๓ ไม่เคยดีในสายตา (๑)
๓
ไม่เคยดีในสายตา
โถงรับแขกขนาดกว้างถูกใช้สำหรับพูดคุยเมื่อลูกชายคนโตกลับมาถึงบ้าน หม่อมภัทรวดีนั่งคอตั้งหน้าตึงยามทราบข่าวเมื่อเห็นกระเป๋าหลายสิบใบถูกลำเลียงขึ้นไปชั้นบน ตนเพิ่งกลับมาจากบ้านเพื่อน เลยได้รู้เรื่องของคุณชายกษิดิศที่กำลังจะกลับมาอยู่บ้านกุลนาถ หลังออกไปเรียนและทำงานอยู่ต่างประเทศร่วมสิบปี
ตกใจเป็นอย่างยิ่งเพราะตนรู้คนสุดท้าย เหมือนคราวงานศพหม่อมเจ้าเก็จมณี คนในงานดาหน้าเข้ามาถามท่านก็ทำเพียงยิ้มแย้มแล้วตอบพอให้ไม่เสียหน้าเท่านั้น
อาจเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ลูกในไส้จึงไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่...
แต่การไปมาไม่บอกกล่าวก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้โมโหตลอด ชายกานต์ทำทุกอย่างตามใจตัวเองจนท่านไม่สามารถควบคุมได้ นั่นแหละคือสาเหตุที่รู้สึกหมั่นไส้ลูกเลี้ยงนักหนา ทั้งยังแววตาจองหองเหมือนแม่ไม่มีผิด
“ไม่เคยบอกฉันหรอกจะไปหรือมา ปล่อยให้ฉันรู้คนสุดท้ายตลอด...ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนงลักษณ์มาถามว่าลูกคนโตรับงานสร้างบ้านหรือเปล่า ฉันก็คงไม่รู้ว่าเธอกลับไทยแล้ว” ข่าวลือว่าเขาจะกลับมาทำงานที่ไทยแพร่สะพัดไปทั่วจริงๆ
ขนาดคนรอบข้างยังทราบก่อนตน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้โกรธได้ยังไง ปากหยักเม้มแน่นยามมองร่างหนาที่นั่งเยื้องกัน โดยมีลูกชายคนโปรดนั่งข้างเพื่อจะได้ปลอบปะโลมทันหากอารมณ์หม่อมแม่ไม่คงที่
“ผมบอกน้องแล้วครับ” แม่บ้านนำน้ำเข้ามาเสิร์ฟแล้วรีบออกไป ให้พื้นที่สำหรับเจ้านายได้พูดคุย
ความจริงเขาก็บอกน้องชายก่อนจะกลับไทยไม่กี่วัน หากปุ๊บปั๊บมาโดยไม่บอกกล่าวเกรงจะทำให้แตกตื่น อีกอย่างก็ต้องการให้คนรถไปรับของที่สนามบินเพื่อกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน ไหนจะต้องนำของออกจากกระเป๋าอีก
เขาไปอยู่หลายปีข้าวของไม่ใช่น้อยเลย บางอย่างก็ตัดใจทิ้งเอาไว้ที่นู้นไม่นำกลับมาด้วย แต่ของบางสิ่งก็ไม่อาจทิ้งลง...
“แต่ไม่บอกฉัน!” พูดเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด จนชายทวีต้องรีบขยับเข้าใกล้มารดาพลางโอบไหล่ท่านเพื่อปลอบให้ใจเย็นลง คุณชายกษิดิศมองแม่เลี้ยงด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยสักนิด
“ผมกลัวหม่อมแม่ยุ่ง เลยไม่ได้โทรมาบอก” เรียกว่าตัดขาดน่าจะถูกกว่า หม่อมท่านไม่เคยโทรหาลูกเลี้ยง ส่วนคุณชายก็ไม่ได้ติดต่อมาที่บ้านกุลนาถเลย เขาใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาหลายปีแล้วหลังหม่อมมาลีรัตน์เสียชีวิต
“หึ ฉันคงยุ่งยี่สิบสี่ชั่วโมงจนเธอโทรหาไม่ติดเลยสินะ เอาเถอะ...อยากไปก็ไปอยากมาก็มา ฉันไม่ได้สนใจมากนักหรอก อยากทำอะไรต่อจากนี้ก็ทำไปเลย มองฉันเป็นหัวหลักหัวตอคนหนึ่งก็พอแล้ว” ประโยคตัดพ้อกับน้ำเสียงที่ทำราวกับไม่สนใจจนลูกชายคนโปรดต้องรีบแก้ต่างแทนพี่ชาย
“หม่อมแม่ พี่ชายกานต์ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกครับ” ความหวังดีของคุณชายกลับถูกมารดาค้อนวงโต
“เราก็เหมือนกัน ไม่บอกแม่สักคำว่าพี่ชายกลับบ้าน” ถึงคิวของหนุ่มหน้ามนที่ไปไม่เป็น ถึงจะอยู่บ้านเดียวกันก็ไม่ค่อยได้เจอท่านเท่าไหร่ ยกเว้นช่วงหลังหม่อมแม่ชอบเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของเขาเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าทำไมถึงประเคนผู้หญิงมากหน้าหลายตาให้ตลอด ทั้งพามาที่บ้าน พาไปหาอยู่บริษัท หรือชวนไปรับประทานอาหารด้วยกัน
สำหรับเขาแล้วมันค่อนข้างน่าอึดอัด...แต่ก็ขัดท่านไม่ได้
“ผมคิดจะบอกหลายรอบแล้ว แต่หม่อมไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปหาคุณประไพวัลย์ตลอดเลยนิครับ จะให้ผมบอกตอนไหน” เจอหน้ากันอีกฝ่ายก็เอาแต่พูดเรื่องหญิงเหล่านั้น จะบอกเรื่องพี่ชายกานต์ตนก็ลืมเสียสนิท หากมีเวลาว่างหม่อมแม่ก็ไปบ้านเพื่อนเพื่อพบปะสังสรรค์
เขาจนใจจะบอกจึงปล่อยให้ทราบเอง...แล้วมันก็เป็นเรื่องเหมือนตอนนี้
“จิ๊ แล้วจะมาอยู่บ้านนานเท่าไหร่ล่ะ” พอเจอเหตุผลที่พอจะฟังได้บ้าง ถึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นคุณชายกษิดิศเช่นเดิม
“คงไม่ไปไหนแล้วครับ” คำตอบของเขาสร้างความดีใจให้แก่น้องชายเป็นอย่างยิ่ง การอยู่บ้านหลังใหญ่โดยมีญาติเหลือเพียงคนเดียวคือหม่อมแม่ทำให้ค่อนข้างเหงา จะไปวังทวีเดชตนก็ไม่ค่อยสนิทกับญาติทางนั้นสักเท่าไหร่
อีกอย่างท่านอาทั้งหลายก็เริ่มย้ายออกไปสร้างบ้านเรือนของตนอยู่กับครอบครัวแล้ว จะมีเพียงแค่ท่านอาเล็กที่ยังอยู่วัง แต่ก็เลือกอยู่ตำหนักเล็กที่ค่อนข้างปลีกวิเวก ปล่อยตำหนักใหญ่และตำหนักกลางให้ร้างผู้คน จนต้องมาปรึกษากันใหม่ว่าควรทำอย่างไรกับสองตำหนักนั้นดี
ซึ่งเขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนที่อยู่ในวังทวีเดชจัดการกันเอง ครอบครัวของตนย้ายออกมานานแล้ว หากเข้าไปข้องเกี่ยวก็รังแต่จะสร้างความวุ่นวายซะเปล่า
“ดีเลยพี่ชายกานต์ พี่กลับมาจะได้ช่วยบริหารโรงแรม ช่วงนี้ผมดูแลเรื่องรถไม่ค่อยมีเวลาไปดูโรงแรมเลย” กิจการของตระกูลค่อนข้างเยอะ แต่ดีที่มีลูกหลานคอยช่วยบริหาร เงินก็เฉลี่ยกันไปให้ครบทุกบ้าน
โดยเฉพาะคุณชายทวีติยากรผู้รับตำแหน่งใหญ่ในบริษัทนำเข้ารถยนต์ของครอบครัว เขาช่วยเรื่องบริหารได้มากทีเดียว แต่ก็อยากให้พี่ชายเข้ามาดูแลด้วยเพื่อจะแบ่งเบาภาระของตัวเอง
“ไม่ล่ะ กิจการของกุลนาถพี่ไม่อยากยุ่ง ตอนนี้พี่ทำงานบริษัทของทรงคุณ” แต่คุณชายกลับเลือกปฏิเสธทันทีโดยไม่ไตร่ตรองก่อน เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินส่วนนั้นให้เป็นที่นินทาว่าเกาะมรดกของพ่อ ทั้งที่แม่เป็นเพียงเมียบ่าว
ทุกคนดูถูกชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของมารดา ถึงท่านจะรักกับท่านพ่อก่อนก็ตาม...
“ทำงานกับพี่คุณ...ใช่บริษัทก่อสร้างที่แยกตัวออกมาหรือเปล่า” คิดครู่หนึ่งถึงชื่อที่ถูกเอ่ย เขาจำเพื่อนสนิทของพี่ชายได้เป็นอย่างดีเพราะเจอกันบ่อยตามงานสังคม ทรงคุณอัธยาศัยดีชอบชวนคุยเรื่องต่างๆ มีเสน่ห์ในวงสนทนาพูดคุยได้ไม่เบื่อ
ครอบครัวของอีกฝ่ายค่อนข้างร่ำรวยพอสมควร บริษัทก่อสร้างอันดับหนึ่งของประเทศ แต่ละปีได้กำไรหลายพันล้าน แต่เห็นว่าลูกชายกลับเลือกจะออกมาทำบริษัทเอง โดยมีเงินทุนจากบิดาในการเปิดกิจการ
“อ้อ บริษัทที่จะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่น่ะเหรอ เหมือนเอาทรัพยากรไปให้ลูกชายสุดที่รักผลาญเล่น ฉันไม่เห็นว่าจะทำกำไรสักเท่าไหร่ นึกว่าบริษัทร้างคนเข้าไม่มี พนักงานนั่งสลอนเต็มไปหมด” คุณหญิงได้ทีก็รีบแทรกพลางพูดจาดูถูกในสิ่งที่ตนเองได้เห็น
ท่าทีหยิ่งผยองของชายกานต์สร้างความหมั่นไส้ให้ท่านเป็นอย่างมาก ปฏิเสธงานของครอบครัวเพื่อไปเป็นลูกจ้างของบริษัทระดับล่าง
คงไปรอดหรอก...เดี๋ยวก็ซมซานกลับมาเหมือนเดิม
“ครับ บริษัทนั้นแหละ”
“หึ กลับไทยทั้งทีเลือกงานที่มันมีกินมีใช้ไม่ได้หรือไง ทำที่นั่นจะพอยาไส้เหรอ” คำพูดของท่านทำให้คุณชายกานต์ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ ทราบดีว่าหากกลับมาบ้านคงต้องเจอสถานการณ์เช่นนี้ มันไม่ได้เพิ่งเกิดแต่ทุกครั้งหากมีโอกาส ท่านก็ไม่พลาดจะจิกกัดเขาเสมอ
ตอนมารดายังอยู่ก็คอยบอกให้อดทนเอาไว้ อย่างไรหม่อมภัทรวดีก็เป็นเมียที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายของท่านพ่อ อีกทั้งมีท่านย่าคอยให้ท้ายตลอด ตนจะทำอะไรได้
“หม่อมแม่..” คุณชายทวีเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเตือนท่าน
“ไม่พอหรอกครับ สงสัยคงต้องรอเกาะหม่อมแม่กิน...แต่ไม่รู้หม่อมแม่จะมีหรือเปล่า เห็นช่วงนี้เอาเงินไปลงที่บ่อนจนเกือบหมดตัวแล้ว” ข่าวการไปสังสรรค์ของท่านก็แค่เพียงฉากบังหน้า ที่จริงก็เอาเงินทั้งหลายไปลงบ่อนพนันที่เล่นกันในหมู่คุณหญิงคุณนาย มีตำรวจใหญ่เป็นแบ็คอัพให้จึงได้เล่นกันอย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวถูกตำรวจมาจับ
แต่ไม่ทราบว่าข่าวนี้ไปถึงลูกเลี้ยงได้อย่างไร จึงได้เอามาตอกหน้าท่านซะไม่เหลือชิ้นดี สร้างความโมโหให้แก่หม่อมเป็นอย่างยิ่ง
“นะ นี่!” จะด่าก็พูดไม่ออก ทำแค่ชี้หน้าแล้วพยายามเปล่งเสียง
“ขอตัวนะครับ” ร่างสูงลุกยืนแล้วค้อมศีรษะเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บข้าวของทั้งหมดให้เข้าที่ ปล่อยน้องชายให้ปลอบมารดาเพียงลำพัง แล้วดูเหมือนจะเป็นงานยากเหลือเกิน