8 เผลอใจ
“ผมขอโทษนะมัดหมี่ คุณเจ็บมากไหม” ภาคินตกใจเพราะไม่ทันได้สังเกตว่าปลายอีกข้างหนึ่งของกระเบื้องมันแหลมมาก เขาจับมือหญิงสาวขึ้นมาแล้วล้วงไปยังกระเป๋ากางกางเอาผ้าเช็ดหน้ากดปลายนิ้วไว้
“นิดเดียวเองบอสไม่น่าเอาผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลยนะคะ” เธอรู้สึกแปลกๆ อีกทั้งหัวใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เมื่อเขายังจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งที่เคยใกล้ชิดกันมานานเกือบสามปีแต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นวันนี้มันต่างออกไป
“ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดด้วยที่ไม่ดูดี” เขาพูดพลางมองหน้าเลขาที่เหมือนเธอกำลังอายจึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้น
ภาคินไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาตัวเองมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เคยมองในมุมนี้มาก่อน เขามองแค่เธอเป็นเลขาที่ทำงานหนักข้างกันมาตลอดจนลืมคิดไปว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งสาว สวยและยังทำงานเก่งแบบนี้น่าจะเข้าเกณฑ์ที่มารดาตั้งไว้
“เลือดน่าจะหยุดแล้วค่ะบอส”
“ไหนดูสิ” เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกช้าๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือพอเห็นว่าปลายนิ้วเลือดหยุดไหลแล้วก็โล่งใจ
“หยุดแล้วจริงๆ ค่ะบอส"
“ผมว่าเปิดน้ำล้างแผลหน่อยดีไหม เดี๋ยวค่อยไปทำแผลที่โรงพยาบาล”
“บอสคะ แผลแค่นี้จะไปโรงพยาบาลทำไมคะ ให้หมอกับพยาบาลเขาดูแลคนที่เจ็บมากๆ เถอะค่ะ ในกระเป๋ามัดหมี่มีพลาสเตอร์ยาเดี๋ยวล้างแผลแล้วเอาพลาสเตอร์ปิดไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
พลอยลลินณ์เดินไปเปิดน้ำที่สนามหน้าบ้านล้างแผลจากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาเช็ดจนแห้งก่อนจะหยิบพลาสเตอร์ยาในกระเป๋าขึ้นมา
“ผมช่วยนะ คุณทำเองคงไม่ถนัด” ภาคินหยิบพลาสเตอร์จากมือของหญิงสาวก่อนจะแกะออกแล้วปิดไปบนปลายนิ้วอย่างเบามือ
“ขอบคุณค่ะบอส”
ภาคินพยักหน้าจากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในรถ เขาบอกให้พลอยลลินณ์โทรศัพท์ไปตามหัวหน้าวิศวกรและโฟร์แมนมาเจอเขาที่สำนักงานขาย
พอมาถึงก็นั่งรออยู่ไม่ถึง 10 นาทีคนที่ต้องการคุยด้วยก็พากันเดินเข้ามา
“ผมนึกว่าคุณภาคินกลับไปแล้วนะครับ" หัวหน้าวิศวกรถามอย่างแปลกใจ
“ผมกลับไปจากหน้าโครงการก็จริง แต่บังเอิญมีคนบอกผมว่าบ้านที่อยู่ท้ายโคงการมีปัญหาผมก็เลยลองเข้าไปดู”
ปรีชาที่เหมือนจะรู้ว่าเรื่องที่ตนผิดไว้ถูกเปิดเผยแล้ว เขาหน้าซีดเหงื่อตก
“มีอะไรจะพูดกับผมไหมคุณปรีชา”
คนถูกถามยังนิ่งเขาไม่รู้ว่าเรื่องที่ภาคินพูดนั้นหมายถึงเรื่องกระเบื้องที่แตกหรือเปล่าเลยเลือกที่จะนิ่งเพื่อให้อีกฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ผมรู้เรื่องกระเบื้องแตกแล้ว”
“ใครเป็นคนบอกคุณครับ” ปรีชาถามด้วยความตกใจ
“คุณไม่ต้องรู้หรอกครับว่าใครเป็นคนบอกแต่ผมอยากจะรู้ว่าเหตุมันเกิดจากอะไร”
“ช่วงนี้อากาศมันร้อนครับกระเบื้องมันก็เลยแตก”
“แต่ผมว่าถ้าเราใช้วัสดุที่ดี ยาแนวได้มาตรฐานใช้ปูนกาวให้เต็มแผ่นกระเบื้องปัญหานี้ไม่น่าจะเกิด”
ภาคินมองหน้าแต่ละคนอย่างพิจารณาหัวหน้าคนงานดูร้อนรนกว่าใครชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น
“คุณเป็นหัวหน้าคนงานใช่ไหม”
“ผมอยากรู้ว่าเพราะอะไรลูกน้องคุณถึงได้ปูกาวไม่เต็มแผ่น”
“เอ่อคือ...”
“ผมรู้คุณอึดอัดที่จะคุยเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันที่อื่นไหม"
“ไม่ต้องหรอกครับคุณภาคิน เรื่องนี้ผมเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำเอง” คุณปรีชารีบออกหน้ารับ
“คุณทำอย่างนั้นทำไมละ”
“ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วผมเองก็อึดอัดเหมือนกันที่ต้องทำงานแบบนี้”
คุณปรีชาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะบอกทุกอย่างกับคุณภาคินเพราะไม่วันใดวันหนึ่งเรื่องที่ซุกไว้ก็อาจจะแดงขึ้น เขาสารภาพว่าบ้านสี่หลังสุดท้ายไม่ใช่แค่กระเบื้องที่มีปัญหาแต่วัสดุทุกอย่างถูกเปลี่ยนเป็นเกรดที่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้โดยคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือคุณสุวิจักขณ์เป็นคนสั่งให้ทำ
นอกจากเรื่องวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานแล้วยังมีเรื่องการแอบขายวัสดุที่ได้มาตรฐานแล้วเอาเงินไปซื้อของที่คุณภาพต่ำมาใช้แทนอีกด้วย
กว่าเรื่องวุ่นๆ จะจบลงก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นภาคินและพลอยลลินณ์ต่างพากันเหนื่อยล้า แต่ก็โล่งใจที่ปัญหาทุกอย่างแก้ไขไปได้ เมื่อรู้แล้วว่าคนที่เป็นตัวการสำคัญในเรื่องนี้คือใครเขาก็พอจะยิ้มออกเพราะมันคงไม่ยากที่เขาจะจัดการได้
“แล้วเรื่องที่บริษัทบอสจะเอายังไงต่อคะ” พลอยลลินณ์ถามระหว่างนั่งรถออกมาจากโครงการ
“ผมว่ากลับจากญี่ปุ่นจะลองเรียกคุณสุวิจักขณ์ไปคุยดูก่อน ถ้าเขาไม่ยอมรับก็คงต้องเอาหลักฐานมาคุยกัน”
“มัดหมี่คิดว่าหลักฐานที่เราได้มามันมากพอที่จะเอาเขาเข้าคุกได้เลยนะคะบอส"
“แต่ผมอยากให้โอกาสเขาก่อน เขาทำงานกับเรามานานตั้งแต่สมัยคุณพ่อ แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับก็คงต้องให้ทนายของบริษัทจัดการ ผมต้องขอบคุณมัดหมี่มากๆ เลยนะ ถ้าไม่ได้ความช่างสังเกตของคุณผมก็คงโดนเขาโกงไปอีกนาน”
“คนที่บอสควรจะขอบคุณน่าจะเป็นพี่รปภ. มากกว่านะคะ”
“นั่นสิถ้าไม่ได้เขาเราคงแย่ วันนี้เราก็ยุ่งจนไมีมีเวลาเจอเขา"
"วันนี่พี่เขาหยุดค่ะ บอสคะแล้วแบบนี้เขาจะทำงานที่นี่ต่อไปได้ไหมมัดหมี่กลัวว่าเขาจะมีปัญหา”
“ผมก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ผมว่าจะเราน่าจะติดต่อไปที่บริษัทเขาแล้วให้ย้ายรปภ.คนนี้ไปทำงานโครงการอื่นของเรา แต่เวลานี่บริษัทเขาน่าจะปิดแล้ว”
“มัดหมี่มีเบอร์ของหัวหน้ารปภ.ค่ะ”
“ผมฝากคุณจัดการด้วยนะ”
พลอยลลินณ์โทรศัพท์ไปบคุยกับหัวหน้ารปภ. ว่าที่บริษัทของเธอมีปัญหานิดหน่อยแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดมากเพราะมันเป็นความลับของบริษัท และอยากให้ย้ายพี่รปภ.ไปทำงานที่โครงการ อื่นโดยย้ำว่าพี่รปภ.ไม่มีความผิดแต่ที่ต้องย้ายเพราะกลัวจะได้รับอันตราย หัวหน้ารปภ.พอจะเข้าใจถึงปัญหาเขาจึงรับปากจะย้ายให้ตามที่เธอขอ
“เรียบร้อยค่ะบอส”
“ผมนึกไม่ออกเลยว่าเรื่องพวกนี้ผมจะจัดการคนเดียวได้ยังไง”
“เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยค่ะมัดหมี่เลยแก้ปัญหาได้ ส่วนบอสก็มีหน้าที่แก้ปัญหาใหญ่ๆ”
“แต่ผมว่าเรื่องเล็กๆ พวกนี้ถ้ารวมกันมันก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกันนะ สงสัยว่าสิ้นปีนี้คงต้องให้โบนัสคุณเพิ่มแล้วล่ะ จริงสิผมว่าต้องให้รางวัลกับรปภ.ด้วย”
“มัดหมี่เห็นด้วยเรื่องรางวัลให้พี่รปภ.ค่ะ”
“ผมฝากคุณจัดการได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“วันนี้เราเหนื่อยกันมามากแล้วผมว่าไปหาอะไรกินหน่อยดีไหม”
“บอสไม่รีบไปพักเหรอคะ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีก”
“ไม่รีบนะ ผมไปพรุ่งนี้เช้ายังไงคืนนี้ก็ได้นอนพัก”
“มัดหมี่ว่าช่วงนี้บอสทำงานหนักมากนะคงเหนื่อยแย่”
“คุณก็ทำงานหนักไม่ต่างจากผมหรอกนะมัดหมี่ แล้วหยุดสี่วันมีแพลนจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า”
“ไหมไม่หรอกค่ะ มัดหมี่รับงานรีวิวไว้หลายตัวเลยค่ะ ว่าจะถ่ายคลิปให้หมด”
“คุณขยันมากนะ”
“ก็ต้องขยันสิคะ มัดหมี่อยากใช้หนี้หมดเร็วๆ”
“ผมไม่ได้เร่งสักหน่อย”
“แต่มัดหมี่เกรงใจค่ะ ยิ่งบอสไม่คิดดอกมัดหมี่เลยอยากรีบให้หมดเร็วที่สุด”
“แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ”
“ไหวค่ะ สบายมาก”
“อยากได้ของฝากอะไรจากญี่ปุ่นไหม” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้พลอยลลินณ์ผ่อนคลายลงมาบ้าง
“ไม่ค่ะ บอสเที่ยวให้สนุกนะคะ”
“จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากไปเลย มัดหมี่ก็เห็นนี่ว่างานเรายุ่งมากแค่ไหน”
“บอสค่ะอย่าหาว่ามัดหมี่สอนเลยนะ ถึงบอสจะเหนื่อยจะงานยุ่งยังไงเราก็ต้องแบ่งเวลาให้คนรักค่ะ”
“แต่คุณก็รู้นี่ว่าระหว่างผมกับว่านไม่ใช่คนรัก”
“แล้วกับคุณแก้วล่ะคะ”
“ก็ยังไม่ใช่เหมือนกัน ผมแค่ทำตามที่แม่ขอร้องบางทีผู้หญิงทั้งสองคนอาจจะไม่ใช่คนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วยจริงๆ ก็เป็นได้”
“แล้วผู้หญิงแบบไหนคะที่บอสคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตด้วย” จู่ๆ พลอยลลินณ์ก็อยากรู้สเปกผู้หญิงของเจ้านายทั้งที่ไม่เคยอยากรู้มาก่อน