๒ ข่าวคราวการเลิกรา (๓)
สามปีต่อมา...
โอเวอร์โค้ทตัวยาวถูกถอดออกเมื่อมาถึงเมืองไทย อากาศแสนอบอ้าวทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่สวมเสื้อผ้าตัวหนา เพราะนอกจากเสื้อโค้ทแล้วเขายังใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อถักอีกต่างหาก ลืมไปว่าฤดูหนาวประเทศบ้านเกิดของตัวเองแตกต่างจากตะวันตก
กระเป๋าหลายใบถูกเข็นออกไปไว้ที่รถตู้คันใหญ่ แต่คุณชายกษิดิศกลับเลือกนั่งแท็กซี่เพื่อไปยังที่หมายซึ่งตนได้นัดกับเพื่อนเอาไว้ก่อน โชคดีที่ไม่มีอาการเจ็ตแล็กอย่างเคยนึกกังวล ตอนนี้ตนแทบไม่มีความรู้สึกอะไรด้วยซ้ำเมื่อได้ประเทศไทย
คิดมาตลอดว่าคงตั้งรกรากอยู่อเมริกา...ไม่คิดว่าวันหนึ่งต้องกลับไทยจากการชักชวนของเพื่อนสนิทมาตลอดระยะสามปี
เขาปฏิเสธไปหลายรอบแต่เหมือนทรงคุณไม่ยอมแพ้ รบเร้าหลายปีจนสุดท้ายหม่อมราชวงศ์หนุ่มหล่อตอบตกลงมาร่วมทำงานด้วย เพราะเขาเริ่มเบื่อกับเมืองที่มีการแข่งขันสูงเสียแล้ว
หรืออีกอย่างก็ไม่อยากพบอดีตคนรักที่ย้ายมาอยู่นิวยอร์กกับสามีชั่วคราว...หลังคลอดลูกชายคนแรก
“ทะแด๊! เป็นยังไงบ้างครับคุณชายกานต์ กระผมเตรียมห้องของคุณชายไว้ให้โดยเฉพาะ ถูกใจหรือเปล่า” เขาเข้ามาในอาคารสามชั้นที่อยู่แบบเอกเทศ รอบข้างปลูกต้นไม้สูงใหญ่และโต๊ะสำหรับพักผ่อน
หน้าทางเข้าเขียนอักษรภาษาอังกฤษขนาดใหญ่เอาไว้ marvelous construction เหมือนว่าเป็นชื่อบริษัทและทรงคุณจะเห่อเสียเหลือเกิน แนะนำยกใหญ่ก่อนขึ้นมายังชั้นสาม ระหว่างทางมีพนักงานค้อมศีรษะให้เขาตลอดเวลาจนต้องค้อมกลับ เล่นเอาเมื่อยคอเหมือนกัน
เข้ามาห้องทำงานส่วนตัวก็ตกใจกับความกว้าง คุณชายมองรอบห้องอย่างตกตะลึง เขาคิดว่าทั้งชั้นเป็นของตัวเอง โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งกลางห้อง มีโต๊ะเขียนแปลน โซฟาวางเป็นรูปตัวยูสำหรับพักผ่อนซึ่งสามารถทำเป็นเตียงได้ด้วย
ห้องน้ำในตัวก็มี ทั้งยังแยกโซนชำระร่างกายกับปลดทุกข์อีกต่างหาก ตู้เสื้อผ้าพร้อมสามารถนอนที่บริษัทแทนการกลับบ้านได้เลย
“นายทำเวอร์ไปหรือเปล่า ฉันเป็นแค่วิศวกรแต่มีห้องทำงานส่วนตัว ไหนจะมีโซนพักผ่อนอีก คนในบริษัทได้เอาไปนินทากันน่ะสิ” เอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อพูดกับคนที่ยืนข้างกัน ทรงคุณยิ้มแป้นกับผลงานการจัดห้องของตน เน้นโทนสีสว่างตาเพื่อปรับให้ทั้งห้องไม่อึมครึม แค่หน้าตาเจ้าของห้องก็หม่นหมองมากพอแล้ว
“แล้วไง ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเอาไปพูดยังไง นายเป็นตัว..เอ่อ หมายถึงคนเรียกทรัพย์ให้บริษัทเลยนะ แค่ได้ข่าวลือว่านายจะมาทำงานให้บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ก็มีคนมาจองตัวไว้แล้ว เฮ้อ คิดไม่ผิดเลยที่ให้หุ้นนาย 2%”
ข่าวลือกระจายเป็นวงกว้างไม่รู้ว่าเริ่มจากใคร คุณชายกษิดิศวิศวกรมากความสามารถที่โด่งดังในต่างประเทศ ร่วมสร้างอาคารหลายแห่งเป็นที่กล่าวขาน ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศจากงานของตัวเอง มูลค่าในตัวเขาจึงเพิ่มสูงขึ้น
การกลับมาไทยคราวนี้ถึงจะเป็นเพียงข่าวลือ แต่ลูกค้าต่างก็ต่อแถวเพื่อให้คนดังของวงการรับงานตนเอง
การมาร่วมงานคราวนี้เหมือนร่างสูงเป็นเจ้านายเสียมากกว่า เขามีสิทธิ์ตัดสินใจรับเลือกงานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นโดยไม่ต้องถามท่านประธานอย่างทรงคุณก็ได้ หากไม่อยากทำก็ปฏิเสธถึงโครงการนั้นจะมีมูลค่าร้อยล้านก็ตาม
แต่ตอนนี้คงต้องสร้างชื่อเสียงและเงินให้บริษัทก่อน เมื่อเริ่มงานเขาจะพิจารณาทันทีว่าต้องการทำโครงการไหน
ครอบครัวของทรงคุณเป็นบริษัทก่อสร้างอันดับหนึ่งของประเทศ อยู่คู่บ้านเกิดเมืองนอนร่วมหกสิบปี แต่ลูกชายคนเล็กเพิ่งขอแยกมาเปิดบริษัทลูก โดยคนเป็นพ่อให้ทุนมาตั้งต้นและเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด สามปีมานี้อาจยังไม่มีงานมากนัก ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก
แต่อีกไม่นานหรอก...เขาเชื่อว่ามันจะโด่งดังจากฝีมือของคุณชายกษิดิศ
“มีอะไรขาดเหลือบอกได้นะ ส่วนคนในทีมฉันเตรียมไว้แล้วล่ะ...ตอนแรกนึกว่าต้องรอนานกว่านี้ ไม่คิดว่านายจะตอบรับบริษัทฉันเร็วกว่าที่คาดเอาไว้” คิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน ถึงตนจะบินไปหาเพื่อนที่นิวยอร์กบ่อย เสียค่าเครื่องบินหลายล้านในรอบสามปีก็ตาม
“สามปีคือเร็วแล้วเหรอ”
“อย่างต่ำฉันคิดว่าห้าปีด้วยซ้ำ” คุณชายเคยพูดว่าจะไม่ยอมกลับมาเหยียบประเทศไทย ตอนแรกก็กลัวตนเองจะทำไม่สำเร็จ
แต่สุดท้ายก็พากลับมาบ้านเกิดจนได้...
“ฉันจะมาเริ่มงานพรุ่งนี้ วันนี้ขอไปเก็บของที่บ้านก่อนแล้วกัน” มองโดยรอบแล้วรู้สึกชอบใจ เขาแค่อยากมาดูบรรยากาศของบริษัทเท่านั้น พอเห็นแล้วก็ค่อนข้างพึงพอใจเลยล่ะ
ตึกที่ปลีกวิเวกกับความเป็นส่วนตัวของห้องทำงาน ถือว่าทรงคุณเลือกทำเลได้ไม่เลว เป็นถิ่นทองคำเลยด้วยซ้ำ
“หา! นายยังไม่กลับบ้านเหรอ ฉันนึกว่านายกลับบ้านแล้วซะอีก” หันขวับถามเสียงดังอารามตกใจ นึกว่าอีกฝ่ายกลับบ้านแล้วค่อยมาหาตนเสียอีก
“ยัง เพิ่งถึงไทยก็มาหานาย”
“เฮ้ยคุณชาย! ไม่ต้องจริงจังเรื่องงานขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้รีบเท่าไหร่ นายจะพักอีกสักสามสี่วันค่อยมาทำงานฉันก็ไม่ว่าอะไร” บอกอย่างเกรงใจที่ทำให้เพื่อนต้องลำบาก นั่งเครื่องหลายสิบชั่วโมงไม่ได้พัก กลับต้องมาหาตนที่บริษัท
“จริงเหรอ ฉันพักสักสามสี่วันได้จริงเหรอ” ถามกลับเหมือนต้องการลองใจคนที่รอมาสามปี ทรงคุณถึงกับพูดไม่ออกพลางยิ้มแหยะ
“คือ ก็ ก็ถ้านายจะเริ่มงานพรุ่งนี้อยู่แล้วจะเลื่อนไปอีกทำไมล่ะ พูดแล้วไม่คืนคำสิ” ขยับเข้ามาใกล้พลางยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ตอนนี้รายได้ของบริษัทก็ลดลงไปมาก การมาของคุณชายถือว่ากอบกู้ชื่อเสียงให้กั่น
หากไม่เกรงใจก็อยากให้เริ่มงานวันนี้ไปเลย...
“หึ ก็ตามนั้น” ทั้งสองเดินออกจากห้องเมื่อสำรวจเรียบร้อย เจ้าของบริษัทยังพาทัวร์บริเวณที่เหลืออีกเกือบชั่วโมงถึงได้ยอมปล่อยเพื่อนกลับบ้าน
รถตู้ขับเข้ามาในบ้านแล้วจอดอยู่ด้านหน้า แม่บ้านที่ว่างต่างมาช่วยกันลำเลียงกระเป๋าขึ้นข้างบน หลังได้รับคำสั่งจากคุณชายทวีติยากร หลายแรงช่วยกันอย่างแข็งขัน ใบหน้าเบิกบานยามได้ทราบว่าบ้านหลังโตจะไม่เหงาอีกต่อไป
หรือบางทีมันอาจจะอึมครึมมากกว่าเดิมเมื่อลูกเลี้ยงกลับมา และแม่เลี้ยงมีสิทธิ์ขาดทุกเรื่อง...
หม่อมท่านดูจะชอบบงการชีวิตผู้อื่นเสียเหลือเกิน ล่าสุดคุณชายทวีก็โดนบังคับให้ไปดูตัว ทั้งยังพาหญิงสาวหลายคนไปประเคนให้ลูกชายถึงห้องทำงาน ทุกคนทราบดีว่าการกระทำของท่านเพื่ออยากกันใครบางคนออกห่างลูกสุดที่รัก
จันทรา...หญิงสาวที่คุณชายเอ็นดูนักหนาจนเรียกไปรับใช้ในห้องเกือบทุกคืน
“ข้าวของใครขนมาเยอะจังเลย..” ร่างบางเสร็จจากงานในครัวก็เดินออกมาข้างนอก เห็นแม่บ้านกำลังขนกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นบนห้อง จึงรีบถามคนที่เดินผ่านหน้า
“กระเป๋าใครเหรอคะน้าสาย” อย่างน้อยน้าสายก็เป็นอีกคนที่พูดดีกับเธอ ไม่ถึงกับเอ็นดูแต่ก็ไม่มีวาจาถากถางให้เจ็บใจ
“ของคุณชาย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเมื่อฟังอย่างนั้น
“คุณชายทวีไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงมีกระเป๋ามากมายขนาดนี้ได้ล่ะ” หล่อนจำไม่เห็นได้ว่าคุณชายทวีมีกระเป๋าเยอะเช่นนี้ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ออกนอกประเทศหรือไปเที่ยวที่ไหน แล้วทำไมจึงมีข้าวของต้องขนจนนับไม่ไหว
“ของคุณชายกานต์ คุณชายกำลังจะกลับมาอยู่ไทยแล้ว” ชื่อของบุคคลที่ไม่ได้พบหน้ามาสามปี เล่นเอาหล่อนนิ่งค้างครู่หนึ่ง ลำคอแห้งผากเพียงแค่คิดว่าจะได้เจอเขา มุมปากพลันยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงจะพยายามปกปิดอาการดีใจไว้แค่ไหนก็ตาม
“คะ คุณชายกานต์กลับไทย นานแค่ไหนคะ” ถามเสียงสั่นด้วยแววตาตื่นเต้น ของที่ขนมาไม่ใช่น้อย นั่นแสดงว่าเขาคงอยู่นานกว่าปกติ
“น่าจะอยู่ถาวร”
หมายความว่าตลอดไปหรือเปล่า...คุณชายกานต์จะกลับมาอยู่บ้านไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม
หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ทราบดังนั้น เธอสามารถมองเขานานเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องอาศัยเพียงรูปถ่ายวัยเด็กอีกต่อไปแล้ว