บทที่ 3
เมื่อเห็นเขาขยับตัวใกล้เข้ามา ทําให้เธอต้องชะงักฝีเท้าลง และนั่นคือความผิดพลาดอย่างถนัด มันไม่ใช่ของง่ายที่จะไม่เงยขึ้นมองเรือนกายสูงสง่าที่เข้ามาขวางทางเธอไว้
“กําลังจะไป” เธอตอบคําถามของเขา และทําท่าจะเดินผ่านไป ด้วยความหวังว่า เขาคงจะหลีกทางให้
แต่เขาไม่ได้มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนเคลื่อนกายแม้แต่น้อย
“ไปไหนล่ะ”
พ่อเคยสอนไว้เสมอว่า การพูดความจริงย่อมไม่เป็นอันตราย ซึ่งเซเลน่าหวังว่าคําสอนนั้นจะถูกต้องเมื่อตอบเขาไปตามความจริงว่า
“ก็ไปกินอาหารค่ำน่ะสิ”
มือที่จับกระเป๋าถือกระชับแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขาเลื่อนสายตาลงมองมือเธอ ซึ่งเซเลน่าก็พอจะเดาออกที่เขาจะต้องคิดว่า เธอกําลังระแวดระวัง “เงิน” ที่ได้มาจากการให้บริการดังกล่าวซึ่งทําให้ความรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นกว่าเดิม
“ทํางานจนหิวเลยรึ” คําถามประโยคนั้นแฝงสําเนียงดูหมิ่นอยู่ในที
คราวนี้เซเลน่าไม่ได้พยายามปิดบังความรู้สึกไม่พอใจไว้อีกต่อไป ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที
“รู้สึกว่าคุณออกจะหยาบคายมากไปหน่อยแล้วนะคะขอโทษ” เธอเชิดหน้าขึ้นทันทีและตั้งท่าจะผละไปเสียจากเขา
แต่ฝ่ามือใหญ่ ๆ เอื้อมมายุดต้นแขนไว้
“นั่นสิ ก็ออกจะหยาบไปสักหน่อย” เขายอมรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อันที่จริง มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมที่จะมาพูดอย่างนี้กับสุภาพสตรีที่มีอาชีพอย่างคุณหรอก ขอโทษด้วยนะ”
‘สุภาพสตรีที่มีอาชีพอย่างคุณ’ คําพูดประโยคนั้น ทําให้เธองันไป ถ้าเพียงแต่เขาจะพูดเพียงแต่คําว่าสุภาพสตรี เซเลน่าอาจจะเต็มใจยอมรับในคําขออภัยของเขาบ้าง แต่ในความเย็นเยือกที่บังเกิดอยู่ เธอกลับตอบเขาออกไปว่า
“ถูกต้องแล้วค่ะ” ซึ่งเท่ากับเธอยอมรับในคํากล่าวหาของเขาอยู่ในที
เขากวาดสายตาไปทั่วนวลหน้าเพียงแต่เธอไม่สามารถจะอ่านความรู้สึกที่ปรากฏอยู่ในสีหน้าของเขายามนี้ได้
“ไปทานคนเดียวงั้นหรือ?”
ท่าทางของเขาไม่ได้ตั้งใจจะจับเธอไว้ แต่เซเลน่าก็ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวหรือสะบัดแขนออกเสียจากการเกาะกุมของฝ่ามือคล้ำ ๆ นั้นได้ รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกกับความชิดใกล้ที่กําลังเป็นอยู่ในขณะนี้
“ก็อาจใช่” เธอตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
เขาแปลความหมายในคําตอบประโยคนั้นเป็นว่า เธอจะต้องรับประทานอาหารค่ำเพียงลําพังแน่
“ก็ดูจะโชคดีอยู่ เพราะคืนนี้ผมก็ไม่มีเพื่อนทานอาหารเหมือนกัน” เขาซุกมืออีกข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกง “ไปด้วยกันไหมล่ะ”
ก่อนหน้าที่จะออกมาจากห้อง เซเลน่ายังหวังว่าเธอควรจะได้มีเพื่อนนั่งร่วมโต๊ะอาหารสักคน แต่เธอสามารถจะรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่า การที่จะยอมรับเขามาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารในยามค่ำวันนี้ ออกจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายอยู่มาก เธอมองเห็นสัญญาณอันตรายที่ปรากฏอยู่ในดวงตาคู่สีดําสนิทที่แฝงแววหยันเยาะอยู่เป็นนัย แม้จะไม่เผยถึงความคิดทั้งมวลในยามนี้ก็ตาม
“ไม่ละค่ะ ขอบใจ” เธอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงชาเย็น
แต่รอยย่นตรงมุมปากของเขากลับกดลึกลง
“อ้าว....ทําไมล่ะ...”
“ก็เพราะว่าฉันเลือกคนที่จะนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยน่ะสิคะ” เซเลน่าตอบ อยากจะให้การสนทนาในครั้งนี้ยุติลงเสีย ทําไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยให้เธอไปเสียทีนะ
“เหมือนกับการเลือกคนที่จะนอนด้วยอย่างนั้นใช่ไหม” คราวนี้น้ำเสียงของเขาสําแดงออกถึงความเยาะหยันอย่างเปิดเผย
“แน่ละ” เธอระเบิดคําตอบออกไปด้วยแรงอารมณ์
ลึกลงไปในใจ เซเลน่ากําลังสงสัยว่า ตัวเองควรจะพูดอย่างไรจึงจะให้เขาเชื่อได้ว่าที่เธอเจรจาพาที่อยู่กับนักธุรกิจกลุ่มนั้น ในลักษณะของการตกบันไดพลอยโจนเป็นเพียงเพราะเธอเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรเท่านั้น แต่พอมาถึงตอนนี้เธอกลับไม่สามารถอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจได้เลย
แววเยาะหยันฉาบอยู่บนใบหน้า มุมปากของเขาเผยอขึ้นอย่างไร้อารมณ์ขัน
“ผมเข้าใจดีว่าเวลาของคุณเป็นเงินเป็นทองนะคุณแดง และผมก็พร้อมที่จะจ่ายค่าเสียเวลานั้นให้”
เขาดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกง และแล้วเงินปึกหนึ่งก็ถูกซุกลงในหว่างอก เซเลน่าได้แต่ยืนตัวแข็งไม่อาจขยับเท้าก้าวเดินไปทางไหนได้ จนกระทั่งเขาดึงมือออก และฝ่ามือปัดไปถูกช่วงไหล่ที่เปลือยเปล่าแล้ว เธอจึงได้ตื่นจากภวังค์
เธอก้มลงมองปึกเงินที่ซุกอยู่หว่างเนินทรวง รู้สึกถึงความหยามเหยียดที่เขากําลังกระทําต่อเธออยู่ ก่อนที่จะดึงปึกเงินนั้นออก พร้อมกับเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขา ไม่มีคําพูดใด ๆ เปล่งออกมาจากเรียวปาก
“ฉันรู้สึกแปลกใจจริงๆ” ในที่สุดเซเลน่าก็ได้ยินเสียงตัวเองเอ่ยออกมา “ท่าทางของคุณไม่ได้บอกเลยนี่ว่า พร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อหาความสุข”
ดวงตาคู่สีดําสนิทกวาดไปทั่วนวลหน้า
“บางทีอาจจะเป็นเพราะผมเกิดความอยากรู้ขึ้นมาก็ได้ว่า ‘ความสุข’ ที่คุณจะให้ผมมันมีค่าคุ้มกับเงินนั่นหรือเปล่า”
มีอะไรบางอย่างในน้ำเสียงและแววตาคู่นั้น หรืออาจจะเป็นแรงดึงดูดราวกระแสจากขั้วแม่เหล็ก จากเรือนกายของเขาที่เตือนให้เซเลน่าเริ่มตระหนักถึงภยันตรายในเกมที่เธอกําลังเล่นอยู่ หัวใจเริ่มเต้นระรัวขึ้นด้วยความตื่นกลัว
“ตอนนี้ฉันยังไม่คิดที่จะขายความสุขนั้นหรอกค่ะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน พยายามจะยัดเงินใส่มือของเขา พร้อมกับตั้งท่าจะเดินผ่านไป
เขาเอื้อมมาเกาะกุมมือข้างที่ถือเงินไว้
“เราอย่ามายืนพูดกันอยู่อย่างนี้เลย”
และแล้วเขาก็รั้งร่างที่ยืนขาแข็งให้เดินออกจากที่นั่น ในตอนแรกเซเลน่าคาดว่าเขาคงจะบังคับให้เธอไปนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเขา โดยพาเดินลงไปยังล็อบบี้ตรงไปยังห้องอาหาร แต่แล้วดวงตาก็เป็นประกายวาวด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นเขาเบี่ยงตัวเดินไปเปิดประตูห้องพักของตนเอง
“พูดกันในนี้ดีกว่า เป็นส่วนตัวดี” แววหยันเยาะไม่ได้เลือนหายไปจากดวงตาเลย
ความตระหนกตกใจบังเกิดขึ้น
“ไม่ค่ะ....เดี๋ยว....ฟังฉันก่อน” แต่มือที่ฉุดรั้งอยู่พาเธอผ่านเข้าไปในประตูห้อง ซึ่งปิดตามหลังลงเสียแล้ว
เซเลน่าหันขวับไป ตั้งท่าจะวิ่งถลาออกไปจากห้อง แต่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ปิดกั้นหนทางที่เธอจะหนีไปเสียสิ้น มองสีหน้าซีดเผือดตื่นกลัวอย่างขบขัน
“ผมว่าเราน่าจะตกลงกันด้วยความพอใจทั้งสองฝ่ายได้นี่นา จริงไหม” น้ำเสียงของเขาเหมือนทองไม่รู้ร้อน
“ฟังนะคะ....” เซเลน่าหอบหายใจ กล้ำกลืนความตระหนกลงไว้ “ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องของความเข้าใจผิด....”
เงินปึกนั้นยังอยู่ในมือของเธอ เขาดึงมันออกพร้อม ๆ กับดึงกระเป๋าถือมาจากมือเธอใคร่จะร้องร่ำออกมาด้วยความตื่นกลัว ขณะที่มองดูเขาเปิดกระเป๋าและหย่อนเงินลงไว้ให้
“นั่นกระเป๋าฉัน” เธอร้องออกมาขณะที่เขาโยนหันไปทางด้านหลัง
เธอมองเห็นกระเป๋าใบนั้นที่ตกลงบนโต๊ะตัวเตี้ย ฝ่ามือแข็งแรงคู่นั้นเอื้อมมาจับต้นแขนที่เปลือยเปล่าไว้มิให้หันไปหยิบมันขึ้นมา
“ทิ้งไว้นั่นแหละ รับรองว่าปลอดภัย” เขารับรองด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
แต่ตัวเธอต่างหากที่ไม่ปลอดภัยความเป็นจริงในเรื่องนี้ได้ประจักษ์เมื่อเขาเลื่อนมือมาตรงผ้าคลุมไหล่ แก้ขมวดปมหลวม ๆ นั้นออกด้วยการกระตุกเพียงครั้งเดียว เซเลน่ายุดปลายข้างหนึ่งไว้ แต่มันก็หลุดติดมือเขาไปและร่วงหล่นลงบนพื้นห้องในที่สุด
เธอโน้มร่างจะก้มลงเก็บ แต่เขารั้งร่างเธอเข้าไปแนบอก เธอพยายามใช้แขนกันตัวเองไว้ แต่แผงอกนั้นราวปราการที่แข็งแกร่ง ดูมันไม่ขยับเขยื้อนไปทางไหนเลย
“อย่า....” เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดเหวี่ยง
แต่ทั้งแก้มและสันคางของเขาทาบทับอยู่บนหน้าผาก กลิ่นน้ำยาโกนหนวดกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูก ฝ่ามือของเขาทาบทับอยู่ตรงชายโครงรั้งร่างเธอเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“เลิกเล่นตัวเสียทีเถอะน่า” ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดอยู่ริมหู
“ฉันไม่ได้เล่นตัว” เซเลน่าตวาด สูดลมหายใจลึก เมื่อเขาเริ่มซุกไซ้จมูกลงตรงช่วงลําคอ “นี่....คุณไม่เคยคิดบ้างเลยเชียวหรือว่า บางทีผู้หญิงอาจจะไม่เต็มใจด้วยก็ได้” เธอเบี่ยงตัวหนีจากริมฝีปากคู่นั้น
เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แต่อาชีพอย่างคุณมันก็ต้องเต็มใจอยู่แล้วนี่”
“เอ้อ....แต่ว่าฉัน....” ความตั้งใจที่จะทัดทานสูญเสียไปทันที เมื่อเธอได้กระทําในสิ่งที่ผิดพลาดยิ่งไปกว่านั้นด้วยการเงยหน้าขึ้น ด้วยความตั้งใจที่จะปฏิเสธใส่หน้าเขา ในนาทีนั้นเองที่ริมฝีปากของเขาได้ประทับลงดูดดึงคําพูดใด ๆ ไปเสียหมดสิ้น