13 อย่ายุ่งกับคนของผม
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”
“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ
“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”
“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น
“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย
“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”
“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป
“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”
“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้
“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”
“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับไปเถอะหรืออยากจะเป็นข่าวดังว่านางแบบสาวถูกรปภ.ลากออกจากบริษัทใหญ่เพราะบุกมาทำร้ายร่างกายคนอื่น”
“มันจะไม่ไปใจร้ายไปหน่อยเหรอคะ”
“ผมว่าผมใจดีที่สุดแล้วนะ”
“คุณภาคินคะเราเคยคบกันมาก่อน ว่านว่าเราน่าจะคุยกันดีๆ ได้” วาริสายังไม่ยอมถอดใจเธอต้องง้อเขาอย่างที่สุดเพื่อให้เขากลับมาเป็นของเธออีกครั้ง
“ตอนแรกผมคิดว่าระหว่างเราน่าจะยังคงเป็นเพื่อนกันได้ แต่คุณมาทำร้ายคนของผมแบบนี้ แม้แต่เพื่อนคุณก็จะไม่ได้จากผมนะ”
“แต่ว่านอยากอธิบายเรื่องนั้น”
“คุณควรออกไปก่อนที่จะผมจะโมโหมากกว่านี้ อ้อ ก่อนออกไปอย่าลืมขอโทษมัดหมี่ด้วย”
“ก็เลขาคุณมายั่วโมโหว่านเอง ว่านจะต้องขอโทษทำไม”
“ผมทำงานกับมัดหมี่มาสามปีเธอไม่เคยมีนิสัยอย่างนั้น แต่ถึงแม้มัดหมี่จะยั่วโมโหคุณมากแค่ไหนคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเธอ”
“ว่านไม่ได้ทำร้ายเลยนะคะมันก็แค่...” วาริสาพยายามจะพูดแก้ตัวแต่ภาคินก็พูดสวนขึ้นมาก่อน
“แล้วถ้าผมเอาน้ำส้มราดหัวคุณบ้างล่ะ คุณจะรู้สึกยังไง”
“ฉันขอโทษนะมัดหมี่” วาริสากระแทกเสียงใส่จากนั้นก็รีบเปิดประตูออกจากห้องไป
“เป็นยังไงบ้างมัดหมี่ เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า” ภาคินหันมาถามเลขาที่ตอนนี้เปียกตั้งแต่ศีรษะมาถึงหน้าอก
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ ก็มีเท่าที่บอสเห็น”
“เธอจะตอบผมตรงๆ หรือจะให้ผมไปดูกล้องวงจรปิดล่ะ”
“เอ่อคือ....” พลอยลลินณ์อึดอัดเพราะไม่รู้จะบอกกับเจ้านายยังไงเนื่องจากผู้หญิงคนที่เดินออกไปเมื่อครู่ก็เป็นคนที่เจ้านายคบอยู่
“ถ้าคุณยังเห็นว่าผมเป็นเจ้านายก็บอกความจริงมา แล้วไม่ต้องคิดเลยนะว่าผมจะปกป้องว่านเพราะตอนนี้ผมกับเขาเลิกกันแล้ว”
เมื่อได้ยินว่าเขาเลิกกันแล้วพลอยลลินณ์ก็โล่งใจก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นให้กับเจ้านายฟัง
“คุณว่านเธอมาหาบอสแต่พอไม่เจอ ก็ให้มัดหมี่โทรหาค่ะ แต่พอบอสวางสายไปเธอก็พยายามโทรอีก พอโทรไม่ติดเลยโมโห เธอขว้างโทรศัพท์ลงพื้นจากนั้น ก็อย่างที่บอสเห็น”
“ผมขอโทษแทนเธอด้วยนะ”
“จะขอโทษทำไมคะบอสไม่ได้ผิดอะไรเลย”
“ผมว่าวันนี้คุณเลิกงานเลยก็ได้ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วเอาเสื้อผมคลุมไปก่อน” ภาคินถอดสูทตัวนอกของตนส่งให้เพราะวันนี้พลอยลลินณ์ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวรอยเปื้อนมันเลยเห็นชัด
“ขอบคุณค่ะบอส” พลอยลลินณ์รับเสื้อสูทตัวมาจากนั้นเธอก็เดินไปห้องน้ำพอกลับออกมาก็เห็นว่าตอนนี้เจ้านายยืนรออยู่แล้ว
“บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไหนๆ วันนี้เราก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ผมว่าคุณเลิกงานได้เลย เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ มัดหมี่กลับเองดีกว่า ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของบอสค่ะ”
“จะกลับแท็กซี่หรือรถเมล์ล่ะ สภาพแบบนี้ผมว่าคงได้เป็นเป้าสายตาแน่ๆ”
“มัดหมี่เกรงใจค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า รีบไปเก็บของเถอะเดี๋ยวผมจะวนรถมารับที่หน้าบริษัท”
“บอสคะ ไม่เอาแบบนั้นนะคะ มัดหมี่ว่าไปที่ลานจอดรถดีกว่า”
นับว่าโชคดีที่เรื่องทั้งหมดเกิดในเวลาพักกลางวันและพนักงานคนอื่นยังไม่กลับขึ้นมาบนออฟฟิศทำให้มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“คุณคงรู้แล้วสินะว่าตอนนี้ผมกับว่าเราเลิกกันแล้ว” ภาคินเปิดประเด็นขณะกำลังขับรถออกจากบริษัท
“มัดหมี่เพิ่งรู้เมื่อกี้ค่ะ ก่อนหน้านั้นคุณว่านไม่ได้บอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นคะ พอจะมีทางปรับความเข้าใจกันไหม”
“ผมกับว่านไม่มีทางกลับมาคบกันได้อีก”
“เรื่องมันร้ายแรงมากเลยเหรอคะ”
“สิ่งที่เธอทำมันให้อภัยไม่ได้ คุณอยากรู้ไหมล่ะว่าเธอทำอะไรกับผม”
“มัดหมี่ไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของบอสหรอกนะคะ แต่ถ้าบอสยากเล่ามัดหมี่ก็ยินดีฟัง”
“ผมไปส่งคุณที่คอนโดก่อนดีกว่านะ อาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยแล้วลงมาเจอผมที่ร้านกาแฟดีไหมล่ะ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ผมให้เวลาอาบน้ำสระผมครึ่งชั่วโมงนะ ผมจะรอที่ร้านกาแฟนะ”
“มัดหมี่ไม่ได้บังคับให้บอสเล่านะคะ มัดหมี่ก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าจะอึดอัดถ้าไม่ได้เล่าให้ใครฟัง” เธอรีบพูดออกไปแต่ที่จริงก็อยากจะรู้ว่าทำไมเขากับคคุณวาริสาถึงได้เลิกกัน
ภาคินจอดรถที่หน้าคอนโดของพลอนลลินณ์จากนั้นก็ขับเลยไปยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกล
เรื่องของเขากับวาริสาตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะบอกใคร แต่เมื่อเหตุการณ์มันเกิดแบบนี้ ภาคินเลยคิดว่าควรจะเล่าให้พลอยลลินณ์ฟัง เพราะเธอเองได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไปด้วย
ภาคินสั่งกาแฟสำหรับตัวเองหนึ่งแก้วจากนั้นก็นั่งทำงานผ่านแทปเล็ตพอเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่พลอยลลินณ์จะมาเขาก็สั่งเค้กและชาเขียวปั่นเพิ่มวิปครีมไว้รอหญิงสาว เพราะจำได้ว่าทุกครั้งที่เข้าร้านกาแฟหญิงสาวจะสั่งสองเมนูนี้เป็นประจำ
“มาแล้วค่ะบอสรอนานไหมคะ”
“ไม่นะ”
“ว้าว...มีชาเขียวกับเค้กด้วยของมัดหมี่ใช่ไหม”
“อืม กินสิถือว่าเป็นคำขอโทษจากผมก็แล้วกันนะ”
“มัดหมี่อยากให้บอสขอโทษมัดหมี่แบบนี้ทุกวันจังเลยค่ะ”
“คุณนี่เหมือนเด็กเลยนะเห็นของกินเป็นไม่ได้”
“ก็นี่มันของโปรดมัดหมี่ค่ะ อยากจะเล่าอะไรให้มัดหมี่ฟังเริ่มเลยค่ะ”
“ไม่กินก่อนเหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะกินไปฟังไปก็ได้ มันน่าจะเพลินดี”
“เรื่องของผมมันไม่ใช่ละครหรือเรื่องตลกนะที่คุณจะฟังไปเพลินไป”
“ขอโทษมัดหมี่ก็แค่อยากให้บอสยิ้ม เอาละค่ะเล่ามาได้เลยมัดหมี่พร้อมฟังแล้ว” พลอยลลินณ์นั่งตัวตรงอย่างตั้งใจฟัง
ภาคินมองหน้าและหัวเราะเบาๆ พลอยลลินณ์เป็นผู้หญิงที่มีหลายบุคลิกเวลาทำงานเธอจะจริงจังแต่นอกเวลาที่งานเธอก็ดูร่าเริงและทำให้เขายิ้มได้ มีหลายครั้งที่ชายหนุ่มมีปัญหาและคิดไม่ออกแต่พอได้คุยกับพลอยลลินณ์เธอก็ทำเขามองปัญหาอีกได้อีกหลายแง่มุม
ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่วาริสาแอบเอากล้องบันทึกภาพของเขาได้เธอให้กับพลอยลลินณ์ฟังยังไม่มีปิดบังเพราะรู้ดีว่าพลอยลลินณ์จะไม่มีทางเอาเรื่องของเขาไปเล่าให้คนอื่นฟัง
ตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยกันมาสามปีเธอเป็นคนที่เก็บความลับของเขาได้เป็นอย่างดี เรื่องที่เขาคบกับใครหรือนอนกับใครเธอก็เก็บเป็นความลับตลอด