บทที่2.ความสัมพันธ์คืบหน้าจากพี่ชายกับน้องสาวเริ่มเปลี่ยนไป
“อืมม์…จริงแต่พี่โหดนะ...ขอเตือน”
“ไม่เชื่อหรอกค่ะ พี่ชาร์ลใจดีจะตาย”
“มาดูกันว่าพี่จะสามารถสอนมีนาให้พูดเก่ง อ่านออก เข้าใจภาษาอังกฤษลึกซึ้งได้หรือเปล่า”
“ค่ะๆ ด้วยความยินดีค่ะอาจารย์”
“ไม่เอา...ไม่เรียกอาจารย์...มันแก่อะ เรียกพี่ชาร์ลเหมือนเดิมดีแล้ว”
“คร๊า…พี่ชาร์ลจ๋า”
“เสียงหวานน่าให้รางวัลชะมัด มาๆ มาให้พี่กอดหน่อย”
“ไม่อ๊าว อย่าน๊า” มนต์มีนาดิ้นรนเมื่ออยู่ๆ พี่ชายก็รวบเรือนกายโปร่งบางเข้ามากอดอย่างหมั่นเขี้ยว เด็กสาวตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นแต่ไม่กล้าดิ้นรนให้หนักขึ้น เมื่อพี่ชายไม่แข็งแรง จึงได้แต่โวยวายเสียงดังลั่นหาดกว้าง ยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน
คาร์โลวรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ร่างเล็กๆ ในอ้อมกอดไม่มีทรวดทรงองค์เอวเหมือนสาววัยสะพรั่งที่เคยควงอยู่บ่อยๆ วัยหนุ่มรุ่นกระเตาะผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย แต่มารู้สึกแปลกๆ กับเด็กยังไม่ทันโต หน้าอกหน้าใจยังไม่เบ่งบาน หัวใจหนุ่มเต้นกระหน่ำรัวเร็ว!! เม็ดเหงื่อซึมออกมาตามไรผมเมื่ออุณหภูมิในร่างกายเริ่มเดือดปะทุ จนต้องปล่อยมือจากการกอดเด็กสาวไว้ เพราะกลัวว่ามนต์มีนาจะตกใจที่พี่ชายแสนดีคิดอะไรๆ พิเรน
“กลับขึ้นบ้านเถอะ ฟ้าเริ่มมืดแล้วเดี๋ยวยุงกัด” คาร์โลวเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารีบชักชวนมนต์มีนาให้ออกไปจากสถานณการณ์เสี่ยงอันตราย เมื่อหมาป่าในร่างกายเริ่มรู้สึกตัว หลังจากเงียบสงบเพราะร่างกายไม่สมบรูณ์
“ค่ะ…ขึ้นก็ขึ้น มีนามีบทความไม่เข้าใจอยู่พอดี พี่ชาร์ลอธิบายให้มีนาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” มนต์มีนาขยับเข้าไปช่วยคาร์โลวเหมือนเคยแต่ชายหนุ่มห้ามเสียงหลง เพราะร่างกายเจ้ากรรมกำลังตื่นเพลิดจากการสัมผัสร่างกายมนต์มีนามาหมาดๆ
“ไม่…ไม่ต้องจ้ะ พี่ลุกเองได้” เด็กสาวเอียงคอมองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ ทุกทีก็เคยช่วยประคองอยู่บ่อยๆ ทำไมวันนี้พี่ชายถึงห้ามปราม แต่ก็ไม่กล้าคัดค้าน ได้แต่มองดูอย่างสับสน ก่อนจะเข้าใจเอาเองว่าพี่ชายคงไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น จึงพยายามช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้
ทั้งสองคนเดินเงียบๆ ไปจนถึงบ้านพักของคาร์โลวในกรีนแบร์รีสอร์ทแสงไฟสลัวๆ ยามค่ำเริ่มเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นแสงพระอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นโลก ไฟฟ้าสีนวลตาสาดแสงส่องนำทางแม้จะไม่สว่างสไหวเท่าแสงพระอาทิตย์แต่ก็สามารถสาดส่องให้แสงสว่างกับทุกคนบนโลกให้มองเห็นสรรพสิ่งยามกลางคืนได้ถนัดตา
“พี่ชาร์ลวันนี้มีนามีวิชาเรียนทำขนมค่ะ มีนาเลยเก็บเอามาให้พี่ชาร์ลลองชิมด้วย ห้ามตินะคะ!! เพราะมันเป็นการทำขนมครั้งแรกของมีนา” มนต์มีนาส่งถุงบรรจุคุกกี้ที่ทำในเวลาเรียนส่งให้คาร์โลว เธอมองสบนัยน์ตาคมอย่างมุ่งมั่น ดวงตามีแวววิตกกังวลเล็กๆ แต่ก็ยังอยากจะรู้ถึงรสชาติฝีมือตัวเองจากปากของพี่ชายคนใหม่
คาร์โลวรับถุงขนมมาจากมือเด็กสาวมาเปิดดูภายในอย่างตั้งอกตั้งใจ รอยยิ้มสนุกสนานแต้มอยู่บนริมฝีปากหนาหยักของชายหนุ่ม ดวงตาขี้เล่นไหววาววาม ขณะมองดูขนมชิ้นน้อยๆ อย่างสนใจ น่าตาชิ้นขนมดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ความตั้งใจในดวงตากลมโตเต็มเปลี่ยมจนคาร์โลวจำต้องหยิบขนมชิ้นเล็กๆ ขึ้นมาชิมเพื่อให้คนที่กำลังรออยู่มีความหวัง
“เป็นไงมั่งคะพี่ชาร์ล? พอกินได้ไหม มีนาผสมทุกอย่างตามตำราน๊า!! ไม่น่าจะมีอะไรพลาด หรือคลาดเคลื่อน...จนทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไปได้นี่นา” มนต์มีนายกฝ่ามือเรียวของตัวเองวางบนหน้าผากนูน พรางขมวดคิ้ว หล่อนครุ่นคิดถึงขั้นตอนการทำขนม จนเผลอตัวบ่นออกมาเบาๆ
“อืมม์...พอกินได้นะ แต่เนื้อขนมมันแข็งไปนิด นอกนั้นก็พอรับได้” คาร์โลวกัดขนมชิ้นเล็กๆ เคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะบอกถึงรสชาติที่ได้ชิมไปออกมา
“เฮ้อ...นึกว่าไม่เป็นสับปะรดเสียแล้วสิคะ!! ค่อยโล่งใจหน่อย”เด็กสาวฉีกยิ้มสดใส ยินดีที่ขนมไม่ได้แย่กว่าที่คิดไว้ พี่ชายคนใหม่ชิมไปแล้วไม่ได้ตำหนิมากไปกว่าที่คาดการ จึงเปิดยิ้มออกมาอย่างยินดี จนคาร์โลวเผลอมองรอยยิ้มใสซื่ออย่างหลงลืมตัว
“อ้าว? มีนาเอาสับปะรดมาให้พี่ลองกินหรอกหรือ นึกว่ามีนาเอาคุกกี้มาให้ชิมเสียอีกสิ แต่เมื่อกี้พี่ชมรสเป็นคุกกี้นะไม่ใช่สับปะรด” คาร์โลวหยอกเย้าเด็กสาวน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยามที่มนต์มีนาทำใบหน้าเง้าใบหน้างอ
“พี่อะ!! ชอบล้อมีนา”