหลัง ฉีกผ้าเย็นที่บรรจุอยู่ในห่อออกมาเช็ดที่ใบหน้าและลำคอ อีกผืนเช็ดตามแขนและมือของเธอ
“เช็ดหน้าเช็ดตา อาการมึนจะได้ดีขึ้น”
เขาพูดขณะใช้ผ้าเย็นเช็ดไปตามใบหน้า ลำคอและแขนของหญิงสาว ธัญชนกไม่คิดว่าผู้ชายที่มีใบหน้าราวกับโจรห้าร้อย แข็งกระด้างดุดันและปากเสียคนนี้ อีกด้านหนึ่งของเขาจะแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยนและเอาใจใส่ ความรู้สึกดีเริ่มเกิดขึ้นในใจของเธอ ดวงตาคู่หวานจ้องมองใบหน้าดุเข้มตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว ทำเอาคนที่ถูกจ้องมีอาการเคอะเขินขึ้นมา
“นี่แม่คุณ ไม่ต้องมองหน้าฉันแบบนี้ก็ได้ ฉันก็เขินเป็นนะที่ถูกผู้หญิงจ้องเอาอย่างนี้น่ะ”
“ยี้ ใครจ้องนายไม่ทราบ ฉันกำลังจ้องเหาที่อยู่ในเคราของนายต่างหาก พอแล้วไม่ต้องเช็ดแล้วหายเมาแล้ว”
ธัญชนกพูดแก้ตัวกลับไปทันที ผลักลำแขนของเขาออกห่าง สะบัดหน้าหนีเขาไปทางนอกหน้าต่างรถยนต์ สิงหาขำออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของเธอ ทำให้ธัญชนกต้องหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“ขำอะไรมิทราบ?”
เธอเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยังขำไม่หยุด เมื่อไม่ได้รับคำตอบเธอจึงเอี้ยวตัวไปหยิกที่หน้าท้องของเขาอย่างรวดเร็ว คนที่กำลังหัวเราะอยู่เปลี่ยนเสียงมาเป็นร้อง “โอ๊ย” ดังลั่นรถ
“เธอมาหยิกฉันทำไมเนี่ย?” พูดพลางนำมือมาลูบตรงจุดที่โดนหยิก
“ก็นายอยากหัวเราะฉันทำไม?”
“ก็มันน่าหัวเราะหรือเปล่าล่ะ เหาบ้าเหาบออะไรจะมาขึ้นบนเครา ฉัน”
“เหาบ้าไง เหาบ้ามันขึ้นเฉพาะคนบ้าๆ อย่างนายไง เมื่อกี้ฉันยังเห็นตั้งสามตัวแน่ะ” นิ้วมือสามนิ้วชูสูงประกอบคำพูด
“แน่ใจนะว่าเห็น?” เขาถามย้ำ
“แน่สิ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอหาเหาสามตัวที่เธอเห็นมาให้ฉันดูหน่อยสิ เกิดมาไม่เคยเห็นเหาเลย อยากรู้ว่าเหาหน้าตามันเป็นยังไง” ธัญชนกผงะไปเล็กน้อย เขาเล่นไม้นี้แล้วเธอจะทำอย่างไรดีเนี่ย เหาสักตัวเธอก็ไม่ได้เห็น แล้วจะหามันเจอได้อย่างไร
“เร็วสิ ฉันอยากเห็นเหา”
เขาพูดเร่ง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ เพื่อให้อีกฝ่ายหาเหาบนเคราของเขาได้อย่างสะดวก เป็นจังหวะเดียวกับที่ธัญชนกหันมาทางเขาพอดี สายตาสองคู่สบสายตากันนิ่งดั่งต้องมนต์มายา ปลายจมูกแตะสัมผัสกัน ต่างฝ่ายต่างสูดลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากใกล้ชิดกันอย่างน่าใจหาย
หัวใจสาวเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความใกล้ชิดบุรุษเพศในระยะใกล้เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งแรก ความเขินอายแตกตัวเป็นเม็ดเลือดสีแดงระเรื่อแทรกซึมบนดวงหน้าหวานสวย มือและเท้าสั่นไปหมดจะพูดได้ว่าสั่นไปทั้งตัวก็ว่าได้ ดวงตาสาวสั่นระริกหวาดหวั่น ประหม่า สิ่งที่ ธัญชนกเคยแสดงออกว่าเก่งกาจและช่ำชองในเกมสวาท ตอนนี้ดูเหมือนมันจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
หัวใจของสิงหาเองก็เช่นกันเต้นระส่ำผิดจังหวะ ลมหายใจหอมกรุ่น หวานๆ ของเธอที่เขาสูดดมเข้าไปนั้น ทำให้ร่างกายของเขาเกิดความชุ่มชื่นเบิกบานประดุจเขากำลังสูดดมดอกกุหลาบก็ว่าได้ ร่างกายหนุ่มตื่นตัว ฮอร์โมนทางเพศถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยที่เขาได้สบสายตานั้นมีพลังบางอย่างดึงดูดอย่างมหาศาล แต่พอคิดได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา เธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของกฤตยศ เป็นผู้หญิงที่เขาไม่สมควรมีความรู้สึกใดๆ กับเธอมากกว่าคำว่าเพื่อน
“เรากลับบ้านกันเถอะ ดึกมากแล้วเธอจะได้พักผ่อน”
เขาพูดขึ้นหลังจากที่ดึงสติและความผิดชอบชั่วดีให้เข้ามาอยู่ในตัวเองได้สำเร็จ ก่อนที่จะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ สิงหากลับไปทำหน้าที่พลขับตามเดิม ธัญชนกขยับกายนั่งตัวตรงบนที่นั่งของตัวเอง ความเงียบปกคลุมภายในรถยนต์ไปตลอดทางที่รถขับเคลื่อน สายตาของสิงหามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า สายตาของธัญชนกมองไปยังนอกหน้าต่างรถยนต์ ไม่มีใครหันมามองคนที่นั่งข้างๆ เลย จนกระทั่งถึงบ้านของเกษมศักดิ์ ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเอง ไม่สนใจอีกคนที่เดินทางมาด้วย