บทที่ 4
พอทุกอย่างผ่านไปช่างภาพทุกคนก็เก็บของออกจากห้อง ทิ้งไว้แค่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
"คุณทำอะไร!! มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? " เธอหมายถึงตอนที่เขาจูบปากเธอ เพราะตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ตั้งตัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไร
"ได้ข่าวว่าเงินที่ได้รับไปไม่ใช่น้อยน้อยเลยหนิ ช่วยทำให้มันสมบทบาทหน่อยได้ไหม"
"แต่สิ่งที่ฉันแลกกับเงินของคุณ มันก็มีค่ามากเหมือนกัน คุณจะมาดูถูกฉันแบบนี้ไม่ได้! "
"ถ้าเธอไม่ต้องการ ก็ยกเลิกได้เลยนะ เพราะมีคนอีกตั้งมากที่ต้องการทำแบบเธอ จะยกเลิกเลยดีไหม"
"ไม่ค่ะ!! " หญิงสาวได้ยินเขาพูดแบบนั้นเธอถึงกับตกใจเพราะคนที่ร่ำรวยเหมือนพวกเขาจะหาคนมาเปลี่ยนไตให้พ่อคงไม่ยาก แต่เธอสิมีแค่ทางนี้ทางเดียวที่จะช่วยน้องชายของเธอได้
"ถ้าไม่ก็ช่วยหุบปาก! พูดอะไรนักหนาเบื่อจะฟัง" พอเขาพูดจบประโยคก็เดินออกจากห้องวีไอพีไป
ปลายฝนได้แต่มองตามหลังเขาไป
"ก็คุณรวยล้นฟ้า คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตคนจนแบบฉันต้องทุกข์ใจขนาดไหน น้องชายฉันก็นอนรอผ่าตัดอยู่ในห้องถ้ายกเลิกตอนนี้ทุกอย่างก็จบ" เธอพูดคนเดียวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา
แล้วหญิงสาวก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออก เพื่อที่จะไปหายายที่หน้าห้องผ่าตัดของน้องชาย
...ห้องผ่าตัด...
"น้องเริ่มผ่าตัดนานหรือยังคะยาย"
"ชั่วโมงกว่าได้แล้วล่ะลูก"
"แล้วคุณหมอบอกว่ายังไงคะน้องมีสิทธิ์จะหายใช่ไหมจ๊ะยาย"
"หมอบอกว่าจะออกมาบอกผลหลังผ่าตัด หนูทำใจดีๆ ไว้นะลูกยังไงน้องก็ต้องหายแล้วกลับไปเรียนต่อ"
ต้นหนาวเรียนอยู่ม.5 วันที่ประสบอุบัติเหตุ น้องไปดื่มฉลองวันเกิดของเพื่อน มอเตอร์ไซค์คันที่ขับก็ยืมเพื่อนขับออกมาคนเดียว
ตอนนี้ปลายฝนภาวนาให้พ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์ช่วยให้การผ่าตัดนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะเธอแลกมันมาด้วยชีวิตของเธอเหมือนกัน
หกชั่วโมงผ่านไป~
ไฟที่ห้องผ่าตัดของน้องชายเธอถูกปิดลง สักพักก็มีหมอและพยาบาลเดินออกมา
"คุณหมอคะ น้องชายฉันเป็นยังไงบ้าง" หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหา
"การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีครับ ต้องอยู่ที่คนป่วยแล้วครับ ถ้าเขาตั้งใจกายภาพบำบัดไม่นานก็จะหาย"
"ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ" หญิงสาวดีใจมากเธอรีบหันมากอดผู้เป็นยายที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
"สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม" ยายพูดพร้อมกับใช้มือลูบที่ผมของหลานสาวเบาๆ
"ใช่จ๊ะยาย ปลายดีใจมาก"
19 : 00 น.
"คุณผู้หญิงให้มารับคุณไปที่บ้าน"
"ต้องไปวันนี้เลยเหรอคะ น้องชายฉันเพิ่งผ่าตัดเสร็จฉันขออยู่ดูแลเขาสักคืนก่อนได้ไหม"
"เดี๋ยวยายจะเป็นคนดูแลต้นหนาวเอง ปลายฝนไปเถอะลูก"
"ยายก็ต้องพักผ่อนด้วยนะคะ เดี๋ยวไม่สบายอีกคนแย่เลย"
ปลายฝนไม่อาจจะปฏิเสธได้เธอก็เลยต้องได้ไปตามคำสั่งนั้น
[ คฤหาสน์หรูของตระกูลอัครเมธี ]
แล้วรถก็มาจอดที่หน้าบ้านของผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วย เธอมองดูบ้านหลังใหญ่โตเนื้อที่กว้างขวาง ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ เพราะมันคนละชนชั้นกับเธอเลยเธอถึงไม่เคยใฝ่ฝันหา
"สวัสดีค่ะคุณป้า" พอเธอเดินเข้ามาก็พบธิมาภรณ์นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
"ต่อไปไม่ต้องเรียกป้าแล้วนะ ให้เรียกแม่ให้ชินปากเข้าไว้"
"ค่ะคุณแม่"
"แม่ให้คนเตรียมเสื้อผ้าและข้าวของที่หนูต้องใช้ ไว้บนห้องนอนแล้วนะ หนูใช้ได้ทุกอย่าง เพราะหนูคือสะใภ้ของบ้านหลังนี้ต้องทำให้สมฐานะหน่อย"
พอคุยกันเสร็จปลายฝนก็ขอตัวขึ้นห้อง เพราะเธอไม่กล้าจะร่วมโต๊ะอาหารกับท่าน
พอขึ้นมาถึงบนห้อง มันก็ทำให้เธอตะลึงยิ่งกว่าเดิมเพราะรูปภาพแต่งงานของเธอ ติดอยู่เกือบทุกมุมของห้อง หัวโต๊ะหัวเตียงมีทุกจุด
แล้วหญิงสาวก็หยิบใบทะเบียนสมรสที่เข้ากรอบวางไว้ตรงมุมตู้โชว์ของห้องขึ้นมาดู
นายทิวา อัครเมธี
นางปลายฝน อัครเมธี
"มันก็เป็นแค่วิวาห์จำแลงทำไมต้องตื่นเต้นด้วย และสิ่งของในห้องนี้มันก็เป็นเพียงแค่ฉากหนึ่งของเรื่องเท่านั้นเอง" น้ำเสียงของหญิงสาวดูเศร้ามาก เธอไม่ได้ตื่นเต้นกับทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเลย เพราะเธอรู้ว่ามันคือฉากที่พวกเขาจัดขึ้นมา
หญิงสาวลืมสังเกตว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเธออยู่แค่คนเดียว
แต่มีอีกคนที่นั่งอยู่อีกมุมนึง และได้ยินที่เธอพูดทุกอย่าง
"ดีแล้วล่ะที่เธอคิดได้แบบนั้น วิวาห์จำแลงงั้นเหรอ ฉันชอบนะชื่อนี้น่ะ"
"คุณ!! "
ใบทะเบียนสมรสที่อยู่ในมือของเธอเกือบจะหล่นลงพื้นถ้าทิวาไม่รีบมารับไว้ก่อน
"จะตกใจอะไรนักหนา! "
"ทำไมคุณอยู่ในห้องนี้??"
"ก็ห้องนี้เป็นห้องนอนของฉัน"
"เราแค่แต่งงานกันหลอกๆ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องอยู่ห้องเดียวกันด้วย"
"หึ!! ใครเขาอยากจะอยู่ห้องเดียวกับเธอถ้าฉันไม่ถูกบังคับ เธอห้ามยุ่งเกี่ยวกับเตียงนอนของฉันรวมทั้งข้าวของทุกชิ้นของฉันในห้องนี้"
"แล้วจะให้ฉันนอนยังไง"
"ก็โซฟาไง ถ้างั้นก็นอนพื้นไปสิ"
"สุภาพบุรุษจังเลยนะ" เธอพูดเบา ๆ เพราะไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเขาอีกแล้ว