บทที่ 8 จะไปด้วย
“เลือดออก” เขาพูดด้วยความตกใจหลังจากเห็นเลือดซิบที่เข่าของเธอ สีหน้าหญิงสาวแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กไม่มีแรงกำบัตรเครดิตจนต้องปล่อยมันร่วงออกจากมือไป ชานนท์รีบอุ้มเธอมานั่งยังโซฟา แล้วหันไปหายามาทาให้ เขานั่งลงมองแผลเธอด้วยสีหน้ารู้สึกผิด หนูนามองใบหน้าหล่อเหลาของคนนิสัยเสีย ที่กำลังทายาให้อย่างเบามือ ก่อนเลื่อนสายตาหันมองบัตรเครดิตที่ถูกทิ้งอยู่ราวบันได หากชายหนุ่มเป็นคนไม่เอาไหนจริงอย่างที่เธอเคยคิด เขาควรรีบคว้าไว้แล้วออกจากบ้านไป
“ขอบคุณนะคะ” หนูนาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม
“ไม่โกรธผมหรือ” เขาถามอย่างแปลกใจ
“เรื่องอะไรคะ”
“ที่ทำให้คุณเจ็บ” หญิงสาวปล่อยยิ้มออกมา แล้วถอนหายใจ
“คุณมีหลายเรื่องให้ฉันโกรธเลยค่ะ แต่ฉันไม่โกรธ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน ชานนท์เผลอมองได้ครู่หนึ่ง จึงเดินไปหยิบบัตรเจ้าปัญหาขึ้นมา แล้วเดินกลับเอามายื่นคืนให้
“ผมแค่แกล้งเล่น แต่ไม่คิดว่าจะทำคุณเจ็บ” หนูนายิ้มพร้อมกับเอื้อมมือไปรับบัตรคืน
“คุณ! ทำอะไรคะ ปล่อยค่ะ” หญิงสาวดวงตาเบิกโพลงหลังจากชายหนุ่มเข้ามาอุ้มเธอขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่
“เมื่อกี้จะขึ้นห้องไม่ใช่เหรอ ผมจะไปส่งไง”
“ปล่อยค่ะ ฉันเดินเองได้ขาไม่ได้หัก”
“แต่มันกำลังระบมอยู่ คุณเดินขึ้นตอนนี้ไม่ไหวหรอก ผมอุ้มขึ้นไปไม่กี่นาทีก็ถึงห้องแล้ว” ชานนท์ไม่ฟังคำอ้างจากหญิงสาวเขาเดินดุ่มๆ พาภรรยาขึ้นด้านบนทันที เพราะต้องการรับผิดชอบที่ตัวเป็นต้นเหตุให้เธอได้รับอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยที่มีเต้าฟูแอบมองด้วยใบหน้าเขินอาย
“เราจะมีตัวเล็กแล้วแม่” เต้าฟูหันไปหามารดาพลางหัวเราะคิกคัก ชานนท์วางเธอไว้บนเตียงอย่างถนอม จัดหาชุดมาวางไว้ให้หญิงสาวได้ใช้เปลี่ยนหากเธออาบน้ำเสร็จ
“ตามสบายนะ วันนี้ผมคงไม่กลับบ้าน” เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ หนูนาพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนที่ร่างหนาจะเดินออกจากห้องไป
“เอ้า คุณชานนท์จะไปไหนอีกแล้ว” เต้าฟูหันมาทำตาเบิกกว้างหลังจากเห็นหลังเจ้านายเดินออกจากบ้านหลังไวๆ ไป
“นี่ไง พาให้แม่ลุ้นไปด้วย เป็นไงเจ้าตัวเล็กอยู่ไหน” ป้ายสวยเขกศีรษะเต้าฟูไปป๊อกใหญ่
“เจ็บนะแม่” เด็กสาวบู้หน้าพลางขยี้ศีรษะตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บ
“เป็นเด็กเป็นเล็ก แก่แดดนัก ทำลูกอะไรใช้เวลาแค่นี้ อย่างคุณชานนท์ต้องนานกว่านี้ เพราะว่ายังหนุ่มยังแน่น” ป้าสายบ่นพึมพำจับใจความไม่ได้ ปล่อยให้เต้าฟู งงงวยเข้าไปใหญ่
รถคันหรูของชานนท์แล่นออกจากบ้านหลังใหญ่ตรงไปยังคอนโดฯ ของดาราสาวทันทีด้วยความรีบร้อน เพราะเจ้าหล่อนเล่นโทรจิกเขาเกือบยี่สิบสาย แสงไฟหน้ารถดับลงหลังจากจอดรถเสร็จสรรพ ร่างหนารีบคว้ามือถือแว่นตาและหมวกเข้าสวมใส่ ก่อนจะเดินออกจากลานจอดรถ
“เก็บภาพไว้ให้หมด” นักข่าวสองคนพยายามหามุมที่พอจะเห็นรูปร่างได้ชัด แล้วรัวเก็บภาพของชานนท์ไม่ยั้ง
“ได้ครบไหม”
“ได้ครบหมด แม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่ยังพอเดาได้ว่าเป็นเขา”
“ภาพพวกนี้จะทำรายได้ให้เราอย่างมหาศาลถ้าเอาไปขายให้กับพวกสื่อ” รอยยิ้มมุมปากของผู้ไม่หวังดีแสยะขึ้นอย่างมีนัยยะ ชานนท์เปิดประตูห้องเข้ามาพบกับใบหน้าบึ้งตึงของหญิงสาวทำหน้างอใส่แสดงความไม่พอใจ เขาคลี่ยิ้มแล้วรีบเดินมาสวมกอดอย่างถนอม
“งอนผมเหรอ”
“ไหนบอกว่าเดี๋ยวเดียวไงคะ นี่มันทั้งวันเลยนะ วันหยุดฉันมีไม่กี่วันคุณก็รู้ พรุ่งนี้ก็ต้องไปถ่ายงานแล้ว เวลาที่เราอยู่ด้วยกันก็น้อยนิด คุณยังเจียดเวลาไปให้แม่นั่นอีก”
“คุณก็รู้ว่าผมทำแบบนี้เพราะโดนคุณพ่อบังคับ”
“แล้วพ่อคุณว่าอย่างไรบ้างคะ” ชานนท์หน้าถอดสี ไม่ตอบคำถาม
“ผมอาจจะไม่อยู่กรุงเทพหลายวันหน่อย” ดาราสาวขมวดคิ้วแปลกใจ
“คุณจะไปไหนเหรอคะ”
“คุณพ่อให้ผมไปฮันนีมูนกับหนูนาที่แม่ฮ่องสอน”
“ฉันไปด้วย” หญิงสาวตอบแบบเอาแต่ใจ มือบางกำบดเบียดกันแน่นด้วยไฟริษยากำลังกำเนิดขึ้น เธอยอมลงทุนหย่ากับสามีเพื่อหันมาคบเขา และการแต่งงานของชานนท์เหมือนฟ้าถล่มทับร่าง ครั้งนั้นเธอเสียใจอย่างมาก จนไม่สามารถเปิดทีวีช่องไหนได้ แต่แล้วคำปลอบโยนของชายหนุ่มที่ว่าจะดำเนินการหย่าขาดให้เร็วที่สุด เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้เธอมีความหวัง ชานนท์มองหน้าหญิงสาวแล้วเอื้อมมือมาจับ
“อยู่ที่นี่ ขอให้คุณรู้ไว้ว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งของคุณพ่อ ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกของผม” วิภาร้องไห้โผเข้ากอดชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขาใช้เวลาร่วมกับหญิงอื่น มันเจ็บปวดเกินจะรับได้
“คุณคงไม่รู้ว่าวิภารู้สึกยังไง เจ็บปวดทุกครั้งที่คุณกลับไปบ้าน เจ็บปวดทุกครั้งที่รู้ว่าคุณอยู่กับมัน มันมาทีหลังวิภา แต่ทำไมมันได้ทุกอย่างไปคะ เมื่อไหร่คุณจะรีบจัดการมันออกไปจากชีวิตเสียทีคะ” หญิงสาวกอดเขาพลางพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นออกมา
