4 ผู้ชายแบบที่ไม่ชอบ
พลอยลลินณ์มาทำงานก่อนเจ้านายเหมือนทุกวัน ขณะที่เข้าในลิฟต์ก็เจอกับเพื่อนร่วมงานอยู่หลายคน เธอยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรจนกระทั่งภายในลิฟต์เหลือแค่ตนเองกับชลธรพนักงานฝ่ายไอทีซึ่งเธอกับเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี
“พี่ธรมาเช้าเหมือนกันนะคะ”
“แต่ก็ไม่เช้าทุกวันเหมือนมัดหมี่หรอก เมื่อวานกว่าจะเลิกประชุมก็ดึกเช้านี้ก็ยังมาแต่เช้า”
“พี่ก็เหมือนกันแหละค่ะ ถ้าการประชุมไม่มีพี่อยู่ด้วยพวกเราแย่”
ในการประชุมใหญ่มักจะติดขัดอยู่บ้างเพราะผู้บริหารระดับสูงบางคนก็ไม่ค่อยถนัดใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีจึงต้องรออยู่หน้าห้องจนกว่าการประชุมจะจบลง เมื่อคืนชลธรก็อยู่รอจบการประชุมจบเหมือนอย่างทุกครั้ง
“แต่มันก็ดีกับคนโสดอย่างเรานะ”
“ดียังไงคะ” หญิงสาวเดินตามเขาออกมานอกลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ตัวเองทำงาน
“เราเลิกงานดึกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรออยู่ที่บ้าน”
“ข้อนี้มัดหมี่เห็นด้วยค่ะ อีกข้อที่พี่ธรลืมพูดก็คือเงินโอทีที่จะเข้ากระเป๋าเราด้วยนะคะ”
“นั่นเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย”
พลอยลลินณ์และชลธรหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันจากนั้นทั้งสองก็แยกไปทำงาน
โต๊ะทำงานของหญิงสาวตั้งอยู่หน้าห้องของภาคิน ข้างๆ กันเป็นของพี่สุรีย์ผู้ช่วยเรื่องเอกสารซึ่งทำงานที่นี่มาก่อนเธอหลายปี
เธอนั่งทำงานไม่ทำงานไปได้ไม่นานพี่สุรีย์ก็ขึ้นมาพร้อมกับกล่องอาหารว่างของเจ้านาย ที่หญิงสาวรุ่นพี่แวะเอามาจากร้านที่อยู่ข้างๆ ตึก
“สวัสดีค่ะพี่สุ” พลอยลลินณ์ยกมือไหวรุ่นพี่ก่อนจะลุกไปช่วยถือของแล้วเอาไปเก็บที่ห้องพักเบรกที่ด้านในสุด เธอดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงเจ้านายจึงจะมาทำงานเลยยังไม่ชงกาแฟให้เขา
“มัดหมี่มาชงกาแฟให้บอสเหรอ”
“เปล่าจ้ะ เราเอาของว่างมาเก็บ แล้วฝ้ายล่ะคงไม่มาชงกาแฟคุณสุวิจักขณ์แต่เช้าหรอกนะ เขาคงยังไม่มาทำงาน” เพราะรู้นิสัยของคุณสุวิจักขณ์ว่ากว่าจะเข้างานก็เกือบจะถึงเวลาพักเที่ยงพลอยลลินณ์เลยอดถามไม่ได้
“เดาผิดแล้วแหละมัดหมี่ วันนี้คุณสุวิจักขณ์เข้ามาบริษัทก่อนที่ฝ้ายจะมาอีกนะ” ฝ้ายหรือพรนภาเลขาของคุณสุวิจักขณ์ตอบอีกฝ่าย
“โอ้โหเป็นไปได้ยังไงนี่ปกติเขาไม่เคยมาเวลานี้”
“ฝ้ายเองก็แปลกใจเหมือนกันช่วงนี้เขามาบริษัทแต่เช้าแล้วยังดูอารมณ์ดีกว่าปกติด้วยนะ”
“เหมือนได้เจ้านายใหม่เลยนะ” พลอยลลินณ์เคยได้ยินมาคุณสุวิจักขณ์มักจะหงุดหงิดใส่ลูกน้องอยู่บ่อยๆ
“ฝ้ายก็คิดเหมือนมัดหมี่นั่นแหละ ตอนกลางวันเขาก็สั่งอาหารมาเลี้ยงลูกน้องบางครั้งก็ยังให้เงินพวกฝ้ายไปกินข้าวด้วยกันตอนเย็นอีกไม่รู้ว่าไปรวยมาจากไหน”
คำพูดของพรนภาสะกิดใจพลอยลลินณ์เพราะคิดว่าที่เขาอารมณ์ดีแบบนั้นอาจจะมาจากเรื่องเธอและภาคินสงสัยเมื่อคืนก็เป็นได้
“ฝ้ายไปก่อนนะ มีอะไรเดี๋ยวจะมาเม้าท์ต่อ”
“จ้ะ”
เมื่อฝ้ายเดินออกไปแล้วพลอยลลินณ์ก็คิดหนักเธอไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้จะให้เจ้านายของตนเองฟังหรือเปล่า ขณะกำลังลังเลอยู่นั้นพี่สุรีย์เดินมาตาม
“บอสมาแล้วนะมัดหมี่”
“มาเร็วจัง” พลอยลลินณ์รีบชงกาแฟและจัดแซนด์วิชใส่จานก่อนจะนำไปให้กับเจ้านายเหมือนกับทุกวัน
“กาแฟมาแล้วบอสค่ะบอส” พลอยลลินณ์วางกาแฟและของว่างลงบนหน้าบอสหนุ่มจากนั้นก็หยิบแฟ้มเอกสารและเตรียมจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวสิมัดหมี่ผมมีเรื่องให้คุณช่วยหน่อย”
“จะให้มัดหมี่ทำอะไรคะ”
“ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นแล้วก็จองที่พักให้ผมกับว่านด้วยนะ”
“บอสจะไปเมืองไหนแล้วเดินทางเมื่อไหร่คะ"
“วันมะรืน ค้างที่นั่นสามคืนผม ส่วนไปเมืองไหนคุณลองโทรถามว่านอีกทีก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
“อ้อแล้วยังไงเย็นนี้ช่วยจองร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆ ให้หน่อยนะ”
“ได้ค่ะให้มัดหมี่เตรียมดอกไม้ให้คุณว่านด้วยไหมคะ”
“ผมไม่ได้จะไปกับว่านแล้วก็ห้ามบอกว่าเรื่องนี้กับว่าน ส่วนเรื่องดอกไม้คุณก็เตรียมให้ช่อหนึ่งก็ดีเหมือนกัน”
“ขอโทษนะคะบอส มัดหมี่ต้องถามว่าบอสจะไปกับใครอายุเท่าไหร่จะได้เตรียมดอกไม้ถูกค่ะ”
“ผมจะไปกับผู้หญิงที่แม่แนะนำให้น่ะ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับคุณละมั้ง ยังไงฝากมัดหมี่ช่วยจัดการให้หน่อยได้ไหม"
“ได้ค่ะบอส เดี๋ยวมัดหมี่จะจัดการให้ค่ะ” พลอยลลิลณ์รับปากบอสหนุ่มก่อนจะออกมาจากห้องและจัดการตามที่เขาสั่ง หญิงสาวรู้สึกว่าบอสของตนเองแปลกไป เพราะปกติแล้วภาคินจะคบผู้หญิงทีละคน แต่ครั้งนี้เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งไปทานอาหารเย็นแต่กลับจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวไปเที่ยวกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
พลอยลลินณ์ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้เลยเธอรู้สึกผิดหวังกับเจ้านายหนุ่มเป็นอย่างมาก ที่เห็นเขาคบผู้หญิงทีละสองคนแบบนี้ แต่ในเมื่อเธอเป็นลูกน้องเธอก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย หวังก็แต่ว่าเรื่องนี้คุณว่านจะไม่รู้และมาอาละวาดถึงที่บริษัท เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่จะอยู่รับหน้าไม่ใช่บอสหนุ่มแต่มันเป็นตัวเธอเองที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้