๓ ไม่เคยดีในสายตา (๓)
“คนเขาพูดเราก็จัดให้เลยสิ มา...ไปห้องฉันดีกว่า” จูงกึ่งลากหล่อนเข้ามาในห้อง แต่ร่างบางก็พยายามดึงแขนเขาเอาไว้พลางส่ายศีรษะเป็นการปฏิเสธ กระบอกตาที่เคยร้อนผ่าวกลับมาเป็นปกติทันที
“คุณชาย...ไม่เอานะคะ”
“มาเถอะน่า” ยังคงลากเธอเข้ามาในห้องจนได้ พร้อมปิดประตูแน่นหนาโดยไม่รู้เลยว่าคนมาใหม่กำลังเฝ้ามองการกระทำเหล่านั้น แล้วส่ายศีรษะนึกระอาน้องชายและสาวใช้ที่ทำอะไรไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
เขากำลังจะลงไปดื่มน้ำแต่กลับเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง มองปราดเดียวก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองคนว่าไม่ใช่แค่เจ้านายกับบ่าว ทำให้นึกย้อนไปถึงเมื่อสามปีก่อนที่ตนมางานศพของท่านย่า แล้วได้ยินเสียงร่วมรักของคู่นี้ดังเล็ดลอดออกมาข้างนอก
ไม่แปลกใจทำไมหม่อมแม่ถึงพยายามหาคู่ให้ชายทวีนักหนา คงไม่ต้องการได้สะใภ้เป็นแค่หญิงก้นครัว เหมือนที่เคยปรามาสมารดาของเขาเอาไว้สินะ...
“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ” พึมพำกับตัวเองแล้วลงไปข้างล่างเพื่อหาของว่างรับประทาน ลืมเรื่องของสองคนนี้ไปทันทีไม่อยากเอามาคิดให้รกสมอง
รู้เพียงว่าจันทราเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก...สงสัยความใฝ่ฝันของเธอคงต้องการขึ้นเป็นภรรยาของคุณชายทวีติยากร
แต่จะอยากเป็นอะไรก็ช่างเถอะ ขอแค่อย่ามายุ่งกับเขาก็พอ
การไปทำงานของคุณชายสร้างความแตกตื่นเป็นอย่างยิ่ง เขาคือวิศวกรมือฉมังในวงการต่างประเทศ ไม่คิดว่าจะกลับมาไทยแล้วเลือกบริษัทขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะเจ๊งอยู่แล้ว
เหมือนพลิกวิกฤตโดยแท้...
เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก็มีงานเข้ารัวจนต้องเปิดรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะวิศวกรที่จะมาเข้าทีมคุณชายกษิดิศ ทำให้ต้องเลือกอย่างดีเพื่อได้คนที่ทำงานเข้าขากัน โปรเจคที่ได้ยังไม่ได้ใหญ่มากมายนัก ส่วนมากก็เป็นบ้านและคอนโดมิเนียมไม่เกินสามสิบชั้น
แต่เขาคิดว่าอีกไม่นานหรอกงานใหญ่จะมาอย่างแน่นอน ตอนนี้ขอเก็บงานเล็กน้อยเพื่อนำรายได้เข้าบริษัทก่อน
ถึงจะเป็นวิศวกรแต่ทรงคุณก็เกรงใจมาก แทบจะยกเพื่อนขึ้นตำแหน่งประธานบริหารอยู่แล้ว แต่เพราะคุณชายไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับด้านบริหาร อยากมุ่งทำงานสายอาชีพที่ตนเรียนมามากกว่า
“อือ นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะรับงานแล้วเอาทุนสร้างบริษัทคืนมาให้นาย...” ระหว่างนั่งทำงานที่ห้องนอน มีโต๊ะขนาดใหญ่ซึ่งสั่งซื้อมาโดยเฉพาะเพื่อให้สะดวกในการทำงานตอนกลางคืนตั้งอยู่ใกล้ระเบียง ยามเบื่อจะได้เหลียวมองบรรยากาศภายนอก
เขาคุยกับเพื่อนสนิทที่ฝากความหวังเอาไว้บนบ่า ปฏิเสธหลายรอบจนเกือบทำให้บริษัทของอีกฝ่ายพังเสียแล้ว โชคดีที่เขาตอบรับทันท่วงที
“ฉันกำลังดูงบประมาณก่อสร้าง ถ้าเราคงคุณภาพไว้เหมือนเดิมแต่ราคาถูกลงก็ดีกับฝ่ายเราไม่ใช่หรือไง ฉันจะลองติดต่อคนที่รู้จักว่าเขาพอจะช่วยหาของได้หรือเปล่า ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวฉันจัดการเอง ให้สมกับหุ้นที่นายให้” คิดมาอย่างดีแล้วจึงได้บอก
ขนาดเขาทำงานได้แค่หนึ่งสัปดาห์ยังมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มจะลองติดต่อต่างประเทศเพื่อขอร่วมโปรเจคใหญ่ สร้างชื่อเสียงครั้งเดียวให้รู้กันไปทั่วประเทศ แล้วหลังจากนั้นคงไม่ได้หยุดงานอีกนาน
อาจเพราะเหม่อมองข้างนอกจึงไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ เขากำลังฝันไปไกลเพื่อบริษัทของทรงคุณ กระทั่งเสียงเปิดปิดประตูยังไม่กระทบโสตประสาท คนที่เข้ามาใหม่จึงยืนถือถาดแล้วพยายามจะเรียกเจ้าของห้อง
“เอ่อ” แต่มีเพียงเสียงออกจากลำคอเล็กน้อย
“แค่นี้ก่อนนะ” คุณชายหันมาเห็นพอดีจึงรีบวางสายจากเพื่อนสนิท คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความไม่ชอบใจที่หญิงสาวถือวิสาสะเข้ามาในห้องของตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็บอกชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้ามารบกวน
“เข้ามาทำไม” ถามเสียงเข้มพร้อมแววตาดุดัน
“จันทร์เอาชามาให้คุณชายค่ะ เห็น เห็นว่ายังทำงาน” พยายามจะทำตัวปกติแล้ว แต่พอเจอคำถามกับสายตาของเขาก็แสดงความกลัวออกมาจนได้ อย่างการพูดจาติดขัดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งอยู่ต่อหน้าหม่อมราชวงศ์กษิดิศ
เธอเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง...
“ขอบใจ...ทีหลังไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าไม่เรียกก็ไม่ต้องมา อยากบริการมากนักก็ไปดูแลชายทวีเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้” บอกปัดอย่างรวดเร็ว ถึงเธอจะยกชาเอิร์ลเกรย์มาวางตรงหน้าก็ตาม ไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด
จันทราที่ควรออกไปหลังเสิร์ฟเครื่องดื่มเรียบร้อย กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรผิด อีกฝ่ายถึงได้รังเกียจกันมากนัก ทั้งยังพูดจาแดกดันถึงคุณชายทวีอีกต่างหาก จึงอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อไขข้อสงสัย
“คุณชายเกลียดอะไรจันทร์หรือเปล่าคะ” เป็นครั้งแรกที่หล่อนกล้าต่อปากต่อคำ ทุกครั้งมีแต่ก้มหน้าก้มตาแล้วทำตามคำสั่ง
พอได้สบสายตากันจริงคุณชายก็เพิ่งทราบว่าเด็กสาวที่กอดเข่าร้องไห้คุดคู้อยู่มุมห้อง เติบโตมากเพียงนี้แล้วเหรอ ทั้งยังหน้าตาสะสวยไม่แปลกใจหากน้องชายจะหลงใหล
“ฉันไม่ได้เกลียด แค่ไม่ชอบผู้หญิงทะเยอทะยาน” ตอบเสียงสบายพลางลุกจากเก้าอี้ตัวหนา แล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างหล่อน ก้มมองคนตัวเล็กกว่าโดยที่ร่างบางก็หันกายเพื่อจะได้เผชิญหน้ากัน
คำกล่าวหาของเขาหญิงสาวไม่อาจรับไว้ได้ ตนมั่นใจว่าไม่เคยคิดทะเยอทะยานหรืออยากมีอยากได้สักครั้ง แล้วคุณชายเป็นใครถึงได้รู้ดีกว่าตัวเธอเอง เจอกันไม่กี่ครั้งก็มองทะลุปรุโปร่งเลยเหรอ
มันคืออคติของเขาที่มีต่อเธอต่างหาก...
“จันทร์ทะเยอทะยานตรงไหนคะ”
“คิดว่าฉันเพิ่งกลับมาบ้านจะไม่รู้เรื่องชายทวีกับเธอเหรอ ฉันไม่ได้โง่จนดูคนไม่ออกหรอกนะ...อย่างตอนนี้ที่เข้าหาฉันตอนกลางคืน ไม่ใช่ว่าต้องการหรือไง” ก้าวเข้ามาใกล้ร่างบางขณะพูด แล้วเชยคางมนขึ้นเพื่อให้สบสายตา ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนเธอแทบหยุดหายใจ ไม่คิดว่าเขาจะเล่นไม้นี้โดยไม่ทันให้หล่อนได้เตรียมตัวเตรียมใจ
“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ” จากที่คิดต่อปากต่อคำ กลายเป็นนางสาวติดอ่างอีกครั้ง ยิ่งเจ็บใจที่ตนแพ้เขาทุกทาง
“แต่ขอโทษด้วยนะ...ฉันไม่ชอบกินของเหลือจากใคร” เลือกจะปล่อยมือจากคางมนแล้วก้าวถอยห่างมานั่งเก้าอี้ตามเดิม เขาจิบชาแล้วรับรู้ว่ามันรสชาติดี จากนั้นค่อยเงยหน้ามองหญิงสาวที่นิ่งค้างท่าเดิมไม่ยอมออกไปไหน
“ออกไปได้แล้ว” จึงต้องไล่เสียงเข้ม หล่อนได้สติก็รีบเดินแกมวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ลมหายใจร้อนผ่าวเมื่อครู่ยังรดใบหน้า กลิ่นกายหอมของเขาติดตรึงไม่คลายเล่นเอาคำพูดร้ายกาจแทบไม่เข้าโสตประสาท เพราะหล่อนมัวตกตะลึงกับการใกล้ชิดที่เกิดขึ้นในรอบสิบปี
“พี่ชายกานต์ว่าไงบ้าง ชอบชาที่ฉันซื้อมาให้หรือเปล่า” คนที่รอข้างนอกรีบเอ่ยถาม หล่อนคงไม่เสนอตัวเข้าไปหรอกหากไม่มีคนไหว้วาน แต่ลืมบอกเขาเสียสนิทเรื่องนี้...
มัวแต่อึ้งอะไรอยู่ก็ไม่รู้นะจันทร์
“จันทร์ไม่ได้ถามค่ะ”
“อ้าว...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันถามเอง ขอบใจจันทร์มากนะที่เอาไปให้แทนฉัน กลัวจะโดนดุถ้าเข้าไปรบกวนน่ะ” บอกอย่างเสียดายพลางถอนหายใจโล่งอก
ถึงพวกเขาจะเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน แต่ห่างไปหลายสิบปีความสนิทสนมก็ไม่เหมือนเดิม ถึงพยายามเข้าพี่ชายกานต์แต่มันก็ไม่สนิทใจเท่าไหร่ เหมือนอีกฝ่ายตั้งกำแพงไว้สูงเพื่อกันทุกคนตลอดเวลา แม้กับญาติพี่น้องก็ตาม
“แล้วคุณชายไม่กลัวจันทร์โดนดุแทนเหรอคะ” มองค้อนอย่างเง้างอน ลืมตัวไปเสียสนิทว่าเขาเป็นถึงคุณชายที่ตนต้องให้ความเคารพ
“พี่ชายกานต์เอ็นดูจันทร์จะตาย ไม่ดุหรอก” ใบหน้าหวานหมองลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น หากเป็นครั้งวันวานคงใช่
“มันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ..”
แต่ตอนนี้เขาเกลียดเธอไปแล้ว...