บทที่ 4
เซเลน่ายืนตัวแข็งไปด้วยความตกใจกับแรงประทับแห่งจูบนั้น มันเป็นจูบที่เรียกร้องมากกว่าจะหักหาญ ด้วยความตระหนกตกใจที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ทําให้เธอเบี่ยงศีรษะหนีเสียจากริมฝีปากคู่นั้น ความโกรธพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย
คิ้วเข้ม ๆ เลิกสูงขึ้นอย่างหยันเยาะเต็มที่ เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ ๆ ก็เลื่อนลงมาทาบอยู่กับแผ่นหลัง รั้งสะโพกกับช่วงขาให้ประทับอยู่กับเรือนกาย เบื้องหลังแผงขนตาคือเปลวไฟอารมณ์ที่คุขึ้นในดวงตา
“นี่....คุณจะปล่อยฉันไปเสียทีได้ไหม” เธอร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
ขณะเดียวกัน เซเลน่าก็ดันไหล่เขาออก พยายามแข็งขืนตัวไว้อย่างสุดกําลัง แต่การทําเช่นนั้น กลับกลายเป็นว่าเนื้อตัวท่อนล่างทาบทับอยู่กับเรือนกายของเขามากขึ้นกว่าเดิม
ความไม่พอใจเริ่มแสดงออกในสีหน้า และริมฝีปากที่เครียดเคร่ง
“นี่....ฟังนะ ไอ้ลูกไม้ที่คุณกําลังเล่นอยู่นี่ ใช้ได้แต่เฉพาะกับลูกค้าเก่า ๆ เท่านั้นละน่า อย่ามาหลอกผมดีกว่า ไม่สําเร็จหรอก”
ปลายคางของเธอถูกเชยขึ้น และแล้วเขาก็ประทับริมฝีปากลง เซเลน่าไม่อาจจะหาทางป้องกันตนเองได้เลย ไม่อาจขยับเขยื้อนเนื้อตัวหรือเบี่ยงศีรษะหนีเสียจากเขาได้ ทั้งมือทั้งแขนถูกตรึงติดอยู่กับเรือนกายของเขา
เวลาผ่านไปเป็นครู่ เซเลน่าจึงเริ่มรู้สึกถึงอิทธิพลแห่งจูบนั้น มันเป็นประหนึ่งยาเสพติดที่ทําให้ประสาทมึนเมา กล้ามเนื้อที่เครียดเขม็งด้วยความรู้สึกต้านทานเริ่มคลายตัวลง ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ความมึนเมาที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อปลายนิ้วที่เชยคางอยู่ลดอาการบีบบังคับลงเซเลน่าต้องใช้กําลังใจอยู่มากที่จะถอนเรียวปากออก ซึ่งเขาก็ยินยอมแต่โดยดี ก่อนที่จะเลื่อนลงซุกไซ้อยู่กับช่วงลําคอเรียวระหง
ความรู้สึกกึ่งร้อนกึ่งหนาววูบวาบอยู่ทั่วเรือนกาย แต่ประสาทสัมผัสของเธอก็ไม่ถึงกับแข็งขึ้นเย็นชาไปเสียทั้งหมด ได้ยินเสียงซิปกระโปรงของตนเองที่ถูกรุดลงและเนื้อตัวที่ต้องละไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ขณะที่สายแขนเสื้อตัวนอกถูกปลดลงนั้นเซเลน่ารู้แล้วว่าเธอจะต้องเป็นฝ่ายสูญเสียโดยสิ้นเชิง นอกเสียจากเธอจะต้องทําอะไรบางอย่างลงไป และจะต้องอย่างรวดเร็วด้วย
เธอได้ทดสอบในพละกําลังของเขาแล้ว และรู้ดีว่าไม่มีทางที่จะสู้เขาได้เลย ตราบใดที่เขายังก้าวร้าวรุกรานเธออยู่เช่นนี้ เธอย่อมไม่มีหวัง ดังนั้นโอกาสรอดจึงมีอยู่เพียงทางเดียว คือคว่ำโต๊ะทิ้งในนาทีสุดท้าย
เธอสูดลมหายใจลึก รวบรวมความกล้าไว้ ความรู้สึกในยามนี้คละเคล้ากันอยู่ระหว่างความกลัว กับความตื่นเต้นในช่องทางที่ผ่านแวบเข้ามาในสมอง ฝ่ามือของเขาทาบทับอยู่กับช่วงไหล่ ปลดแขนเสื้อข้างที่เหลือลง
“ถ้าคุณทําเสื้อขาดจะต้องใช้นะ” เซเลน่าขู่
เขายืนนิ่งอยู่เป็นครู่ริมฝีปากทาบอยู่ตรงซอกคอเซเลน่ากลัวจนไม่กล้าหายใจ และแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้น รอยยิ้มอย่างพึงใจฉาบอยู่บนริมฝีปาก
ขณะนี้ร่างของเขาและเธอไม่ได้แนบชิดกันแล้ว แต่ฝ่ามือยังทาบทับอยู่บนช่วงไหล่ เซเลน่าตั้งใจแล้วว่าจะต้องหลอกล่อเขาให้ถึงที่สุด ดังนั้นจึงช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขา และเขาก็ค่อย ๆ ปลดสายเสื้อลงจากช่วงไหล่ด้วยกริยาที่นุ่มนวลขึ้น เสื้อชุดสีแดงเพลิงหลุดร่วงลงอยู่ตรงข้อเท้า
หัวใจของเธอเต้นระรัวแรงขึ้น เข่าอ่อนลงขณะที่บังคับตัวเองไว้มิให้เอื้อมมือขึ้นมาปิดบังนวลเนื้อเนินทรวง ซึ่งปกปิดอยู่ด้วยเสื้อชั้นในลูกไม้สีขาวผ่อง
เซเลน่าพยายามบังคับตัวเองให้ยิ้มเข้าไว้ ก่อนที่จะเอื้อมไปเกาะกุมมือเขาไว้ และก้าวเท้าออกจากเสื้อตัวนอกที่กองอยู่ตรงปลายเท้า แต่ออกจะโชคร้ายอยู่บ้างที่การทําเช่นนั้น ทําให้รองเท้าข้างหนึ่งติดอยู่กับเสื้อชุดนั้นด้วย
เธอจึงจําเป็นต้องสะบัดรองเท้าอีกข้างหนึ่งออกเดินห่างออกจากประตูโดยมีเขาเดินตามมาติด ๆ ไปหยุดอยู่ข้างเตียง เขายังคงจับตามองดูท่วงทีของเธออยู่
เซเลน่าดึงมือมาเสียจากเขา และลูบไล้ลงบนแผงอกกับปกเสื้อแทน
“จะให้ฉันช่วยถอดเสื้อให้คุณด้วยไหมล่ะคะ” เธอขจัดความกลัวออกไปเสียจากน้ำเสียง
คิ้วเข้ม ๆ เลิกสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาตอบว่า
“ผมทําเองได้”
เธอยักไหล่พร้อมกับเบือนหน้าไปเสียทางหนึ่ง ความโล่งใจบังเกิดขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนเขายังจับตาดูเธออยู่เช่นเดิม ขณะที่เปลื้องเสื้อนอกออกจากร่าง และค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อกั๊กตัวในช้า ๆ เซเลน่าเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้ากระจก ปัดปอยผมสีแดงเข้มที่ปรกอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง ขณะเดียวกันก็คอยจับตามองดูเขาอยู่ โดยผ่านเงาสะท้อนในกระจกเงาบานนั้นเอง
เมื่อเขาถอดเสื้อกั๊กออกแล้วก็ถึงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใน เซเลน่ารู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา เมื่อมองเห็นแผงกล้ามบนแผ่นอก ผิวพรรณของเขาสะอาดสะอ้านเป็นสีน้ำตาลอ่อน ไม่มีไขมันส่วนเกินปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ความเป็นชายชาตรีปรากฏอยู่ต่อหน้า ซึ่งทําให้อารมณ์ของเธอสะท้านสะเทือนอยู่ไม่น้อย
ทันทีที่เขาปลดกางเกงลงได้ข้างหนึ่ง และกําลังจะก้าวออกจากขาอีกข้างหนึ่งนั้น เซเลน่าก็ออกวิ่งทันที ไม่มีเวลาที่จะกังวลกับรองเท้าหรือเสื้อชุดสีแดงที่กองทิ้งอยู่บนพื้นห้องอีกต่อไปแล้ว เธอถลาเข้าไปคว้ากระเป๋า ก่อนที่จะวิ่งตรงไปยังประตู ไม่สนใจกับเสียงสบถที่ดังลั่นขึ้น
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เผชิญเหตุการณ์มา ที่โชคยังเข้าข้างเธออยู่ ไม่มีใครอยู่ในบริเวณห้องโถงทางเดินนั้น ไม่มีใครเห็นเธอวิ่งออกมาจากห้องพักของเขา ในชุดกระโปรงชั้นในกับเสื้อบราเซียเพียงตัวเดียว เธอเสียเวลาอันมีค่าไปไม่กี่วินาที ตอนที่ควานหากุญแจจากกระเป๋าถือ พอคว้ามันขึ้นมาได้ ก็รีบสอดเข้าไปในช่อง เปิดประตูห้องออกทันที
ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในประตูห้องนั้น เธอเหลือบตามองไปทางห้องพักของเขาครั้งหนึ่ง และทันเห็นเขาที่กําลังชะโงก หน้าออกมามอง เรือนกายท่อนบนยังเปลือยเปล่าอยู่ แต่เขามองไปทางล็อบบี้ไม่ใช่ทางด้านห้องพักของเธอ เซเลน่าจึงปิดประตูกดล็อคลงโดยพยายามให้มีเสียงน้อยที่สุด
เธอแทบจะทรุดลง ต้องเอนกายพิงบานประตูไว้ สูดลมหายใจลึกและทันใดเสียงหัวเราะปนสะอื้นด้วยความโล่งใจก็หลุดลอดลําคอออกมาแต่แล้วเสียงหัวเราะก็ขาดตอนลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินผ่านหน้าห้อง ในที่สุดเสียงนั้นก็จางหายไป
เมื่อรวบรวมพละกําลังได้แล้ว เซเลน่าจึงเดินเข้าไปในห้องเอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายมาจากปลายเตียงห่มตัวไว้ อดนึกเสียดายเสื้อชุดสีแดงเพลิงไม่ได้ เพราะเป็นชุดหนึ่งที่เธอโปรดปรานมาก แต่ถึงอย่างไรมันก็ได้ช่วยเธอไว้ให้พ้นจากภาวะที่ล่อแหลมต่ออันตรายมาได้ในเสี้ยวนาทีสุดท้าย และเซเลน่าก็ยังสงสัยว่า เธอจะกล้าสวมมันอีกหรือไม่ ถ้าได้เสื้อตัวนั้นกลับคืนมา
เสียงท้องร้องเบา ๆ เตือนให้รู้ว่ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยเธอได้แต่สั่นศีรษะรู้ดีว่ามันไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว นอกจากจะสั่งอาหารเข้ามารับประทานในห้อง เพราะขณะนี้เธอไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงออกไป เพราะอาจจะต้องพบกับผู้ชายคนนั้นอีก
ด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมเป็นนักโทษถูกคุมขังอยู่แต่เพียงในห้องพัก เซเลน่าจึงลอบออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น พยายามแต่งตัวแบบที่ไม่ให้ใครจําได้ง่ายนัก มีทั้งแว่นกันแดดสีดํา กับหมวกกันแดดปีกกว้างปกปิดเรือนผมสีน้ำตาลอมแดง ซึ่งมุ่นเกล้าขึ้นไว้
ความประหวั่นที่ว่าจะพบกับผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งที่สาม หายไปทันทีที่ก้าวออกจากประตูโรงแรมสู่ความสว่างสดใส ของวันอาทิตย์แห่งฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเธอชอบทั้งสองประการ คือทั้ง ฤดูใบไม้ร่วง และวันอาทิตย์ วันนี้เธออยู่ในกระโปรงสีขาว เสื้อผ้าไหมเนื้อนุ่มสีเขียวมะนาวจุดขาว ผ้าคาดหมวกเป็นสีเดียวเข้าชุดกัน