บทที่ 1 ป่าเฮยหู่
คนหามเกี้ยวที่วิ่งตามจับจิ่นกุ้ยกลับมาแจ้งข่าวแก่เหลิ่งซานเหวิน จือเหนียง และแม่สื่อข่าวว่าพบเศษชุดเจ้าสาวและรองเท้าของจิ่นกุ้ยนางในป่าเฮยหู่ ซ้ำยังมีรอยเลือดจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบศพของนาง คนหามเกี้ยวที่วิ่งตามจับนางกลับมาบอกเรื่องนี้แก่เหลิ่งซานเหวิน จือเหนียง และแม่สื่อ สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนคนทั้งหมดบริเวณนั้นทั้งหมดแทบล้มทั้งยืน
“เสือดำ? ต้องเป็นเสือดำเฮยอวิ้นแน่ๆ” คนผู้หนึ่งพูดด้วยความตระหนก
“เสือดำแห่งทะเลสาบเฮยหู่? ไม่พบร่องรอยของจิ่นกุ้ยอย่างนี้ข้าว่านั่นไม่ใช่แค่เสือดำแล้ว แต่เป็นปีศาจชัดๆ” อีกคนพูดขึ้น
และอีกคน “เสือดำฆ่านางตายแล้วแน่ๆ คุณชายเหลิ่ง นี่นับว่าอัปมงคล!”
เสือดำไม่ออกล่ามนุษย์นานแล้ว คนเฒ่าคนแก่ร่ำลือว่า หลังจากจักรพรรดิรัชกาลก่อนจัดพิธีบ่วงสรวงบวงสรวงอันเป็นเหมือนการทำสัญญาว่าทั้งมนุษย์และเสือดำจะไม่ก้าวก่ายกัน นับแต่นั้นมาก็ไม่พบเสือดำปรากฏในเมืองหลวงซั่นกวงอีก และไม่มีข่าวเรื่องคนหายหรือแม้แต่สัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้หายอีก แต่ใช่ว่าในป่าจะไม่มีเสือดำ
เมื่อข่าวที่จิ่นกุ้ยหายเข้าไปในป่า ป่า และพบร่องรอยเพียงให้คาดเดาถึงการตายของนางเท่านั้น เมื่อเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปในวงกว้าง ชาวบ้านพากันมองไปทางป่าตอนเหนือของเมือง ด้วยสีหน้าหวาดกลัว ยกมือขึ้นไหว้ สีหน้าหวาดกลัว
“เหลวไหลทั้งหมด!” เหลิ่งซานเหวินพูดขึ้นท่ามกลางความหวาดกลัวของทุกคน
“คุณชายเหลิ่ง... ท่านพูดเช่นนี้ไม่ดีเลยนะขอรับ” บ่าวติดตามพูดด้วยความหวาดกลัวว่าหากเสือดำได้ยินเข้าจะมาแหกอกเจ้านายของเขาเสียเอง
“ข้าไม่กลัวเสือดำ ข้าจะออกล่ามัน” เหลิ่งซานเหวินที่นั่งฟังนานแล้วประกาศก้อง แต่ถูกคนทั้งหมดร้องห้าม เสียงตะเบ็งเหล่านั้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ เหลิ่งซานเหวินยกมือห้ามปรามไม่ให้ใครพูดต่อ เพราะถึงพูดมาเขาก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจึงลั่นคำสาบานว่า “ใครขี้ขลาดก็หลบไป ข้าจะออกล่ามันด้วยมือของข้าเอง และจะเด็ดหัวเสือดำกลับมาให้พวกเจ้าได้เห็น!”
“คุณชายเหลิ่ง!”
เหลิ่งซานเหวินไม่ฟังอีกแล้ว เขาเดินกลับเข้าบ้าน ซึ่งมีภรรยาทั้งสามรอคอยอยู่ ทุกคนที่เขาได้มาล้วนเต็มใจ พวกนางคิดว่าได้แต่งกับเขาแล้วมีเงินทองได้ใช้ก็เพียงพอแล้ว แต่ไฉนจิ่นกุ้ยไม่คิดเช่นนั้น แม้นางจะสวย แต่กลับเป็นดาวโชคร้ายของตระกูล ดังนั้นถึงนางจึงยังไม่ได้ออกเรือนทั้งที่อายุปาเข้าไปยี่สิบแล้วแต่ยังไม่ได้ออกเรือน เพราะไม่มีชายใดเลือกนางเป็นภรรยา ส่วนเขาอุตส่าห์เมตตานาง รับนางเป็นภรรยาคนที่สี่ แต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณีขนาดนี้ นางกลับกล้าหนีออกจากขบวนเจ้าสาวแล้ววิ่งเข้าป่า
‘อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ’ ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่ยังเมื่อไม่พบศพของจิ่นกุ้ย เขาจะถือว่านางยังมีชีวิต เขาต้องตามหาและนำนางมาครอบครองให้ได้!
ในป่าเฮยหู่ส่วนที่รกทึบที่สุด
ใบไม้หนาทับซ้อนให้แสงอาทิตย์รอดลอดผ่านตามช่องได้รำไร ภาพชายหนุ่มชุดดำตลอดทั้งร่าง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา ตาดุ เท้าแขนนั่งคร่อมเหนือร่างของหญิงสาวบอบบางในชุดเจ้าสาวสีแดงสด แต่ไม่อาจบอกได้ว่าสีแดงนั้น บอกไม่ถูกว่าที่เด่นชัดนั้นคือเลือดบนไหล่ของนางหรือชุดของนางกันแน่
ชั่ววินาทีอึดใจต่อมา เขายืดตัวนั่งหลังตรง ลูบริมฝีปากแผ่วเบา จุมพิตเมื่อครู่ นับเป็นจุมพิตที่เนิ่นนานที่สุด และทำให้เขาอิ่มที่สุด หญิงผู้นี้ทำให้เขาอิ่ม!
เขาคือเฮยอวิ้น คือเสือดำแห่งป่ารกทึบข้างทะเลสาบเฮยหู่แห่งนี้ ทุกวันเขาจะออกจากถ้ำเพื่อสำรวจป่าและล่าเหยื่อ อาหารอันโอชะในป่าแห่งนี้มีมาก แต่ไม่มีอาหารชนิดใดทำให้เขาอิ่ม แน่นอนว่า ด้วยพันธะสัญญาพันธสัญญาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาจึงไม่สามารถเข้าไปหาอาหารในเมืองหรือเล่นสนุกได้ หากแต่วันนี้... เฮยอวิ้นนั่งเท้าคางมองอาหารอันโอชะที่นอนไม่ได้สติตรงหน้า
หญิงสาวนอนบนพื้นหญ้าสีเขียวสด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ใบหน้านับว่างดงามไม่น้อย เขามองนางด้วยแววตาสงสัยและสนใจ จากนั้นเอียงคอซ้ายขวาครุ่นคิด
ชั่วขณะหนึ่งนางขมวดคิ้วคล้ายเจ็บปวด ต้องเป็นแผลที่เขาเผลอใช้เล็บตะปบนางแน่ คิดแล้วเขาก็เอื้อมมือออกไปปลดสายคาดเอวนางออก จากนั้นแหวกสาบเสื้อของนางให้เปิดกว้าง มองดูบาดแผลและเลือดที่เกิดจากกงกรงเล็บของเขา ว่าก็ว่าเถอะ เขาอดเลื่อนมือต่ำลงมาอีกนิดไม่ได้
ขาว... ผิวนางช่างขาวเหลือเกิน อาจขาวสู้จิ้งจอกขาวอายุห้าร้อยปีไม่ได้ แต่นางช่างมีชีวิตชีวากว่า ผิวละเอียดกว่าและ... เขาเลื่อนมือต่ำลงอีกหน่อย นั่นยิ่งเป็นการเรียกน้ำเหนียวข้นสีแดงให้ไหลออกจากจมูกอย่างเชื่องช้า... เนิ่นเนินอกอวบอิ่มกว่าอีกด้วย!
ถึงตรงนี้เขามีสามคำบรรยายความเป็นหญิงมนุษย์ผู้นี้ ขาว เนียน และอวบอิ่ม
ชุดสีแดงสดแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นชุดเจ้าสาว หากเมื่ออยู่บนตัวของนางไยช่างพาให้อารมณ์ของเขาหวั่นไหว ทั้งที่ไม่มีหญิงไหนใดในป่าแห่งนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกนั้น
เขาเกลี่ยเลือดใต้จมูกของตนทิ้ง แล้วใช้นิ้วไล่ไล้ชุดสีแดงสดบนตัวนาง รอยยิ้มเผยบนใบหน้าของเขาอย่างอดไม่อยู่ และค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่อคิดว่านางคือเจ้าสาวที่ชาวเมืองหรือฮ่องเต้ซั่นกวงส่งมาให้เขา
อา... นางคือเจ้าสาวที่สวรรค์ประทานมาให้
สวรรค์คงเห็นว่าเขาอยู่บนโลกนี้เกือบพันปี โดดเดี่ยวและเหงามากกระมัง จึงหาคู่ชีวิตมาให้ เพียงแต่นางเป็นมนุษย์ธรรมดาจะอยู่กับเขาได้สักกี่ปีกัน ความคิดนี้ทำให้เขาอดส่ายหัวไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะ ใช่ว่านางจะอยู่กับเขาชั่วชีวิตไม่ได้นี่
เมื่อคิดว่านางคือเจ้าสาวของเขา เฮยอวิ้นก็รู้สึกว่าเลือดบนไหล่นางไม่น่ามองเอาเสียเลย
เขาปลดเสื้อเจ้าสาวบนตัวของนางออก จนเหลือเพียงเอี๊ยมตัวเล็กจิ๋วสีชมพูที่ปิดหน้าอกอิ่มสวยเท่านั้น ก่อนเริ่มใช้พลังที่เขาได้จากการบำเพ็ญตบะรักษาบาดแผลให้นาง
ช่วงวินาทีที่พลังของเขาค่อยๆ ถ่ายเทลงไปรักษาบาดแผลของนาง เลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลเหวอะหวะหยุดไหล จากนั้นบาดแผลค่อยๆ สมานตัวเรื่อยๆ กระทั่งผิวเนื้อของนางกลับมามีสภาพเหมือนเดิม เรียบเนียนไร้รอยขีดข่วนดังว่าราวกับว่าไม่เคยถูกเขาตะปบทำร้ายมาก่อน
แบบนี้แหละ สุดยอด!
เฮยอวิ้นคิดพลางยิ้ม คราวนี้เจ้าสาวของเขาก็ไร้รอยขีดข่วนใดๆ แล้ว แบบนี้จึงจะดีเสียกว่า ว่าแต่ว่า ขอสำรวจเจ้าสาวสักหน่อย
คิดแล้ว เฮยอวิ้นก็กระตุกปมเสื้อเอี๊ยมของนาง จากนั้น...
เพี๊ยะเพียะ!
หน้าของเขาชาหลังจากฝ่ามือเนียนนุ่มเมื่อครู่สะบัดลงบนแก้มสากหนา เขาหันกลับมามองต้นกำเนิดแรงสะบัดเมื่อครู่ พบว่าหญิงมนุษย์ผู้นี้ยกแขนค้างกลางอากาศ อีกทั้งมืออีกข้างก็รวบสาบเสื้อเข้าหากัน ใบหน้าสวยหวานนั้นฉายแววโกรธรุนแรง
“จะทำอะไรข้า!” นางจิ่นกุ้ยถามขณะผวาลุก แต่เขากดไหล่ให้นางนั่งลงดีๆ ดังนั้นนางจึงทำให้นางจำใจต้องนั่งอยู่ที่เดิม เดิมและใช้มือทั้งสองข้างสองมือรวบสาบเสื้อไว้แน่น ดวงตามองเขาอย่างหวาดระแวง
นางถามว่าเขาทำอะไรนางอย่างนั้นหรือ ก็ต้องทำอย่างที่ใจอยากทำอยู่แล้ว!
“ดูหน้าอกเจ้า” เขาตอบตามตรง
สีหน้าของนางหวาดกลัวถึงขีดสุด แต่ในความหวาดกลัวมีความโกรธผสมผสานมาด้วย
เห็นท่าทางของนางเช่นนั้น ทรวงอกของเฮยอวิ้นก็หดเกร็งอย่างไร้สาเหตุ พลางคิดว่านางโกรธเขาเรื่องอันใด ถึงเขาจะเผลอใช้เล็บตะปบนางจนเกิดแผลเหวอะหวะ แต่เขาก็ช่วยรักษานางจนหายแล้วไม่ใช่หรอกหรือ นางควรดีใจและขอบคุณเขามากกว่า อา... หรือนางรังเกียจเขากันแน่ คิดแล้วเฮยอวิ้นก็เลื่อนสายตามองสำรวจนางอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเห็นแววตาตื่นกลัว รวมทั้งตัวของนางที่สั่นเทาไม่หยุด ช่างเหมือนกับกระต่ายป่าขนฟูขาวนุ่มยามอยู่ใต้เท้าของเขาไม่มีผิด
ทว่านางไม่ใช่กระต่ายป่า อีกทั้งไม่ได้อยู่ใต้เท้าของเขา นางเป็นเจ้าสาว เขาไม่มีทางกินเจ้าสาวของตนเองเหมือนกินกระต่ายป่าตัวนั้นแน่ เหตุใดนางต้องหวาดกลัวเขามากถึงเพียงนี้ด้วย
เฮยอวิ้นยื่นมือออกไปตรงหน้านาง พยายามแตะไหล่ของนางและบอกว่าอย่าได้กลัวไปเลย เพราะในป่าแห่งนี้สัตว์ป่าที่นางควรไว้ใจที่สุดก็คือเขา
“นี่เจ้า ข้าไม่...”
ปฏิกิริยาของนางรุนแรง หญิงสาวหดคอถอยหลังกรูด ตัวสั่นพับๆ สีหน้าหวาดวิตกยิ่งกว่าเดิม เห็นปฏิกิริยาของนางรุนแรงอย่างนั้น มือของเขาจึงค้างเติ่งอยู่เช่นนั้น