๒ ข่าวคราวการเลิกรา (๑)
๒
ข่าวคราวการเลิกรา
ช่วงเช้าทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างขยันขันแข็ง รู้ดีว่าตอนบ่ายต้องเตรียมวัตถุดิบและจัดโต๊ะเพื่อเปิดร้านช่วงเย็น หลายที่นั่งถูกจับจองผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรือโทรมาที่ร้าน แน่นอนว่าเต็มอย่างรวดเร็ว
ชุดที่สวมเป็นแบบเดียวกันคือเสื้อคอกระเช้าสีขาวกับกางเกงสีน้ำเงิน เพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวและสะดวกในการทำงานบ้าน ส่วนชุดสำหรับใส่ในร้านก็เป็นสีเดียวกันเพียงแค่เปลี่ยนจากกางเกงเป็นกระโปรง
แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับอภิสิทธิ์ในการไม่ต้องสวมเครื่องแบบแม่บ้านคือจันทรา หล่อนใส่เสื้อผ้าสบายตามคำอนุญาตของท่านย่าที่เอ็นดูเด็กสาวเป็นพิเศษ ทำราวกับเธอคือญาติคนหนึ่งไม่ใช่เพียงเด็กในบ้าน จากนั้นเป็นต้นมาหล่อนจึงค่อนข้างมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นจนถูกหมั่นไส้บ่อยครั้ง
“ได้ข่าวหรือเปล่า” ในห้องครัวกำลังเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้หม่อมภัทรวดี หลังสูญเสียสามีท่านก็ได้รับมรดกเกือบร้อยล้าน ธุรกิจที่ถือครองโดยท่านชายก็กลายเป็นชื่อของภรรยาจดทะเบียน จากนิสัยอ่อนหวานเรียบร้อยก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
หลายคนจึงเกรงกลัวยามอยู่ต่อหน้าหม่อมท่าน เตือนใจตัวเองเสมอว่าห้ามมีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด
“ข่าวอะไรเหรอพี่” สองสาววัยไล่เลี่ยกันกำลังกระซิบกระซาบอยู่ในครัว ระหว่างที่ทำลูกชุบอย่างประณีตตามคำสั่งคุณหญิง
“ก็ข่าวที่คุณชายกานต์เลิกกับคุณหญิงกนกไง...วันก่อนฉันตามหม่อมไปบ้านของคุณหญิงกนก เลยรู้ว่าคุณหญิงกำลังจะแต่งงานกับดยุคของอังกฤษ ได้ข่าวว่ารวยมาก มีที่หลายร้อยเอเคอร์ ตระกูลสืบทอดกันมาหลายรุ่น แค่ได้ยินก็ขนลุกซู่ ฉันเป็นคุณหญิงก็เลือกเป็นดัชเชสดีกว่ามาอยู่กับคุณชายที่มีแม่เป็นหม่อมก้นครัว”
เท้าเรียวที่กำลังจะก้าวเข้าห้องครัวกลับชะงัก เธอเพิ่งเข้ามาในบ้านและได้รับคำสั่งจากหม่อมท่านเพื่อให้มาเร่งมือแม่ครัวที่กำลังทำของว่าง หญิงสาวไม่ชอบหน้าที่นี้เท่าไหร่ รู้ดีว่าตนเองถูกคนอื่นมองด้วยสายตาเหยียดหยามแค่ไหน
การเป็นคนโปรดของท่านย่าและคุณชายทวีไม่ใช่เรื่องดีสักนิด กลับถูกแม่บ้านวัยใกล้เคียงกันกลั่นแกล้ง บ้างก็หาว่าเธอคิดแผนจับคุณชายเพื่อขึ้นเป็นหม่อม ถึงจะพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่มีใครเชื่อสักคน
แต่ข่าวที่เพิ่งทราบวันนี้ทำเอาหัวใจดวงน้อยหยุดเต้นไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะกลับมาทำงานปกติแล้วเต้นแรงกว่าเดิม จะว่าเศร้าก็ไม่ใช่ลิงโลดก็ไม่ถูกนัก เธอสงสารคุณชายมากกว่าที่ต้องอกหักจากชาติกำเนิดที่เลือกไม่ได้
มือเล็กกำเข้าหากันด้วยความโกรธที่หม่อมมาลีรัตน์ถูกกล่าวถึงอย่างไม่เคารพ ขนาดท่านจากไปหลายปีชื่อยังวนเวียนให้ถูกหัวเราะเยาะมาตลอด ผู้มีพระคุณของเธอเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาและใจดี เหตุใดจะต้องถูกมองเพียงแค่ชาติกำเนิดที่ไม่สูงศักดิ์เหมือนผู้อื่น
“แล้วอย่างนี้คุณชายกานต์เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“จะไปรู้เหรอ ทำอย่างกับคุณชายส่งข่าวมาบ้าน เราเคยรู้เรื่องอะไรของคุณชายบ้างล่ะ” ตั้งแต่ท่านย่าจากไปเมื่อห้าเดือนก่อน ก็แทบไม่ได้ยินข่าวคราวของคุณชายอีกเลย ทราบเพียงอีกฝ่ายทำงานอยู่นิวยอร์กเป็นวิศวกร
นอกจากนั้นก็เงียบหาย...เหมือนกับว่าไม่มีตัวตนอยู่บนโลก
ถึงเธออยากทราบข่าวของเขามากเพียงใด ก็ทำได้แค่เขียนระบายความรู้สึกผ่านกระดาษหนึ่งแผ่นแล้วเก็บไว้กับตัวเอง จดหมายที่อยากส่งแต่ไม่อาจถึงมือผู้รับได้
“พี่ป่านทำลูกชุบเสร็จหรือยังจ้ะ หม่อมท่านให้มาถามจะได้ห่อใส่กล่องไปให้คุณประไพวัลย์ด้วย” ร่างแบบบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึง เธอไม่ชอบที่ทั้งสองกล่าวถึงบุคคลที่สามในทางไม่ดี
ทั้งที่หม่อมมาลีรัตน์และคุณชายกษิดิศเป็นเจ้านายโดยตรง...
แต่จะใช้ไม้แข็งหรือพูดจาขวานผ่าซากก็ไม่ได้ เธอไม่อยากโดนหม่อมภัทรวดีลงโทษอีก คราวก่อนถูกตบหน้าเพราะไปหาเรื่องคนของท่านยังจำได้ไม่ลืม ตอนนี้หล่อนไม่มีคนคุ้มกะลาหัวแล้วก็ต้องหัดเจียมเนื้อเจียมตัว
อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน...หากมีลู่ทางหนีออกจากวิมานแห่งนี้ จันทราสาบานเลยว่าจะไม่อยู่รบกวนอีกต่อไป
ถึงใจขอเธอมันจะรอคอยใครคนหนึ่งมาตลอด แม้เขาไม่มีทีท่าว่าจะกลับไทย และดูเหมือนอาจอยู่ต่างประเทศถาวรก็ตาม
“กำลังจะเสร็จ...สั่งเก่งอย่างกับเป็นหม่อมอีกคน คุณชายทวีถือหางนิดหน่อยล่ะอวดเบ่งเก่งเหลือเกิน ยังไงก็ขี้ข้าเหมือนกันล่ะวะ อยากจะขึ้นเป็นนายแต่กำพืดก็ต่ำไม่เปลี่ยน” ตอบเสียงสะบัดแล้วนินทาจันทราต่อหน้าไม่สนใจสักนิดว่าหล่อนจะรู้สึกอย่างไร
เพราะมีหม่อมภัทรวดีถือหาง...ถึงได้กล้าทำอะไรตามใจตัวเอง
คราวก่อนก็ดูถูกหม่อมมาลีรัตน์จนจันทราทนไม่ไหวมีปากเสียงกัน เดือนร้อนต้องให้หม่อมภัทรวดีมาลงโทษ แล้วมีหรือที่คนโปรดจะโดนหนัก นอกจากตักเตือนครู่เดียว ต่างจากหล่อนถูกตบหน้าจนบวมช้ำที่กล้าไปทำร้ายร่างกายคนอื่น
จากนั้นจึงเตือนใจตัวเองว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว พอสิ้นท่านหญิงเก็จมณีหล่อนก็ต้องพึ่งตัวเอง ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวอีก
“ทำอย่างกับจะเป็นได้ หม่อมท่านหาผู้หญิงให้คุณชายทวีเลือกไม่เว้นวัน ช่วงนี้ยิ่งพาออกงานสังคมมากกว่าเดิม ฉันว่าถึงมันได้เป็นคุณนาย...ก็แค่เมียเก็บนั่นแหละพี่” ร่างบางไม่อาจทนฟังต่อจึงเดินออกไปทันที หล่อนมองของว่างที่เก็บลงกล่องก็คิดว่าหน้าที่ของตนเรียบร้อยแล้ว
ที่เหลือก็ปล่อยให้สองคนนั้นพูดเรื่องของคนอื่นต่อไป อย่าไปใส่ใจหรือร้อนรนกับประโยคเหล่านั้น ปล่อยวางทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่ในบ้านกุลนาถอย่างสงบสุข
“นั่นสิ ใครจะอยากเอาไปออกงานสังคมด้วย” มือบางกำเข้าหากันแน่น เธอรีบก้าวไปทางด้านหลังบ้านที่เป็นห้องพักของตัวเอง เปิดประตูเข้าไปข้างในพลางพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก อุตส่าห์อดกลั้นไม่ต่อปากต่อคำได้แล้ว
เก่งมากเลยจันทร์...เก่งมาก
ขาเรียวก้าวมานั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง หล่อนเปิดโคมไฟพลางหยิบกระดาษออกมาจากลิ้นชัก จดหมายที่อยากส่งไปให้คนไกลถูกเขียนขึ้นแต่ก็ถูกเก็บลงกล่องสีเข้มเหมือนเดิม
“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจหรืออยากคุยกับพี่ก็เขียนมาได้ตลอดเลยนะ พี่จะพยายามตอบกลับให้มากที่สุด” คุณชายกษิดิศเรียนต่อปริญญาตรีที่ไทยได้แค่ปีเดียว ก็เลือกสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ความเก่งของเขาทำให้เป็นชายหนุ่มคนเดียวที่สอบชิงทุนได้เต็มจำนวน
กำหนดระยะเวลาการกลับมา แต่ความไม่แน่นอนก็ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยกังวลว่าพี่ชายแสนดีจะไม่กลับไทย เหมือนที่แม่จากเธอไปตลอดกาล
เขาจึงได้ยื่นสมุดรายงานให้เธอ พร้อมรอยยิ้มเอ็นดูยามมองเด็กหญิงที่เพิ่งมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน เธออยู่ในช่วงปรับตัวกับสิ่งไม่คุ้นเคย แต่ยังดีที่ท่านย่าเอ็นดูช่วยสอนหลายสิ่งทั้งยังส่งร่ำเรียนอีกต่างหาก
ถึงจะเสียแม่ไป...แต่เชื่อเถอะว่าต่อไปจะมีอนาคตที่ดีแน่นอน
“คุณชายจะตอบจดหมายของจันทร์จริงเหรอคะ” ดวงตากลมมีน้ำใสคลอเบ้าขณะมองพี่ชายที่กำลังจะจากไปไกลคนละซีกโลก เงยหน้าจ้องเขาพลางพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
มาอยู่สภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคย มีเพียงคุณชายกานต์ที่คอยดูแลแล้วอนุญาตให้เรียกว่าพี่ แต่ท่านย่าก็ท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม จึงต้องเรียกเขาว่าคุณชายเหมือนอย่างที่คนอื่นเรียก
“จริงสิ...ก็จันทร์เป็นเหมือนน้องสาวของพี่นี่นา น้องเขียนมาทั้งทีทำไมพี่จะไม่ตอบล่ะ...นี่ที่อยู่ของพี่” มือหนายกมาลูบศีรษะมน เธอรู้สึกอุ่นวาบในอกแล้วค่อยแย้มยิ้มออกมา กอดสมุดรายงานไว้แน่นเหมือนเป็นตัวแทนของเขา
“จันทร์จะเขียนจดหมายหาคุณชายแล้วส่งไปให้นะคะ”
“ครับ” นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราพูดดีต่อกัน เพราะต่อมาหล่อนกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณชายกษิดิศสูญเสียบิดามารดาไปตลอดกาล...