๓ ไม่เคยดีในสายตา (๒)
“หม่อมแม่ใจเย็นครับ ดื่มน้ำดับร้อนหน่อยนะครับ” รีบเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาประเคนให้ท่านถึงปาก คุณหญิงจึงต้องรีบดื่มไปเกือบครึ่งแก้วหวังให้อารมณ์เย็นลงบ้างหลังโดนลูกเลี้ยงถอนหงอก กลับมาจากเมืองนอกครั้งนี้ดูปากกล้าขาแข็งขึ้นทุกวัน
“ชายดูพี่เราสิ พูดกับแม่แบบนี้ได้ยังไง...” สูดลมหายใจเข้าออกแล้วฟ้องลูกชายเพื่อหาพวกพ้อง แต่หม่อมราชวงศ์หน้าหล่อก็ต้องทำให้ท่านผิดหวังเมื่อคำพูดเหมือนจะเข้าข้างอีกฝ่าย
“พี่ชายกานต์อาจจะแค่ล้อเล่นครับ หม่อมแม่อย่าไปคิดมากเลย ทำใจให้สบายก่อนนะครับ” คุยกันอยู่ตรงนั้นพักใหญ่เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของคุณหญิงให้กลับมาสดใสเหมือนเดิม ไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนัดแนะให้ออกไปหา จึงรีบรุดออกจากบ้านโดยเร็วลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียสนิท
สร้างความโล่งใจให้แก่ลูกชายเป็นอย่างมาก...
เหล่าแม่บ้านต่างทยอยออกไปข้างนอกเมื่อเก็บเสื้อผ้าของคุณชายเข้าตู้เรียบร้อย เรียงตามเฉดสีทั้งยังแยกไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยมีคนควบคุมคือจันทราเพราะได้รับคำสั่งจากคุณชายทวิติยากร อีกอย่างหล่อนก็เต็มใจทำให้เขาด้วย
เมื่อห้องเสื้อผ้าเป็นระเบียบ ทำความสะอาดห้องนอนเรียบร้อย นำของใช้มาวางไว้หน้าตู้กระจกและในห้องน้ำ ตรวจตราทุกอย่างแล้วจึงได้ถอนหายใจโล่งอก รอยยิ้มแต้มมุมปากมีความสุขที่ได้ปรนนิบัติชายหนุ่ม
จากที่เคยใฝ่ฝันอยากหนีออกจากวิมาน...กลับกลายเป็นว่าถูกรั้งให้อยู่ต่อไปอีกสักพัก
ร่างบางกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่มือก็ปัดไปโดนกล่องสีเหลี่ยมสีขาวขนาดเล็กจนตกลงพื้น เธอไม่ทราบว่ามันวางอยู่หน้าโต๊ะทีวีได้อย่างไร ของประดับน่าจะอยู่ในชั้นวางของห้องแต่งตัวบิวท์อินไม่ใช่เหรอ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน
กระนั้นความอยากรู้ก็ผลักดันให้เธอค่อยเปิดแง้มเพื่อดูของข้างใน รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทแต่ก็อดใจเอาไว้ไม่ได้
“แหวนเหรอ..” แหวนเพชรที่ทำเป็นรูปมงกุฎปรากฏสู่สายตา เธอมองมันด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคุณชายคงตั้งใจทำขึ้นเพื่อให้หญิงอันเป็นที่รัก แต่มันกลับกลายเป็นเครื่องย้ำเตือนความล้มเหลวของชีวิตรัก
ไม่น่าเชื่อเลย...วันที่เจอกันอยู่งานศพท่านย่า ทั้งสองดูรักใคร่กลมเกลียว แววตาของคุณชายเต็มไปด้วยประกายแห่งรักและความอบอุ่น
จนหล่อนยังนึกอิจฉาเพราะตนเองไม่เคยได้รับแววตาเช่นนั้นจากคุณชายกษิดิศเลย...ตั้งแต่หม่อมมาลีรัตน์จากไป
“ทำอะไรน่ะ!” เสียงที่ดังจนแทบจะเรียกว่าตะโกนสร้างความตกใจให้เธอเป็นอย่างมาก สะดุ้งตัวโยนแล้วเผลอปล่อยของในมือตกลงบนพื้น ก่อนได้สติพลันรีบตอบอย่างรวดเร็ว ถึงจะค่อนข้างตะกุกตะกักเนื่องจากเกร็งกับสายตาคมดุที่จ้องมา
“เอ่อ มันตกค่ะจันทร์เลยกำลังจะเก็บ” หล่อนค้อมตัวลงจะเก็บกล่องแหวนให้เขา แต่กลายเป็นชายหนุ่มรีบเดินเข้ามาปัดมือเธอออก พลางสั่งเสียงเข้ม ดูจากท่าทางคาดว่าคุณชายคงโกรธมากที่เธอเข้ามายุ่งกับข้าวของส่วนตัว
ไม่ได้ตั้งใจนี่นา...
“ไม่ต้อง! ฉันจัดการเอง จะไปไหนก็ไป” ไล่อย่างไม่ไว้หน้าสักนิด ทั้งยังทำเพียงปรายตามองอีกต่างหาก หญิงสาวจำต้องค้อมศีรษะเพื่อรับคำ หัวใจวูบไหวเหมือนช่องว่างกลางอกขยายใหญ่ขึ้นจากคำพูดของเขา
ถึงไม่ใช่คำพูดดูถูกหรือเหยียดหยามอย่างที่เคยเจอ แต่อาจเพราะตนค่อนข้างแคร์เขา จึงมีอาการน้อยใจมากกว่าที่เป็นกับคนอื่น รีบก้มหน้าลงทันทีเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวที่เบ้าตาเหมือนน้ำตามันจะไหล เลือกจะเดินเลี่ยงร่างสูงเพื่อออกไปข้างนอก
“เดี๋ยว! ต่อจากนี้ถ้าฉันไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา หรือให้เข้ามาทำความสะอาดตอนที่ฉันไม่อยู่ เข้าใจไหม”
แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้พร้อมสั่งเสียงเข้ม ราวกับบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องการพบหน้าหล่อน ไม่รู้เขารังเกียจอะไรกันนักหนา
“เข้าใจค่ะคุณชาย” แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ตอบรับโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น กลัวเขาจะเห็นดวงตาที่แดงก่ำพร้อมจะร้องไห้ของตัวเอง ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้คุณชายเห็น อาจถูกสมเพชมากกว่าเดิม
ใช่ว่าไม่เคยถูกดุด่า หล่อนเจอมาทุกสารพัดรูปแบบแล้ว แต่ไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าใครสักคนมีเพียงแอบหลบไปนั่งน้อยใจในห้องของตัวเอง แต่พอเป็นคุณชายกานต์ที่พูดจาขึ้นเสียงใส่ ใจดวงนี้มันก็เจ็บแปลบอย่างไม่อาจห้ามได้
“ออกไปได้แล้ว” เห็นเธอยืนนิ่งจึงบอกเสียงเข้มพลางหันหลังทันที กำกล่องแหวนเอาไว้แน่นไม่มองร่างบางที่รับคำเสียงอ่อน
“ค่ะ” รีบรุดออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พอดีกับน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้มจนต้องรีบเช็ดออก เธอพรูลมหายใจแล้วสะกดจิตตัวเองเอาไว้
“เฮ้อ อย่าร้อง อย่าร้องเด็ดขาดนะจันทร์” บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วพยายามกำหนดลมหายใจเข้าออก หล่อนเดินออกมายืนหน้าห้องของคุณชายทวี กลัวว่าจะไปเกะกะห้องของคุณชายกานต์ หากเขาออกมาข้างนอกแล้วเห็นตน
อุบัติเหตุครั้งนั้นกลายเป็นบาดแผลในใจของคนที่เคยเสนอให้หล่อนเรียกว่าพี่ชาย เขาโทษทุกคนโดยเฉพาะเธอที่อ้อนให้หม่อมมาลีรัตน์ไปรับอยู่โรงเรียนจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลกุลนาถ
แต่ใครอยากให้มันเป็นแบบนั้นล่ะ...หล่อนเองก็เสียใจไม่แพ้กันเลย
“จันทร์...เป็นอะไรทำไมตาแดงๆ” ยืนนิ่งสักพักแล้วกำลังจะลงไปข้างล่าง กลับกลายเป็นว่าหม่อมราชวงศ์ทวีติยากรเดินมาพบเสียก่อน รีบรุดเข้ามาจับสองมือบางเอาไว้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงยามเห็นเธอมีท่าทีโศกเศร้าเสียใจ
“หาวค่ะ น่าจะเพราะหาวเมื่อกี้เลยตาแดง ดูสิ...น้ำตาไหลจนได้” หาข้ออ้างมาบอกแล้วรีบปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว
“ง่วงเหรอ ง่วงก็ไปนอนสิ ช่วงเช้าไม่ต้องทำอะไรหรอกมีแม่บ้านตั้งเยอะแยะ ไหนจะต้องทำงานที่ร้านอาหารอีก ไปนอนเลย..ฉันอนุญาต” ถึงไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องตามน้ำ คาดคั้นไปหากไม่มีหลักฐานมีหรือคนปากแข็งจะยอมบอก
“คุณชายให้ท้ายจันทร์อีกแล้ว” บอกเสียงอ่อน
อีกเหตุผลที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ยากก็เพราะมีคุณชายทวีคอยให้ท้ายกันเสมอ ไหนจะข่าวว่าตนอยากขึ้นเป็นภรรยาของเขาอีก ซึ่งมันไม่มีมูลความจริงสักนิด
“ฉันให้ท้ายขนาดนี้ยังไม่ยอมเชื่อฟังกันเลย...เอาแบบนี้ดีกว่า มาพักห้องฉันจะได้ไม่ต้องโดนดุว่าแอบงีบ” มีหรือที่ชายทวีจะละความพยายาม กลับจับจูงหล่อนเพื่อมาห้องของตนเอง แต่จันทราขืนตัวเอาไว้เสียก่อน
กลัวว่าจะมีคนมาเห็นแล้วคาบข่าวไปฟ้องคุณหญิงอีก คราวก่อนเธอก็ถูกตักเตือนว่าห้ามเข้าใกล้ลูกชายสุดที่รักของท่านไปทีหนึ่งแล้ว
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันพอดี”
“เข้าใจผิดสิดี...ฉันชอบ” ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นอันรู้กันดีว่าพวกเขาทำทุกอย่างมีประสงค์อะไร แต่มันไม่ได้เป็นผลดีกับหล่อนน่ะสิ
“คุณชายเป็นแบบนี้ตลอดเลย ทุกวันนี้มีแต่คนบอกจันทร์อยากขึ้นเป็นภรรยาของคุณชาย...จันทร์ไม่ได้อยากเป็นสักหน่อย” ใบหน้ากระเง้ากระงอดช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน คุณชายทวีรักหล่อนเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่หลายคนก็เอาไปตีความต่างๆ นานา
ซึ่งเขาก็ชอบให้เป็นแบบนั้นแหละ...เข้าใจผิดกันไปนานเท่าไหร่ยิ่งดี