2
เธอมองร้านก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าแล้วถอนใจพรืด ยอมรับว่าตัวเองไม่เคยกินอาหารข้างทางแบบนี้มาก่อน แต่ในสถานะเช่นนี้เธอคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร แต่ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารริมถนนแต่เธอก็เห็นว่าเจ้าของร้านสะอาดใช้ได้ เลยปิดปากเงียบไม่บ่นอะไรออกมาให้เขาต้องรำคาญใจ
เริงฤทธิ์มองหญิงสาวตรงหน้านิ่ง อดแปลกใจเล็กน้อยที่เธอไม่โวยวายหรือปฏิเสธจะไปกินอาหารร้านหรูๆ ดังๆ แต่เขาคิดว่าเงินทำให้คนเปลี่ยนไปได้ เขาเคยรู้จักเธอด้วยความบังเอิญ เธอเป็นสาวไฮโซที่หักอกเพื่อนของน้องสาวเพื่อนของเขาอีกที จนทำให้อีกฝ่ายเสียผู้เสียคนคิดจะฆ่าตัวตาย เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้เธอจะเป็นหงส์ปีกหักยอมแต่งตัวมอซอและมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนนกับเขาแบบนี้
แต่นั่นก็ยอมรับว่าเขารู้จักเธอแค่ฝ่ายเดียว เธอเองไม่ได้รู้จักเขามาก่อน
เขาเป็นคนติดดินและกินง่ายอยู่ง่ายไม่ค่อยอะไรกับการกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนน หรือแม้แต่รถหาบเร่แผงลอย สงสารคนหาเช้ากินค่ำเสียด้วยซ้ำ เขาจึงไม่เคยดูถูกคนประเภทนี้
แต่คนประเภทที่เขาดูถูกคือคนที่ไม่มีจะกินแต่ยังจะชูคอเป็นคุณนายทำตัวเองว่ารวย
“เส้นเล็กหมูน้ำตกหนึ่งครับ” เขาหันไปสั่ง กนกรัตน์มองเมนูของร้านที่แปะหราอยู่ตรงหน้าก่อนจะสั่งบ้าง
“เอาเส้นหมี่ค่ะ” เธอพูดเสียงนุ่มอย่างสุภาพ ยอมรับว่าตัวเองเคยอยู่ในสังคมอีกระดับ แต่เมื่อรับรู้ว่ามารดาเป็นหนี้ เธอก็ไม่เคยทำตัวรวยอีกเลยเพราะรู้ว่าที่แล้วๆ มาคือเงินจากการกู้ยืม และถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยดูถูกคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า
พอก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ มาเสิร์ฟ เธอก็หยิบตะเกียบในกล่องตรงหน้ามาคีบเพื่อรับประทานเงียบๆ เริงฤทธิ์อดจะเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะๆ เสียไม่ได้ เขานึกหมิ่นแคลนเธออยู่ในใจว่าอีกฝ่ายทำได้เพื่อเงินขนาดนี้เชียวหรือ
“ตายแล้วนั่นรัตน์เหรอ” เสียงคุ้นเคยทำให้กนกรัตน์หันไปมอง เป็นนารีนั่นเอง เพื่อนร่วมห้องของเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่ารัตน์จะมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบนี้ แล้วนี่แต่งตัวอะไร ไม่เหมือนรัตน์ที่เราเคยรู้จักเลย” นารีหมั่นไส้และแอบอิจฉากนกรัตน์อยู่เงียบๆ มานานแล้วเพราะอีกฝ่ายทำตัวสวยดูดีอยู่ตลอดเวลา เลยมีผู้ชายมาชอบพอมากมาย เธอเลยไม่ได้ชอบกนกรัตน์นัก แม้อีกฝ่ายจะไม่เคยทำร้ายอะไรเธอมาก่อนก็ตามที
“แล้วนี่มากับใครล่ะ” นารีมองชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย หล่อเหลาแต่แต่งตัวมอซอไม่ต่างกัน ได้ยินเพื่อนๆ สมัยเรียนบอกว่ากนกรัตน์กำลังตกอับเป็นหนี้คงจริง เพราะการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมในอดีตกับตอนนี้แตกต่างกันลิบลับ
“ผมเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของเพื่อนคุณครับ” คำตอบของเริงฤทธิ์ทำให้กนกรัตน์เม้มปากเล็กน้อย
“เหรอคะ... ก็ดูเหมาะสมกันดีนะคะ” นารีพูดอย่างเหยียดๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัว
“ไปก่อนนะรัตน์ ขอให้โชคดีนะจ๊ะ แต่งงานเมื่อไหร่อย่าลืมแจกการ์ดให้เพื่อนๆ ด้วยแล้วกัน ใครๆ เขาก็ลุ้นกันใหญ่เลยจ้ะว่าใครจะได้เป็นเจ้าบ่าวผู้โชคดีของเธอ” คนพูดทิ้งนัยคำพูดเอาไว้ก่อนจะแอบเหยียดปากเล็กน้อย ข่าวนี้ต้องเม้าท์ให้กระจาย หล่อนเลยคลิ๊กเข้าไลน์กลุ่มนินทาอย่างสนุกปาก กนกรัตน์เม้มปากเล็กน้อยแต่เธอไม่ได้สนใจคนประเภทนี้ และไม่คิดจะคบค้าสมาคมด้วย คบไปก็เสียเวลาเปล่าๆ คนบางคนมีปากเอาไว้แค่พูดจริงๆ
“เพื่อนเธอนี่ดูแล้วชอบเหยียดคนอื่นเหมือนกันนะ” เขาวิจารณ์
“ไม่ทราบสิคะ ไม่ได้สนิทกัน”
“แต่ดูๆ ไปเมื่อก่อนเธอคงนิสัยไม่ดี เลยไม่มีเพื่อนคนไหนอยากคบ”
“แค่เพื่อนร่วมชั้นค่ะ เลยไม่ได้สนิท” เธออธิบายเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดแดกดันของเขา
“แล้วเธอมีคนคบด้วยเหรอ” เขายังหาเรื่อง
“ไม่มีหรอกค่ะ” เธอตอบแบบกำปั้นทุบดิน เขาต้องการประโยคนี้ใช่ไหม เธอก็เลยตอบให้สมใจเขา
“ก็ว่าอยู่นิสัยแบบเธอจะมีใครคบ”
กนกรัตน์ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาอยากจะพูดอะไรก็ให้พูดไป เธอไม่อยากใส่ใจ
“พี่ซื้อพวงมาลัยหนูหน่อยครับ” เด็กน้อยที่เดินมาขายพวงมาลัยที่โต๊ะทำให้กนกรัตน์มองอย่างสงสาร เธอควักเงินออกมาซื้อพวงมาลัยพวงนั้นอย่างเวทนาเด็กน้อย เป็นเด็กแทนที่จะได้เรียนหนังสือกลับต้องมาทำงานแบบนี้