บทที่ 4 เริ่มต้น
หลังจากนางกอดตนเองนอนโดยมีเสื้อคลุมของเฮยอวิ้นเป็นผ้าห่มแล้ว นางก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น และตลอดคืนนางไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด เหมือนว่ามีอะไรอุ่นๆ ให้นางได้ซุกตัว ทั้งยังขวางกลั้นขวางกั้นลมหนาวไม่ให้แทรกเข้ามาทางปากถ้ำที่เปิดโล่ง นางไม่อยากคาดเดาว่าเป็นเฮยอวิ้นเพราะนั่นจะยิ่งทำให้หัวใจของนางสับสนสั่นไหว
เขาเป็นเสือดำ นางเป็นมนุษย์ สัตว์ป่ากับมนุษย์ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้! นางต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก ไม่อาจหวั่นใจไปกับเขา หรือมองเขาเป็นกรณียกเว้น
แต่เพื่อเป็นการขอบคุณเฮยอวิ้นที่อุตส่าห์มอบที่พักและช่วยซักคราบเลือดบนเสื้อของนาง เช้านี้ สิ่งแรกที่นางตั้งใจทำเช้านี้คือทำความสะอาดถ้ำของเฮยอวิ้นเพื่อตอบแทนความเมตตา จากนั้นค่อยไปหาไป๋เลี่ยง ดูว่าถ้ำของนางพอมีที่เหลือให้นางอยู่ด้วยได้ไหม
แต่ทว่า หลังจากนางแต่งตัวและสำรวจถ้ำของเฮยอวิ้นดีแล้ว พบว่าที่นี่ไม่มีไม้กวาดสักอัน หรือผ้าถูพื้น หรือตุ๋มตุ่มใส่น้ำ หรืออุปกรณ์ทำครัว แม้แต่เสื้อผ้าของเฮยอวิ้นให้นางได้ซักก็ไม่มี เมื่อไม่มีสิ่งที่นางพอทำได้ ดังนั้นนางจึงหันไปเก็บของทีละชิ้นให้เข้าที ที่ และนางเพิ่งพบว่าด้านในสุดของถ้ำมีประกายวิบวับสะท้อนแสงอาทิตย์
จิ่นกุ้ยเดินเข้าไปดูต้นเหตุของประกายนั้น แล้วนางก็พบว่ามันคือหยก เหรียญเงินเป็นพวงและก้อนทองกองเพนิดพะเนินเต็มไปหมด
นางตกใจจนตาโต ถึงแม้นางจะเป็นหญิงที่มีดาวโชคร้ายอยู่ในตัว ยากจนและอาภัพ และแน่นอนนางไม่ใช่คนโลภ แต่อดประหลาดใจกับแก้วแหวนเงินทองมากมายพวกนี้ไม่ได้ เฮยอวิ้นเอาของพวกนี้มาจากไหน คงไม่ใช่ขโมยมาจากชาวบ้านมาหรอกนะ
นางผละสายตาจากของมีค่าพวกนั้น แล้วเดินออกนอกถ้ำ ตั้งใจว่าต้องถามเฮยอวิ้นให้รู้เรื่อง หากเขาขโมยมาก็ควรรีบนำของพวกนี้ไปคืน...
“เจ้าอยากได้หรือ ข้ายกให้เจ้าทั้งหมดเลย” เฮยอวิ้นพูด ทั้งยังโยนกระต่ายที่ตายแล้วลงตรงหน้านาง
นางสะดุ้ง มองกระต่ายป่าโชคร้ายที่นอนใกล้เท้าของนางก่อนขมวดคิ้วบอก “ใครอยากได้กัน ข้าแค่สงสัยต่างหากเล่า ท่านขโมยของพวกนี้จากชาวบ้านมาหรือ”
“ชาวบ้านให้ข้า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
“ให้ท่าน?”
“ใช่ พวกเขาให้ข้าทั้งหมดนั่นแหละ” เฮยอวิ้นบอก ก่อนนั่งลงบนก้อนหิน แล้วหยิบกระต่ายป่าขึ้นมาทำท่าจะกัดกิน
นางรีบร้อนร้องขึ้น “อ่า! ท่านจะทำอะไร”
“กินกระต่ายไง เจ้าก็รีบกินเสีย กระต่ายเพิ่งตาย เนื้อสดหวานเชียวละ”
ได้ยินประโยคนั้นของเฮยอวิ้นนางแทบยกมือขึ้นปาดเหงื่อ จะให้นางกินของสดๆ ได้อย่างไรเล่า นางไม่ใช่สัตว์ป่าเสียหน่อย “แต่มันยังดิบอยู่เลยนะ ท่านก็ห้ามกินด้วย!”
เฮยอวิ้นที่ริมฝีปากใกล้ถูกเนื้อกระต่ายเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ “ข้าเป็นเสือ”
จิ่นกุ้ยดึงสติกลับ จริงสิ เขาเป็นเสือ กินกระต่ายป่าดิบๆ ก็ย่อมได้ แต่ทว่า... นางเหลือบตามองเขาที่กำลังมองมาทางนางอย่างสนใจใคร่รู้และไม่ได้ยกกระต่ายป่าขึ้นมากิน ก่อนบอกว่า “ตอนนี้ท่านเป็นคน ไม่ใช่เสือ คนกินของดิบได้ที่ไหนกันเล่า”
เฮยอวิ้นยิ้ม ดวงตาดำขลับฉายแววเข้าใจในคำพูดของนางเต็มเปี่ยม “ที่แท้ ข้าแค่เปลี่ยนร่างเป็นเสือค่อยกินกระต่ายตัวนี้ได้ใช่หรือไม่” พูดแล้วเขาก็วางกระต่ายลงบนพื้น จากนั้นหลับตาทำท่าจะกลายร่าง ทว่าถูกนางเรียกรั้ง
“เอ๋? เดี๋ยวก่อน!”
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองพลางถาม “มีอะไรหรือ”
“ให้ข้าทำให้มันสุกก่อน ท่านค่อยกิน”
“ทำไมถึงได้ยุ่งยากเช่นนี้เล่า”
“ท่านเป็นเสือ แต่ข้าเป็นมนุษย์นะ ให้ข้ามองท่านกินของสดตรงหน้า ข้าทำไม่ได้หรอก อีกอย่างข้าควรทำอะไรเพื่อตอบแทนท่านบ้าง” นอกจากนางกินของสดไม่ได้แล้ว การที่นางได้ช่วยเขาปรุงอาหารให้สุกยังเป็นการตอบแทนที่เขาอุตส่าห์ช่วยนางด้วย
เฮยอวิ้นเท้าคางครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นบอกว่า “ตามใจเจ้า”
นางยิ้มเมื่อได้รับอนุญาต “ท่านมีมีดไหม”
เฮยอวิ้นส่ายหน้า
นางยิ้ม ไม่ได้คาดหวังว่าในถ้ำของเขาจะมีของเช่นนั้นอยู่แล้ว “ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้น ท่านนั่งอยู่เฉยๆ ห้ามแอบกินกระต่ายก่อนที่ข้าจะทำให้สุกเรียบร้อยแล้ว เข้าใจหรือไม่”
เขาพยักหน้าเชื่อฟังนาง
เห็นดังนั้น จิ่นกุ้ยก็เริ่มลงมือทำกระต่ายป่าย่าง นางวิ่งหาไม้มาจุดไฟ และยืมเล็บของเฮยอวิ้นเหลาไม้ให้แหลมเพื่อเสียบกระต่าย ยืมเล็บของเฮยอวิ้นอีกครั้งชำแระชำแหละเครื่องใน
ถึงตรงนี้ เฮยอวิ้นมองเครื่องในด้วยความเสียดาย แต่นางไม่อนุญาตให้เขาทำอย่างที่ใจคิด รีบนำทุกอย่างเสียบไม้ย่างไฟ ส่วนตัวกระต่ายนางนำไปรนลนไฟก่อนถอนขนให้เกลี้ยง จากนั้นนำไปย่างกับไฟอีกครั้ง กลิ่นหอมของเนื้อกระต่ายและเครื่องในที่ค่อยๆ สุกชวนให้นางและเขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อกระต่ายสุกได้ที่ นางฉีกขาอ้วนๆ ส่งให้เขาเป็นอันดับแรก
เฮยอวิ้นรับขากระต่ายมาได้ก็กัดกินทันที ทำให้นางต้องร้องเตือน “ระวังร้อนนะ!” แต่ไม่ทันเสียแล้ว เนื้อกระต่ายลวกลิ้นเขาอย่างจัง
เขาแลบลิ้นพลางยกมือโบกพัดไปมา ก่อนขึงตามองนาง ทว่าท่าทางนั้นกลับทำให้นางเห็นแล้วรู้สึกว่าเขาเหมือนเด็กน้อยมากกว่า
“พวกเจ้ากินกันแบบนี้หรือ ลำบากจริงๆ”
นางหัวเราะขบขันตอบว่า “ก็ท่านเล่นกินโดยที่ไม่เป่าให้หายร้อนก่อน จริงๆ การปรุงอาหารของเราไม่ได้มีเฉพาะแค่วิธีนี้นะ พวกเรามีวิธีปรุงอาหารหลากหลายกว่านี้อีก” นางไม่เพียงพูดเปล่า แต่ฉีกเนื้อกระต่ายออกมาเป่าให้หายร้อน ก่อนส่งไปตรงปากของเฮยอวิ้น “ชิ้นนี้ไม่ร้อน ท่านลองชิมดู”
เฮยอวิ้นไม่ได้รับเนื้อกระต่ายจากมือนางทันที แต่ดวงตาดำขลับมองเนื้อกระต่ายในมือนาง จากนั้นเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้านางนิ่งราวกับไม่ไว้ใจนาง
จิ่นกุ้ยยิ้มบอก “ท่านวางใจเถอะ ชิ้นนี้ไม่ร้อนจริงๆ”
ถึงนางยืนยันอีกครั้ง แต่เฮยอวิ้นกลับไม่ยอมรับ
ประสบการณ์การกินกระต่ายสุกครั้งแรกทำให้ลิ้นของเขาถูกลวก นางเข้าใจดีว่าเขาอาจไม่ไว้ใจนาง ดังนั้นนางก้มหน้าลงเป่าเนื้อกระต่ายในมืออีกครั้งด้วยความใส่ใจ ให้เขาเห็นว่าไม่ร้อนจริงๆ ก่อนส่งไปให้เขาอีกครั้ง
คราวนี้เฮยอวิ้นคว้าข้อมือของนางไว้ ซึ่งการกระทำนั้นทำให้นางถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ แต่นั่นยังไม่น่าตกใจถึงขีดสุดเมื่อเห็นเขาก้มหน้าลงกินเนื้อกระต่ายจากมือของนาง ก่อนจะเคี้ยวเนื้อในปากด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชอบสนใจ
จิ่นกุ้ยหน้าแดงถึงใบหู พยายามขืนมือกลับ แต่เฮยอวิ้นกลับไม่ยอมปล่อย หนำซ้ำยังกระทำในสิ่งที่นางไม่อาจคาดถึง
เขาก้มหน้าลงอีกครั้ง ใช้ลิ้นสีชมพูเลียปลายนิ้วของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกลายเป็นแทะเล็มทีละน้อย ลิ้นอุ่นชื้นลากผ่านนิ้วมือนางทีละนิ้ว หญิงสาวสะท้านเยือกไปทั้งร่าง อยากจะดึงมือกลับใจแทบขาดแต่เฮยอวิ้นกำมือรอบข้อมือของนาง ทั้งยังเลียนิ้วของนางอยู่เช่นนั้น เลียจนร่างของนางแทบอ่อนระทวยเสียตรงนี้ให้ได้
ทว่าสุดท้าย จังหวะที่เขาหลับตาเคลิบเคลิ้ม เปลี่ยนเป็นจับข้อมือของนางไว้หลวมๆ นางกลั้นใจรีบชักมือกลับ
เฮยอวิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนเปิดตาเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด หนำซ้ำยังบอกด้วยรอยยิ้มว่า“อาหารที่เจ้าทำอร่อยจริงๆ ด้วย”
แก้มของจิ่นกุ้ยแดงระเรื่อจากการกระทำของเขาก่อนหน้านั้นแล้ว ยิ่งได้ยินประโยคนั้นของเฮยอวิ้น ยิ่งชวนให้นางหน้าแดงขึ้นไปอีก เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ว่าสิ่งใดอร่อย เนื้อกระต่ายหรือมือของนางกันแน่
เฮยอวิ้นเห็นนางเงียบ ซ้ำใบหน้ายังแดงจัด เขารีบวางมือบนหน้าผากนางพลางถาม “ไม่สบายหรือ”
นางดึงสติกลับ จากนั้นยื่นเนื้อกระต่ายให้เขาทั้งหมด ก่อนลุกขึ้นวิ่งออกจากถ้ำทันที
หลังจากจิ่นกุ้ยวิ่งออกไปแล้ว สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเข้ามาทางปากถ้ำที่เปิดโล่งระลอกหนึ่ง เฮยอวิ้นมองตามร่างบอบบางของหญิงสาวที่ผลุนผลันรีบออกไป อดประหลาดใจไม่ได้ว่าเหตุใดแก้มของนางถึงแดงระเรื่อเช่นนั้น แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงนางจะหน้าแดง แต่แววตาไม่ได้แสดงออกว่าหวาดกลัวเขาเหมือนอย่างตอนแรก เทียบกันแล้ว แววตาเมื่อครู่ดูดีกว่ายามปกติมาก เพราะนั่นอย่างนั้นจึงทำให้เขาคิดว่านางเริ่มมีใจให้เขาแล้ว
เฮยอวิ้นดึงสายตากลับจากแผ่นหลังบอบบางแล้วหันมองรอบบริเวณถ้ำแทน
ถ้ำของเขาเป็นเพียงถ้ำโล่ง มีแท่นหินแผ่นเรียบรองเป็นเตียง ไม้ไผ่ยาว และสมบัติล้ำค่าที่ฮ่องเต้และชาวบ้านทำพิธีกรรมบางอย่างเพื่อเรียกให้เขาออกไปรับโดยต่อรองว่าห้ามเขาเข้าไปเหยียบในเมืองหรือทำร้ายใคร ชีวิตของเขาเป็นอิสระต่อทุกสิ่ง อยากทำอะไรล้วนทำได้ หากไม่อยากทำใครหน้าไหนก็บังคับไม่ได้
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เข้าใจพิธีกรรมมากมายของมนุษย์ ยุ่งยากเกินไป ซับซ้อนเกินไป แต่ในเมื่อพวกนั้นบอกว่ามอบให้เขา เขาก็ต้องออกไปรับ หลังจากมนุษย์พวกนั้นจากไปแล้ว เขาใช้เสื้อคลุมแบกของกลับมาทั้งหมด มีคนโลภบางคนย้อนกลับมาในป่าเพื่อเอาของเหล่านั้นคืน แต่เมื่อเจอเขาในร่างเสือดำล้วนวิ่งหนีสุดฝีเท้า
เฮยอวิ้นไม่คิดว่าของมากมายเหล่านี้จะมีประโยชน์กับเขาหรือผูกมัดไม่ให้เขาเข้าเมือง กินก็ไม่ได้ ใช้ทำอย่างอื่นก็ไม่ได้นอกจากส่องประกายระยับตา ทว่าวันนี้ของเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเขาขึ้นมาแล้ว
ชายหนุ่มเลียริมฝีปาก กลิ่นหอมหวานราวกับสดใหม่ยังติดอยู่ในปากของเขา รวมทั้งกลิ่นเนื้อย่างสุกของเจ้ากระต่ายตัวอ้วน เขาไม่เคยกินของปรุงสุก แต่หากไม่เคยลองเขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาชอบมันไม่น้อยไปกว่าเนื้อดิบหวานๆ จิ่นกุ้ยบอกว่าการปรุงอาหารมีมากมายหลายอย่าง เขาเริ่มอยากลิ้มลองอาหารหลายอย่างที่นางว่าเสียแล้ว
เมื่อนึกมาถึงคำบอกของจิ่นกุ้ย เฮยอวิ้นก็คิดได้ว่ามีบางอย่างที่เขาต้องทำ
ใช่แล้ว เขาจำได้ ข้างทะเลสาบมีบ้านหลังใหญ่แต่ร้างไร้ผู้คนหลังหนึ่ง เขาเคยเข้าไปสำรวจด้านในด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเชื่อว่าสัตว์ในละแวกนี้ย่อมอยากรู้เช่นเดียวกับเขาจึงลอบติดตามเขาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่นั่นด้วย ในนั้นมีของมากมาย เตียง ฟูก โต๊ะ ตั่ง ถ้วยชาม แก้ว จอก ตะเกียง ทุกอย่างเยอะแยะไปหมด
เมื่อก่อนเขาคิดว่านั่นไม่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต ในถ้ำมีเขาอยู่เพียงลำพัง เงียบเหงา กินอยู่อย่างไรล้วนขึ้นอยู่ที่เขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ถ้ำของเขามีจิ่นกุ้ยเพิ่มเข้ามา นางเป็นมนุษย์ บางทีนางอาจต้องการของพวกนั้น
เฮยอวิ้นเดินเข้าไปหยิบพวงเงินและทองมากมายใส่ลงในอกเสื้อ เขามีชีวิตถึงเก้าร้อยปีในป่าแห่งนี้ ย่อมรู้และเห็นมามาก และแน่นอน ถ้าเขาอยากได้ของบางอย่างกลับมาต้องใช้ของมีค่าแลกเปลี่ยน หรือที่มนุษย์เรียกว่า ‘ซื้อ’ นั่นแหละ วันนี้เขาจะพาสาวๆ ไปซื้อของในเมือง
ชายหนุ่มเดินยิ้มออกจากถ้ำและตรงไปหาจิ่นกุ้ยกับไป๋เลี่ยง คิดว่าวันนี้เขาคงต้องเข้าเมืองเสียหน่อยแล้ว