...เมียรักสวมรอยแค้น… บทที่1...
เสียงถอนใจดังแผ่วๆ ดวงตามองฝ้าเพดานและพยายามหาทางออกให้ตัวเอง เธอควรอดทนให้มากๆ พยายามไม่สนใจท่าทีคุกคามของสามี อย่างน้อยเธอก็มาแบบถูกต้อง เธอมีทะเบียนสมรสเป็นพยาน
สมัยนี้ผู้คนมีจริยธรรมในใจน้อยลงเรื่อยๆ เรื่องศีลธรรมค่อยๆ หายไปจากหัวใจคน สังคมเริ่มเสื่อมถอย คนแก่งแย่งกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ยอมก้มหัวให้กับวัตถุ ยกย่องคนที่อำนาจบารมี หาใช่นิสัยหรือความดีงาม
ไม่มีใครพูดตำหนิต่อหน้าฉันทาตรงๆ เพราะหล่อน...รวย
อย่างมากก็แค่นินทาลับหลัง ซึ่งฉันทาไม่แคร์อยู่แล้ว
บุตรสาวคนเดียวของผู้นำชุมชนระดับอำเภอ เป็นนายทุนที่แม้แต่ข้าราชการระดับสูงยังต้องนอบน้อมเวลาอยู่ต่อหน้าเสี่ยปรีชา ชายผู้นี้มีธุรกิจสีเทาที่สร้างรายได้มหาศาล แถมเกี่ยวโยงกับคนระดับบริหารเกือบทุกตำแหน่ง ผลประโยชน์แบบนั้นจะมีคนใดกล้าปฏิเสธล่ะ กลิ่นเงินหอมหวานจนยอมปล่อยวางศักดิ์ศรี
“ฉันเกลียดเธอ ฉันอยากแช่งให้เธอตายโหง ตายห่า...แต่”
ไม่เคยมีใครตายเพราะถูกแช่งชักหักกระดูก ยี่หวารู้ดีอยู่แก่ใจ เธอเสียอีกที่จะตายก่อน เพราะบ่มเพาะความตรอมตรมไว้ในใจนับแต่วันแรกที่รู้เรื่องบัดสีที่ฉันทากับสามีสร้างไว้
ริมฝีปากสีซีดถูกกัดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
เธอจมอยู่กับกองน้ำตา ในเวลาที่สามีกับผู้หญิงคนใหม่ของเขามีความสุขในรังรักราคาเกินสิบล้าน บ้านใหม่ในโครงการระดับหลายร้อยล้านที่เสี่ยปรีชาเป็นเจ้าของ
กลายเป็นเธอที่ต้องหลบหน้าหลบตาผู้คน เพราะไม่อยากตอบคำถาม เรื่องโสมมนั่น หรือรับรู้เรื่องราวบัดสีของเขาทั้งคู่ โลกวันนี้วิบัติไปแล้ว ภรรยาแต่งอย่างเธอกลับไม่มีที่ยืน เธอกลายเป็นเหลือบ ลิ้นที่ปกป้องพยายามสลัด ไม่มีใครพูดถึงความถูกต้อง คงเพราะถูกอำนาจเงินปิดปากไว้ทั้งหมด
เกือบรุ่งสางที่ยี่หวาข่มตาหลับ แต่แล้วก็ต้องมาสะดุ้งตื่น เพราะเสียงเอะอะโครมครามจากนอกห้องนอน
“แม่ครับ ทำไมพ่อกลับดึกจัง” เสียงลูกดังเบาๆ ปกปักเองก็คงตื่นตกใจ
“พ่องานยุ่งจ๊ะ ปกนอนไปก่อนนะ แม่ขอออกไปดูพ่อหน่อย” เธอตอบลูก และตลบผ้าห่มคลุมอกให้ ก่อนจะลุกออกจากที่นอน เดินเอื่อยๆ ออกไปด้านนอก
เธอไม่อยากทะเลาะกับปกป้องตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้เลย
“เคยสนใจไหมว่าผมจะกลับบ้านตอนไหน?” เสียงแรกที่ได้ยิน ยี่หวาแค่นยิ้ม
“หวาคิดว่าคุณป้องไม่กลับมาแล้วนี่คะ” เสียงแผ่วๆ ตอบกลับมา แต่เหมือนถูกตีกลางแผลสด
“คิดว่าผมอยากกลับมาที่นี่เหรอหวา ถ้าคุณยอมหย่า คงไม่คาราคาซังแบบนี้หรอก” ปกป้องตะโกนลั่น
“เบาๆ ค่ะ ลูกยังไม่ตื่น หรือคุณลืมไปแล้วว่าคุณกับหวามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนนะคะ” เพราะไม่เคยเถียง ไม่เคยก้าวร้าวจนปกป้องได้ใจ เขาเป็นถึงหัวหน้ากรมกอง มีภรรยาที่ไม่เชิดหน้าชูตา เป็นแค่แม่บ้าน ที่เลี้ยงลูกไปวันๆ
“ตะวันขึ้นแล้ว ไม่เตรียมตัวไปโรงเรียนเหรอไง” ชายหนุ่มตะคอก แล้วก็รีบหุบปาก
เขาทำสงครามประสาทเพื่อกดดันยี่หวา ตัดรายจ่าย เลยพลอยทำให้ผลกระทบนั่นตกไปอยู่บุตรชายด้วย
“ปีหน้าปกถึงจะไปโรงเรียนค่ะ หวาคุยกับแม่หวาแล้ว”
ปกป้องเม้มปาก เขาไม่รู้ว่ายี่หวาบอกกับมารดาหล่อนว่ายังไง
“ผมยังเป็นสามีคุณอยู่ไหมหวา” เพราะความละอาย ปกป้องเลยหลุดปากถาม
“คุณป้องถามผิดค่ะ คุณป้องควรถามตัวเองว่าคุณป้องยังเห็นหวากับลูก อยู่ในสายตาหรือเปล่า” นานๆ ครั้งที่ยี่หวาจะย้อน ปกป้องสะอึก เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาบีบบังคับยี่หวาเพราะอยากมีผู้หญิงใหม่ ผู้หญิงที่ทำให้เขาเชิดหน้าในสังคมได้ มีคนนับหน้าถือตา แม้ว่าเขาจะทำผิด
“ถามแบบนี้เพราะอยากให้ผมรู้สึกผิดหรือไงหวา”
ยี่หวาถอนใจ เธอเงยหน้ามองสามีตรงๆ
“หวาผิดอะไรคะคุณป้อง หวาผิดอะไร ทำไมทำกับหวาแบบนี้ คุณลืมที่สัญญากับแม่หวาไว้แล้วเหรอคะ” ยี่หวาโพล่งถาม ความอัดอั้นในใจพังทลายลงมา เธอเลยลืมตัวถามในสิ่งที่เคยสัญญาว่าจะไม่พูดถึง
ปกป้องตัวแข็งทื่อ เขาผิดเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่เพราะกิเลสตัณหาบังตา เขาโยนความผิดนั่นกลับไปที่คนที่เขาเคยรัก
“ดูสภาพตัวเองเถอะหวา หากผมเป็นคุณผมจะไม่ย้อนถามแบบนี้แน่”
ยี่หวาแค่นยิ้ม เงยหน้าหัวเราะด้วยเสียงที่ขมขื่นเต็มทน “ฮ่าๆ คุณป้องโทษว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะหวา หวาแก่ หวาโทรม หวาไม่มีรายได้ หวาเสียสละตัวเองออกมาเลี้ยงลูก เพราะคุณป้องบอกว่าไม่มีใครรักลูกเท่าพ่อ กับแม่ หวาผิดที่หวาเป็นได้แค่แม่บ้าน ไม่ใช่ลูกสาวเจ้าสัวบ้านจัดสรร หวาผิดที่หวาทำให้คุณป้องดูไร้ค่า เป็นแค่หัวหน้ากรมกอง แต่ไม่มีสตางค์งั้นเหรอคะ”