วิวาห์พาฬนิล

87.0K · จบแล้ว
มู่ตาน
46
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า... งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!

นิยายรักโรแมนติกนิยายแฟนตาซีนิยายจีนโบราณ

บทนำ

ร้านผ้าสกุลจือ ทางเหนือของเมืองหลวงแคว้นซั่นกวง...

หญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดงสดตัวใหม่ถูกแม่สื่อจูงมือพาเดินออกจากประตูร้าน นี่คือชุดใหม่ที่นางมี ชุดใหม่ที่นางไม่ต้องเสียเงินซื้อมา แต่ใครเล่าจะยินดี หากต้องถูกบังคับให้แต่งเป็นอนุภรรยาคนที่สี่ของอันธพาลอวดดีประจำเมือง

สีหน้าใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว นางไม่ยินดีกับงานแต่งที่ถูกบังคับเช่นนี้ ต่อให้ยากไร้ยิ่งกว่านี้นางก็ไม่ยินดี!

ใช่แล้ว นางไม่ควรถูกบังคับให้ออกเรือนตั้งแต่แรก เพราะนางไม่มีบิดามารดาให้ห่วงใย ไม่มีญาติพี่น้อง ในแคว้นซั่นกวงแห่งนี้ นางเป็นเพียงหญิงกำพร้าธรรมดาคนหนึ่ง

หญิงสาวครุ่นคิดขณะก้าวเท้าข้ามธรณีประตู เดินไปทางเกี้ยวสี่คนหาม แต่แล้วจู่ๆ นางก็หยุดชะงัก ไม่ยอมขึ้นเกี้ยว

แม่สื่อที่จูงมือนางอยู่ด้านข้างก้มหน้ากระซิบถาม “มีอะไรรึ”

นางสูดหายใจ ยืนนิ่งเงียบ

งานแต่งนี้นางไม่ต้องการด้วยซ้ำ ทั้งที่บิดามารดาหรือก็มิได้จัดขึ้นเพื่อนาง นั่นเพราะนางสูญเสียทั้งสองท่านไปตั้งแต่เล็ก แล้วเหตุใดคนพวกนี้ต้องบังคับนางเพียงเพราะเป็นลูกจ้างของเถ้าแก่เนี้ยจือเหนียงด้วย!

สวรรค์ นางไม่ต้องการแต่งงานกับคนผู้นั้น แต่ควรทำอย่างไรดีเล่า!

หากนางร้องขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านแม้เห็นใจ แต่คงไม่มีใครยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่ เพราะหนึ่ง คนที่นางแต่งด้วยเป็นอันธพาลเมือง สอง นางมีดาวแห่งความโชคร้ายในตัว เป็นหญิงที่โชคร้ายที่สุดในเมืองแห่งนี้ หากช่วยเหลือนาง พวกเขาก็จะพลอยโชคร้ายไปด้วย

“แม่นาง เจ้าหยุดเท้าทำไมรึ” แม่สื่อถามอีกครั้ง แต่นางยังยืนนิ่ง สีหน้าซีดเผือด

ทำอย่างไรดี! หากขึ้นเกี้ยวนี้ไปแล้ว นางจะไม่ได้เป็นแค่หญิงโชคร้ายอาภัพ แต่จะกลายเป็นผู้หญิงที่ต่ำตมที่สุด ถึงเหลิ่งซานเหวินจะแต่งนางเข้าบ้านอย่างถูกต้อง แต่นางเคยได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นชอบทรมานภรรยาของตนเป็นที่สุด

ถึงนางยากจนก็ใช่ว่าจะยอมถูกรังแกถึงเพียงนั้น!

“แม่นาง?” แม่สื่อกระตุ้นถาม ก่อนปล่อยมือนาง แล้วหันเดินไปทางจือเหนียง เดาว่าคนละแวกนี้ก็คงสงสัยในการกระทำของว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ และแม่สื่อคงจะไปหาจือเหนียงเพื่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางขึ้นเกี้ยว ดังที่บีบบังคับนางให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวิน

ถึงตอนนี้ นางคิดว่าเรื่องเงินไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ควรอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหง การเป็นภรรยาของเหลิ่งซานเหวินคงทรมานยิ่งกว่าการขาดเงิน ต่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางแล้วอย่างไรล่ะ บนโลกนี้ไม่มีคนที่นางต้องห่วงใยสักนิด แล้วจะสนใจไปไย!

ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นเอง นางฉวยโอกาสที่ทุกคนหันไปสนใจจือเหนียง รวบชายกระโปรงขึ้น แล้วออกวิ่งเต็มเหยียด ทั้งยังดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงทิ้งข้างทาง

นางวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก้าวขาวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ลัดเลาะเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้

คนหามเกี้ยว แม่สื่อ และจือเหนียงต่างออกวิ่งตาม ปากตะโกนบอกให้นางหยุด อีกทั้งข่มขู่สารพัดวิธี แต่เหตุใดนางต้องกลัวคำขู่เหล่านั้นด้วยเล่า ให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวินน่ะหรือ สู้ปล่อยให้นางตายข้างถนนไม่ดีกว่าหรือไง

นางวิ่งสุดขา ถลกกระโปรงยาววิ่งบ้างกระโดนบ้าง กระทั่งคนด้านหลังที่วิ่งตามนางไม่มีแล้ว นางถึงเพิ่งรู้ว่าตนวิ่งเข้ามาในป่า เท้าซึ่งไร้รองเท้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งดัง ‘เป๊าะ!’ เสียงกิ่งไม้หักใต้เท้าดังก้องป่าชวนขนหัวลุก นางเดินอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าตนอยู่ตรงส่วนไหนของป่า และไม่รู้ว่าควรออกจากป่าทันทีหรือเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก อย่างไหนถึงจะเป็นหนทางรอด

แต่ว่า...ออกไปก็ตาย เข้าไปก็ตาย ไม่ว่าทางไหนนางล้วนตายอยู่แล้ว!

ตอนนั้นเองที่กิ่งไม้เกี่ยวชายกระโปรงทำให้นางก้าวต่อไปไม่ได้ นางตระหนกเล็กน้อย แต่ก็หันหลังกลับไปดึงกระโปรงออกจากกิ่งไม้ ทว่าดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางจึงกระชากอย่างสุดแรงจนชายกระโปรงเจ้าสาวสีแดงฉีกขาดติดกับกิ่งไม้นั่น หัวใจนางหล่นวูบ นี่คือลางร้าย

ช่างปะไร ตอนตัดสินใจวิ่งหนีออกจากขบวนเจ้าสาว นางก็รู้แก่ใจดีแล้วว่าไม่มีทางให้ถอยกลับอีกแล้ว หากถูกเหลิ่งซานเหวินจับได้ นั่นหมายถึงนางต้องได้รับโทษทรมานจากเขา แล้วยังจะห่วงอะไรกับแค่ชายกระโปรงฉีกขาด!

เมื่อตัดสินใจยอมตายดีกว่าแต่งงานกับชายอันธพาล หญิงสาวเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ พลางคิดว่า ‘ตายก็ตายสิ’ ในตอนนั้นเอง เสียงที่ไม่ควรได้ยินก็ดังขึ้นเหนือศีรษะนาง

กรร...

เป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่า!

สองขาของหญิงสาวหยุดชะงัก

กรร... กรร...

มันคำรามอีกสองที ราวกับยืนยันให้นางรู้ว่านั่นคือเสียงของสัตว์ร้ายจริงๆ

นานทีเดียวกว่าจะกล้าหันหลังกลับไปมองอย่างเชื่องช้า เมื่อเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือเสือดำขนมันเงาตัวใหญ่ยืนบนกิ่งไม้หนาเหนือศีรษะนาง ปากของมันมีน้ำลายเหนียวหยดย้อนย้อยลงมา ดวงตาแดงฉานจ้องมองนางราวกับนางคือก้อนเนื้ออันโอชะ

นางกลืนน้ำลายด้วยความกลัว คราวนี้นางตายจริงๆ แน่แล้ว

สวรรค์! สวรรค์! นางร่ำร้องในอก แต่เมื่อคิดได้ว่านี่คือความปรารถนาของนางมิใช่หรอกหรือ นางก็หยุดสั่น จ้องมองเสือดำตัวนั้นนิ่ง

เสือดำเฮยอวิ้น ราชาสัตว์ผู้ปกครองป่าเฮยหู่แห่งนี้ การตายด้วยคมเขี้ยวของมันอาจเป็นเกียรติของนางแล้วก็ได้!

เพิ่งคิดว่านางต้องตายในคราเดียว และการตายด้วยคมเขี้ยวของเสือดำอาจดีกว่าต้องแต่งงานกับเหลิ่งซานเหวิน เสือดำตัวนั้นก็กระโจนใส่นางตอนที่นางกางแขนทั้งสองข้างออก และเบือนหน้าหลับตาปี๋

เท้าทั้งสองของมันตระปบตะปบบนหัวไหล่นาง แรงกระแทกนั้นทำให้นางล้มหงายหลัง คมเล็บแหลมคมกดลงบนหัวไหล่เนื้อนางจนเลือดไหล กลิ่นเลือดเข้มข้นในจมูก นางขบริมฝีปากรอให้เสือดำกัดกิน และวินาทีหลังจากนี้นางต้องตายแน่แล้ว อาจจะเจ็บเพราะถูกฉีกกระชากในคราแรก แต่หลังจากนั้นนางอาจจะไม่เจ็บอีกเพราะนางตายแล้ว... นางคิดอย่างสงบและเป็นขั้นเป็นตอน

ทว่าช่วงที่นางกำลังลุ้นว่าเสือดำจะตะกรุ่นกินนางจากส่วนไหนก่อน จู่ๆ ริมฝีปากของนางก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนและเปียกชื้นทาบทับลงมา

เสือดำคงแทะเล็มนางจากปากก่อนสินะ!

ริมฝีปากนางถูกขบเล็มอย่างละเมียดละไม ขณะที่นางยังหลับตารอคอยความตายอย่างเงียบๆ

การถูกเสือดำกินไม่ทำให้นางเจ็บสักนิด ทว่าเหตุใดเสือดำถึงแทะเล็มเฉพาะปากของนางนานเช่นนี้ นานจนกระทั่งทำให้นางหมดสติเพราะความหวาดกลัว!