๔ ตกอยู่ในสถานะเหยื่อ (๒)
จากนั้นจึงทำขึ้นโต๊ะทุกครั้งที่เขาร่วมรับประทานอาหารพร้อมคนในบ้าน
“อ้อ แล้วคุณชายมีแฟนหรือยัง ตั้งแต่เลิกกับคุณหญิงกนกไม่เห็นมีข่าวคราวอะไรเลย ตอนไปงานศพท่านย่าพี่ก็อุตส่าห์เชียร์ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ดันเลิกกันซะงั้น...เสียดาย” เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะไม่ได้ทราบเรื่องราวของคุณชายกษิดิศมากนัก
ตอนแรกคิดว่าไม่นานทั้งสองคงแต่งงานแล้วใช้ชีวิตในต่างแดน ใครจะคิดว่าทั้งสองจะเลิกรา โดยฝ่ายหญิงแต่งงานใหม่อย่างรวดเร็ว ทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้คุณชาย
โดยมีแหวนไว้ดูต่างหน้า...
“ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกพี่ วันนี้รักพรุ่งนี้อาจจะเกลียดก็ได้” คำพูดนั้นเหมือนกำลังกล่าวกับตนเองมากกว่า ไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะมาถึงจุดนี้เหมือนกัน
พี่ชายที่เอ็นดูน้องสาว...สู่การเป็นคนแปลกหน้าที่แสนรังเกียจ
“นั่นสิ”
เธอไล่ความคิดพวกนั้นแล้วกลับไปอาบน้ำพักผ่อน พระอาทิตย์ขึ้นก็ต้องไปตลาดเพื่อทำอาหารเช้าขึ้นโต๊ะให้คุณทั้งหลาย ชีวิตก็วนเวียนอยู่แบบนี้แหละ
วิมานที่จันทราไม่อาจหนีไปไหนได้...
วันต่อมาระหว่างที่เธอทำความสะอาดในครัวเรียบร้อย และกำลังจะกลับไปห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน ช่วงสายค่อยมาประชุมเพื่อคิดเมนูแนะนำประจำวัน ตามวัตถุดิบที่ได้มาตอนไปตลาดยามเช้า
กลับมีคนโผล่มาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง ขวางหน้าประตูเอาไว้จนหล่อนทำหน้าเหวอเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
“จันทร์!” มือเล็กยกขึ้นทาบอกทันที ผละถอยหลังไปสองถึงสามก้าวแล้วมองคนมาใหม่ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นอะไรเป็นเด็กแบบนี้ เกือบยกมือขึ้นตีแล้วแต่ยั้งเอาไว้ได้ทัน
นอกจากคุณชายจะมีใครมาเล่นสนุกกับหล่อนอีก...
“คุณชาย! ตกใจหมดเลยค่ะ เล่นอะไรคะเนี่ย” คุณชายทวีติยากรว่างช่วงเช้า จึงได้นำของที่อุตส่าห์ไปซื้อเมื่อวานมาให้คนที่ทำงานหนักทั้งเช้าและเย็น
“ฉันซื้อของมาฝาก” ยื่นถุงสีขาวใบใหญ่ ปักชื่อแบรนด์หรูเอาไว้จนหล่อนไม่อยากรับ มองซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีคนเห็นหรือเปล่า กลัวจะถูกเอาไปนินทาหรือฟ้องหม่อมภัทรวดีแล้วโดนเรียกไปตักเตือนมากกว่า
ท่านชอบที่ลูกชายใกล้ชิดเธอเสียเมื่อไหร่ มีโอกาสเป็นได้สั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่มีใครเอากามาเป็นหงส์หรอก
ไม่ถามสักคำว่าหล่อนอยากเป็นหรือเปล่า...
“ซื้อของฝาก...คุณชายไปไหนมาคะ”
“ไปห้างแล้วเห็นชุดสวยคิดว่าจันทร์น่าจะชอบ ป่ะ เดี๋ยวพาไปลองในห้อง” ตอบตามความจริงแล้วลากหญิงสาวเพื่อขึ้นไปชั้นบน เขาชอบเห็นเธอใส่ชุดสวยแต่ดูเหมือนจันทราจะเลือกสวมแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ตลอด พยายามบอกให้ใส่เดรสก็หาข้ออ้างว่าทำงานครัวไม่ถนัด
ต่อมาคุณชายทวีจึงเลือกซื้อเสื้อยืดราคาห้าหลักให้แทน หล่อนจะได้ใส่เวลาทำงานบ้าน หน้าตาสวยหุ่นดีอยู่แค่ในบ้านก็เสียดายของแย่ เขาจึงพยายามซื้อชุดสวยให้เธอใส่บ้าง
“ไม่ต้องค่ะ จันทร์ไม่เอาหรอก” ระหว่างเดินตามเพื่อไปชั้นบนก็ปฏิเสธอีกครั้ง เกรงใจจะแย่เพราะตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดที่คุณชายซื้อให้เต็มไปหมด
“เอาไปเถอะน่า ห้ามปฏิเสธเพราะฉันตั้งใจซื้อให้จากใจจริง ถือเป็นการขอบคุณที่จันทร์คอยให้คำปรึกษาฉันตลอด” มาถึงชั้นสองก็ยัดถุงใส่มือเธอเสียเลย อีกฝ่ายจึงไม่อาจปฏิเสธได้ จำต้องถือเอาไว้อย่างนั้น
“คุณชายอ้างแบบนี้ตลอดเลย จันทร์เกรงใจนะคะ แค่ไม่ต้องใส่ยูนิฟอร์มเหมือนคนอื่นก็แปลกแยกจะแย่แล้ว” ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งล่าสุด เขามักจะใช้เหตุผลเดิมเพื่อมากล่อมเธอให้รับของ
“พูดมากจัง เข้าไปลองชุดกันดีกว่า ฉันว่าจันทร์ใส่ออกมาจะต้องสวยแน่นอน..” รีบเปิดประตูเข้าห้องนอนของตนเพื่อจะให้หล่อนได้ลองชุด โดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเกิดความไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
หม่อมภัทรวดียืนมองอยู่พักใหญ่โดยมีคนสนิทของตนอยู่ข้างกาย คิ้วท่านขมวดเป็นปมพลางถอนหายใจหนัก ยกมือขึ้นกอดอกแล้วถามหญิงข้างกายด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ชายทวีพาแม่นั่นเข้าห้องบ่อยแค่ไหน” เมื่อก่อนเห็นแค่ครั้งสองครั้ง อาจเพราะตนไม่ค่อยอยู่บ้าน ส่วนมากมักไปหาเพื่อนข้างนอกเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน คิดว่าลูกชายโตพอจะแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนควรหรือไม่ควร
แต่วันนี้ทำให้ท่านเห็นแล้วว่าชายทวีคงคิดไม่ได้...
“ทุกวันค่ะหม่อม คุณชายชอบลากเข้าห้องตัวเอง อยู่ทีก็หลายชั่วโมงค่อยออกมา อีกอย่าง...บางคืนได้ยินเสียงครางด้วยค่ะ” ป่านได้ทีก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอก จนโดนสายตาดุถึงได้ถอยห่างเล็กน้อย ยังคงใส่สีตีไข่ตามสิ่งที่ตนเองคิด
“บัดสีบัดเถลิง ฉันต้องเตือนชายทวีหน่อยแล้ว” หมายมาดเอาไว้แล้วชะเง้อคอมองประตูที่ปิดสนิท อยากรู้ว่าข้างในทำอะไรกัน
“หม่อมเตือนหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอคะ ไม่เห็นคุณชายจะฟังเลยค่ะ” พูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด ใช่ว่าหม่อมท่านจะไม่เคยเตือนบุตรชาย แต่มีหรือที่คุณชายจะยอมฟัง เห็นยังพูดคุยและละเล่นกับจันทราอย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม
“เอ๊ะ” ค้อนขวับวงโตให้คนสนิทที่รีบเม้มปากแน่น
“ขอโทษค่ะ แค่แสดงความคิดเห็น”
“หรือฉันจะหาแผนมาแยกสองคนนั้นออกจากกัน...แผนอะไรดีล่ะ” ใช้คำพูดตักเตือนอย่างเดียวดูเหมือนจะไม่ได้ บางทีท่านอาจต้องเป็นคนเจ้าแผนการดูบ้าง แต่ยังคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรถึงแยกสองคนนั้นออกจากกันได้แบบถาวร
จนได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบหลบอย่างรวดเร็ว ทว่ามันกลับเป็นห้องของคุณชายกษิดิศจึงถอนหายใจโล่งอก
“คุณชายกานต์จะออกไปไหนอีกคะเนี่ย ช่วงนี้ออกไปข้างนอกบ่อยเหลือเกิน อีกไม่นานคงมีลูกสะใภ้ให้หม่อมก่อนคุณชายทวี” ป่านพูดไปเรื่อยตามความคิดของตัวเอง ทว่ามันกลับไปกระตุ้นความคิดบางอย่างของหม่อมท่านให้ไอเดียบรรเจิด
เหมือนเห็นแสงสว่างที่ส่องไปทั่วบ้านหลังใหญ่ มุมปากค่อยยกยิ้มมองตามลูกเลี้ยงของตนเองที่เดินลงบันไดไม่ขลาดสายตา
“ฉันคิดแผนออกแล้วล่ะ คราวนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย” เรื่องอะไรจะให้ลูกชายของบ่าวก้นครัวได้ดีไปกว่าลูกของตนล่ะ
หากชายกานต์จะได้เมียทั้งที...ก็ต้องหาแบบที่คู่ควรกันสักหน่อย