3
“ขอบคุณครับ” เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างดีใจ เพราะวันนี้หากขายพวงมาลัยไม่ได้เลยคงโดนมารดาดุเป็นแน่ เริงฤทธิ์มองหญิงสาวนิ่งๆ เขาคิดว่าเธอจะไล่ตะเพิดเด็กคนนั้นไปเสียอีก เพราะเด็กน้อยดูสกปรกมอมแมม ส่วนเขานั้นไม่ได้รังเกียจเพราะคิดว่าเด็กพวกนี้น่าสงสารมากกว่าแต่คิดว่าเธอคงไม่ได้พิสมัยนัก แต่เปล่าเลยเธอกลับยิ้มให้เด็กคนนั้นอย่างเอ็นดู
“ปกติชอบสร้างภาพหรือไง” เขาไม่ค่อยเชื่อถือในสิ่งที่เธอทำ
“สร้างภาพอะไรคะ” เธอถามอย่างงุนงง หลังจากเด็กเดินน้อยคล้อยหลังไปแล้ว
“ที่ทำเมื่อกี้ไง อยากสร้างภาพให้ตัวเองเป็นคนดีว่างั้น”
“แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ ดิฉันไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น” เขาอยากจะคิดยังไงเธอไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ร่างบางลุกหนีเพราะอิ่มแล้ว
“อุ๊ย!” เธอร้องเพราะเขาเดินมากระชากแขนเล็กๆ เอาไว้
“จะไปไหน”
“จะไปรอที่รถค่ะ คุณอิ่มแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
เขาไม่พูดอะไรแต่กระชากเธอไปขึ้นรถ กนกรัตน์พยายามขืนตัวเอาไว้แต่ในที่สุดเขาก็ยัดเธอเข้าไปในรถได้สำเร็จ
“พรุ่งนี้ฉันจะเดินทางกลับไร่” เขาบอกเธอเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งฟังเฉยไม่ปริปากพูดอะไร นั่นทำให้คนขับรถรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
“เธอต้องไปที่ไร่กับฉันด้วย”
“ไปทำไมคะ” คราวนี้คนที่เงียบไม่พูดไม่จาเอ่ยถามขึ้นมาในทันที
“ก่อนแต่งงานควรจะไปทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้หน่อย”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ดิฉันรู้จักคุณดีอยู่แล้ว” อาการคอแข็งเย่อหยิ่งของเธอทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย สรรพนามจากการแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นก็ใช้ดิฉันเสียเต็มยศบ่งบอกถึงความห่างเหิน
“แน่ใจเหรอว่ารู้จักฉันดี” เขาเหยียดปาก เธอไม่ชอบสีหน้าและถ้อยคำร้ายๆ แบบนี้ของเขาเลย เธอไม่ตอบ เขาเลยเร่งความเร็วของรถเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“กรุณาอย่าขับรถเร็วได้ไหมคะ” เธอบอกเขา
“ทำไมชอบนั่งคอแข็งนัก” เขาหาเรื่องอีก
“คุณฤทธิ์ไม่ชอบใจดิฉันก็ควรจะบอกผู้ใหญ่ไปนะคะว่าเราไม่ควรจะแต่งงานกัน ดิฉันรับปากว่าจะหางานทำและหาเงินมาใช้หนี้ให้คุณจนหมด ไม่ว่าจะนานแค่ไหน”
“นานของเธอนี่กี่ชาติกัน ชาติหน้ายังไม่รู้จะมีปัญหาไหม ฉันอยากได้พรุ่งนี้เธอทำได้ไหม”
“แบบนั้นคงไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบเขาเสียงเรียบ รู้ดีว่าเขาพยายามจะหาเรื่อง
“ลูกหนี้อย่างเธอไม่ควรขัดใจฉัน ฉันอยากให้เธอตามไปที่ไร่จะได้รู้ว่าต่อไปจะทำงานอะไรบ้าง ฉันไม่ได้ให้เธอไปเป็นคุณนายบ้านไร่สบายๆ หรอกนะ แต่งงานไปแล้วก็ต้องทำงานใช้หนี้”
“ค่ะ ดิฉันทราบดี” เธอรู้ดีว่าเขาต้องการเงินทุกบาททุกสตางค์กลับคืนไป เธออยู่ในสถานะลูกหนี้จึงต้องใช้เงินคืนเขาให้ครบ เธอไม่เคยคิดจะหนีหนี้หรือโกงเขาเลย
“ถ้าฉันบอกแม่ให้ยกเลิกงานแต่งได้คงทำไปแล้ว” เขาสบถออกมา ทำให้กนกรัตน์ตกใจไม่น้อย
“คุณคงมีคนรักอยู่แล้ว เอาแบบนี้ไหมคะ เราไปบอกแม่ของคุณกันว่าเราไม่ได้รักกัน ไม่ควรจะแต่งงานกัน”
“ถ้าทำแบบนั้นได้ก็คงดีน่ะสิ ใครจะอยากแต่งงานกับคนอย่างเธอกัน”
“คนอย่างดิฉันมันเป็นยังไงเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเสียงขื่น ไม่เข้าใจว่าเขาตั้งแง่อะไรกับเธอนักหนา ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้ว เธอไม่เคยทำอะไรเขา ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเสียด้วยซ้ำ
“คนอย่างเธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ” เขาเยาะ เธอได้แต่เม้มปาก เขาพูดแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยจากเขา
“ดิฉันไม่รู้หรอกค่ะ”
“คนเรามักไม่เห็นความผิดของตัวเอง”
“ก็บอกมาสิคะ” เธอหันไปมองเขานิดหนึ่งก่อนจะเสมองออกไปนอกรถ พอถึงบ้านเธอก็อยากหนีเขาขึ้นห้อง แต่สิ่งที่ต้องทำคือเก็บข้าวของตามเขาไปที่ไร่ในวันนี้ เขาบอกมารดาของเธอว่าจะออกเดินทางเลย อยากให้เธอไปเที่ยวชมไร่จึงอยากให้เดินทางพร้อมกันกับเขา
ภายใต้คำว่าเที่ยวชมไร่เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้คิดจะพาเธอไปเที่ยวชมแต่ในหัวคงมีแต่เรื่องอยากกลั่นแกล้ง