12 เรื่องด่วน
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม
นาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่
หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโด
หลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิด
เธอเปิดคอมพิวเตอร์จากนั้นเปิดไฟล์สำคัญขึ้นมานั่งตรวจสอบแต่ยังทำได้ไม่ถึงไหนเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้นตรงหน้า
“สวัสดีค่ะ”
“มัดหมี่ผมขอกาแฟหน่อย”
“ได้ค่ะบอส” แม้จะแปลกใจที่เจ้านายมาทำงานแต่เช้าแต่หญิงสาวก็รีบไปชงกาแฟและเอาครัวซองต์เข้าไปให้เขาด้วย เพราะถ้าเขามาเช้าขนาดนี้คงยังไม่ได้ทานอะไรมาจากที่บ้าน
“กาแฟค่ะบอส เป็นยังไงบ้างคะเที่ยวญี่ปุ่นสนุกไหมคะ"
“ก็สนุกดี ผมซื้อของฝากมาให้คุณด้วยนะนั่นไง” เขาชี้ไปที่ถุงกระดาษหลายถุงที่วางเรียงกันอยู่
“ขอบคุณค่ะบอส”
“เครื่องสำอางนั่นของคุณส่วนช็อกโกแลตกับขนมก็เอาไปแบ่งกันกินนะ”
“ขอบคุณค่ะ” พลอยลลินณ์หยิบถุงกระดาษทั้งหมดขึ้นก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
หญิงสาวเธอนั่งทำงานอยู่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ค่ะบอส”
“มัดหมี่เข้ามาหาผมหน่อย” หญิงสาวรีบเปิดประตูเข้าไปเพราะคิดว่าเจ้านายน่าจะมีธุระรีบใช้งานเธอด่วน
“มาแล้วค่ะ บอสมีอะไรจะใช้มัดหมี่เหรอคะ”
“ผมแค่จะถามเรื่องความช่วยเหลือรปภ.ที่เราเคยคุยกันไว้”
“เรื่องนั้นมัดหมี่เช็คกับทางบริษัทรักษาความปลอดภัยแล้วค่ะ เขาย้ายพี่รปภ.ไปทำงานที่โครงการบ้านจัดสรรของบริษัทเราที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ”
“แล้วเรื่องรางวัลล่ะ”
“เรื่องนี้มัดหมี่กำลังอยากจะปรึกษาคุณอยู่พอดีเลย คือมัดหมี่มีเรื่องจะเสนอค่ะ”
“ลองว่ามาสิ”
“มัดหมี่คิดว่าถ้าให้เงินเขาจำนวนหนึ่งก็น่าจะดีแต่มีบางอย่างที่มันน่าจะยั่งยืนกว่านั้น”
“คุณหมายถึงอะไร”
“พี่รปภ. เขามีลูกค่ะ มัดหมี่ให้คนไปสืบมาแล้วลูกเขาเรียนเก่งมาก เราน่าจะให้ทุนการศึกษาเด็กนะคะ”
“แต่ปกติลูกของพนักงานก็ได้รับทุนการศึกษากันทุกคนไม่ใช่เหรอ”
“แต่พี่รปภ.พอเขาไม่ใช่พนักงานบริษัทเรานี่คะ”
“จริงสิผมเองก็ลืมสนิทเลย ถ้ายังไงคุณบอกฝ่ายบัญชีให้จัดการเรื่องนี้ด้วยนะ”
“เดี๋ยวมัดหมี่จะทำเอกสารมาให้บอสเซ็นนะคะ”
“ได้สิ แล้วช่วงสิบโมงคุณลองถามเลขาค่ะของคุณสุวิจักขณ์ด้วยนะว่าเขาพอจะมีเวลามาคุยกับเราหน่อยไหม บอกทนายของบริษัทด้วย ผมอยากให้การคุยมีคนกลางอยู่ด้วย”
“มัดหมี่จะลองติดต่อไปทางคุณสุวิจักขณ์ก่อนนะคะ ว่าสะดวกไหมส่วนเรื่องทนายมัดหมี่จะส่งเอกสารให้เขาช่วยดูก่อนบอสว่าดีไหม”
“อือ จัดการตามนั้นเลย”
“ค่ะบอส มันหมี่นัดที่ห้องประชุมเล็กนะคะ”
หญิงสาวออกมาจากห้องทำงานอีกครั้งและจัดการงานตามที่เจ้านายสั่งจนกระทั่งถึงเวลาสิบโมงเธอก็ถึงแฟ้มหลักฐานเดินตามเจ้านายไปยังห้องประชุมเล็ก
เมื่อเห็นหลักฐานตรงหน้าคุณสุวิจักขณ์ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำเพราะมีปัญหาเรื่องเงิน เขาขอโอกาสชายหนุ่มอีกครั้งและสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก
ภาคินปรึกษาเรื่องนี้กับบิดามาก่อนแล้วท่านบอกให้เขาเปิดโอกาสให้กับคุณสุวิจักขณ์อีกสักครั้ง แต่ก็ให้เขาเซ็นต์รับสภาพหนี้ที่ตนเองก่อไว้ก่อนละถ้ายังทำเรื่องแบบเดิมอีกทนายจะใช้กฎหมายจัดการกับเขาและภาคินจะเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมใหญ่เพื่อปลดเขาออกจากบอร์ดบริหาร
“ผมขอบคุณมากที่ให้โอกาส ผมสัญญาเลยว่าผมจะไม่ทำเรื่องนี้อีก” คุณสุวิจักขณ์รับปากอย่างหนักแน่นแต่ภายในใจรู้สึกโกรธและจะต้องหาทางเอาคืนให้ได้ คนที่เขาจะจัดการคนแรกก็น่าจะเป็นเลขาเพราะถ้าเธอไม่ช่างสังเกตเรื่องก็คงไม่บานปลายแบบนี้
หลังจากประชุมกับคุณสุวิจักขณ์เสร็จก็ถึงเวลาทานอาหารกลางวันพอดี
“มัดหมี่ช่วงบ่ายนี้ผมนัดกับใครหรือมีงานด่วนไหม”
“ไม่มีค่ะ บอสจะไปพักก็ได้นะคะเดินทางมาเหนื่อยๆ ถ้ามีเรื่องด่วนมัดหมี่จะโทรไปเอง”
“ขอบใจมากนะ”
ภาคินออกไปจากบริษัทแล้วพลอยลลินณ์ก็ลงไปทานข้าวกลางวันพอขึ้นมาถึงบนห้องก็พบว่าไฟในห้องของเจ้านายยังเปิดอยู่หญิงสาวจึงเปิดประตูเข้าไปเพื่อจะปิดไฟ
“อ้าวคุณว่าน สวัสดีค่ะ” พลอยลลินณ์ตกใจที่เห็นคู่ควงของเจ้านายนั่งหน้าบูดอยู่
“เธอมาก็ดีละโทรหาภาคินให้ฉันหน่อยสิ พอดีมือถือฉันแบตหมด”
“คุณนัดบอสไว้หรือเปล่าคะ”
“เธอก็รู้ว่าฉันเป็นอะไรกับเขา โทรบอกเขาว่าฉันมารออยู่ที่นี่และมีเรื่องด่วนจะคุยกับเขา” วาริสาสั่งอย่างวางอำนาจ
“ได้ค่ะคุณว่านรอสักครู่นะคะ” พลอยลลินณ์เดินออกมาจากห้องและใช้มือถือของตัวเองโทรไปหาเจ้านาย
“บอสคะ อยู่ไหนแล้วค่ะ”
“ผมเพิ่งออกมาได้ไม่ไกลมีเรื่องด่วนเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ”
“คุยทางโทศัพท์ได้ไหมล่ะ”
“คิดว่าคงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเรื่องด่วนที่ว่าคือตอนนี้คุณว่านมารอเจ้านายอยู่ที่ห้องทำงาน”
“บอกเธอไปว่าผมไม่ว่าง”
“แล้วบอสจะให้เธอเข้าพบอีกทีตอนไหนคะ”
“บอกเธอว่าผมจะติดต่อกลับไปเอง แค่นี้นะผมต้องขับรถ”
“ค่ะบอส”
พอวางสาวจากเจ้านายแล้วพลอยลลินณ์ก็เดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“ขอโทษนะคะคุณว่าน บอสไม่สะดวกเท่าไหร่ที่จะกลับมาตอนนี้ บอสบอกให้คุณกลับไปก่อนแล้วบอสจะติดต่อคุณอีกทีค่ะ” หญิงสาวบอกตามที่ได้รับคำสั่งมาจากเจ้านาย
“ยังไงฉันก็จะต้องเจอภาคินให้ได้”
“โทรตามเขาอีกโทรจนกว่าเขาจะเข้ามา”
“คุณว่านคะ คือมัดหมี่ว่าคุณมาวันหลังดีกว่าไหม”
“แต่ฉันอยากเจอเขาตอนนี้เอาโทรศัพท์เธอมาสิเดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง”
เพราะเห็นว่าวาริสาเป็นผู้หญิงของเจ้านายพลอยลลินณ์เลยส่งมือถือของตนเองให้
วาริสากดโทรออกไปยังเบอร์ที่บันทึกไว้ว่าบอสพอเขารับสายหญิงสาวก็รีีบพูดทันที
“ภาคินคะ ว่านมารอคุณที่นี่นานแล้วนะคะ กลับมาหาว่านก่อนได้ไหมว่านมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ผมบอกไปแล้วว่าเราไม่มีอะไรจะคุยกันอีกคุณกลับไปเถอะอย่ามาวุ่นวายในที่ทำงานของผม”
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณไม่มาว่านจะอาละวาดให้ทุกคนที่นี่รู้กันไปเลยว่าว่านเมียคุณ”
“ถ้าคุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงก็ลองทำดูสิ”
“อย่าท้านะคะ”
“คุณก็รู้ว่าในบริษัทมีแต่คนของผม แค่ผมบอกว่าใครเอาเรื่องของผมไปพูดจะโดนไล่ออกทุกคนก็กลัวจนหัวหดแล้ว แต่คุณมันก็แค่คนอื่น”
พอพูดจบภาคินก็กดวางสายทันที วาริสากดโทรออกอีกครั้งแต่เขาก็ตัดสายทิ้งหญิงสาวรู้สึกโมโหและเสียหน้ามาก
“คุณว่านใจเย็นนะคะ เดี๋ยวมัดหมี่จะลองติดต่อให้อีกที ระหว่างรอรับน้ำส้มเย็นๆ ก่อนดีไหมคะ”
“ก็ไปเอามาสิ”
พลอยลลินณ์เดินออกมาจากห้องของเจ้านายและรีบเทนำส้มใส่แก้วก่อนจะกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“น้ำส้มค่ะคุณว่าน”
วาริสาหยิบขึ้นมาดื่มขณะที่อีกมือก็พยายามกดโทรศัพท์ของพลอยลลินณ์เพื่อโทรไปหาภาคิน เมื่อติดต่อไม่ได้หญิงสาวก็โมโหและขว้างโทรศัพท์ลงพื้น
“คุณว่าน” พลอยลลินณ์รับวิ่งไปเก็บอย่างรวดเร็ว
“โทรศัพท์ถูกๆ เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ก็ได้”
“จะถูกหรือแพงคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำกับของคนอื่นแบบนี้ คุณต้องขอโทษมัดหมี่” พลอยลลินณ์มองหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
“ขอโทษเหรอได้สิ ฉันขอโทษนะมัดหมีที่ขว้างโทรศัพท์เธอลงพื้นและยังเอาน้ำส้มราดหัวเธออีก” พูดจบวาริสาเอาแก้วน้ำส้มราดไปบนศีรษะของพลอยลลินณ์เพื่อระบายอารมณ์ที่เจ้านายของเธอไม่ยอมกลับมาคุยด้วย
“คุณว่าน มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
“ขอโทษพอดีว่ามันหลุดมือน่ะ”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณตั้งใจ” เสียงเข้มดังขึ้นทำให้ทั้งสองรีบหันไปมอง
“บอส / ภาคิน”