...เมียรักสวมรอยแค้น… บทที่2.
ยี่หวาตะโกนสวน ในสายตาสามีเธอแทบไม่มีตัวตน นับตั้งแต่ปกป้องมีความสัมพันธ์กับฉันทา
“อย่าชวนทะเลาะเลยหวา ผมอุตส่าห์กลับมาบ้าน เราควรพูดกันแบบผู้ใหญ่สิ”
ไม่มีคำโต้แย้ง ทุกเรื่องที่ยี่หวากล่าวถึง คือความผิดที่ปกป้องยัดเหยียดให้ภรรยา เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
“หวาทนมามากเกินทนแล้วค่ะคุณป้อง บอกไว้เลยค่ะ หวาไม่หย่า หวาอยากรู้เหมือนกันว่าฉันทาจะหน้าบางแค่ไหน กับตำแหน่ง ‘เมียน้อย’ ” ยี่หวายิ้มเครียด จริงอยู่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าฉันทาตรงๆ แต่เรื่องน่าละอายแบบนี้ คนชอบนำไปขยี้ลับหลัง ยี่หวาคิดว่าฉันทาคงไม่ชอบใจนัก ข่าวลือแบบนี้ย่อมทำให้ชื่อเสียงหล่อนเสียหาย ยี่หวาเป็นแค่คนธรรมดา เธอมีทะเบียนสมรส ต่อให้สามีหอบผ้าไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เธอก็ไม่มีความผิด สังคมควรรุมประณามฉันทา ไม่ใช่เธอ
บทที่2.คนหนึ่งไป คนหนึ่งย้อนกลับมา
ยี่หวายกมือปาดคราบน้ำตาพับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ปกหน้ามีภาพสามีตัวเองเคียงคู่กับหญิงคนใหม่ หน้าตายิ้มแย้มไม่อายสายตาคนรอบตัว ในงานเปิดโครงการใหม่บ้านราคาสิบล้านต้นๆ หญิงสาวถอนใจแรงๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมานับเศษสตางค์ที่เหลืออยู่ ยี่หวามองแบงก์สีแดงที่เหลือในกระเป๋าแค่สองใบด้วยดวงตาคลอน้ำตา เดือนนี้ปกป้องไม่ได้โอนเงินเดือนเขาเข้าบัญชีเธอสักบาท หลังจากที่ทะเลาะกันหนักในเช้าตรู่วันนั้น ปกป้องไม่กลับมาที่บ้านพักข้าราชการหลังนี้อีกเลย ยี่หวาทุกข์จนเลิกทุกข์ เธอควรหารายได้อื่นเสริมหากสามีใช้ไม้นี้สำหรับกดดันเธอ เธอไม่มีทุนแม้จะมีฝีมือ จะเอ่ยปากหยิบยืมคนใกล้ตัว ก็หน้าหนาไม่พอ
ทั้งชีวิตยี่หวาไม่เคยลำบาก มารดารักและถนอมเลี้ยงดูตนเองประหนึ่งไข่ในหิน ท่านพยายามชดเชยสิ่งที่ท่านมอบให้เธอไม่ได้ ยี่หวาเลยไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เธออยากให้บุตรชายมีพ่อ แม่ที่อยู่พร้อมหน้ากัน แต่วาสนาของเธอคงไม่คู่ควร สามีที่เคยรักเธอดั่งแก้วตาถึงเปลี่ยนไป
ยี่หวาถอนใจอีกครั้ง มองเลยไปยังบุตรชายที่นั่งเล่นอยู่มุมหนึ่งของบ้านด้วยแววตาเศร้าๆ
เธอจะอยู่รอดยังไงถ้าตนเองไม่มีสตางค์ สมัยนี้ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น
ข้าวสารที่ตุนไว้ก็ใกล้จะหมดเต็มทน โชคดีที่ยี่หวามีบัตรสวัสดิการของรัฐ ถึงจะไม่เยอะก็พอช่วยจ่ายค่ากะปิ น้ำปลา ข้าวสารอาหารแห้งให้เธอกินกันตายได้ สงสารแค่ปกปักที่ไม่เคยได้อะไรอย่างเด็กทั่วไปควรได้ควรมี ทั้งที่บิดาเป็นคนมีหน้าที่การงานดี ไม่คิดว่าคนที่ตนเองรักจะใจจืดใจดำได้ถึงเพียงนี้
กำลังคิดเพลินๆ วันนี้เธอจะทำกับข้าวอะไรให้บุตรชายกินดี โทรศัพท์ที่นานๆ ครั้งจะมีคนโทรเข้าก็สั่นเตือน ยี่หวาก้มมองเบอร์ที่ไม่คุ้นตาหน้าจอด้วยแววตาหนักใจ หลายครั้งที่ปลายสายคือคนที่หวังดีแต่ประสงค์ร้ายโทรศัพท์เข้ามา ฉันทาเคยใช้วิธีนั่นทำร้ายเธอ ถึงแม้หญิงผู้นั้นจะเลิกราไป แต่ยี่หวาก็ไม่เคยไว้ใจ เธอชั่งใจว่าควรกดรับหรือตัดสายทิ้งเพราะความรำคาญดี แต่คนปลายสายไม่ยอมทอดใจ การสั่นเตือนกับเสียงเรียกเข้าก็ยังดังอย่าต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
“สวัสดีค่ะ ไม่ต้องหวังดีกับหวาหรอกค่ะ หวารู้ทุกอย่างและยินดีกับความสุขของเจ้านายพวกคุณด้วย”
ญาดาเบนโทรศัพท์ออกจากหู ก้มมองจนแน่ใจว่าตนเองไม่ได้กดเบอร์ผิด เธอยังไม่ทันได้พูด คนปลายสายก็พูดฉอดๆ กลับมา น้ำเสียงที่ใช้ขนาดอยู่ห่างไกลยังรู้ว่าระอาผสมกับความรำคาญแทบปิดไม่มิด
“ถ้าไม่พูดอะไร หวาวางสายนะคะ ไม่จำเป็นคราวหลังอย่าโทร.มาอีก ยังไงหวาก็ไม่มีวันหย่ากับคุณป้องหรอก”
ญาดาขมวดคิ้ว คิดมาตลอดว่าพี่สาวที่อยู่กับมารดาต้องมีความสุขแน่ๆ ในความทรงจำของเธอ มารดาผู้ใจดีขยันและยิ้มแย้ม บุตรที่ได้ไปอยู่กับท่านยอมมีความสุขไปด้วย ครั้งแรกที่เธอขัดคำสั่งบิดา เพราะความคิดถึง เธอกลับได้ยินอะไรไม่รู้ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดไว้เลย
“เดี๋ยวหวา อย่าเพิ่งวาง ญาเองญาดา น้องสาวพี่หวาไงคะ”
ญาดารีบพูดก่อนที่สายจะถูกตัด คนปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เสียงเครือสะอื้นจะดังลอดออกมา “ญาดา ญาดา”
“หวาใจเย็นๆ ทำใจดีๆ ร้องไห้ทำไม มีอะไรให้ญาช่วยไหม”