๑ ชุบตัว (๓)
ถึงอีกฝ่ายจะหน้าตาสะสวย เก่งเรื่องการทำอาหารและเรียนการเรือนจากท่านหญิงเก็จมณีแต่ฐานะอันต่ำต้อยไม่อาจคู่ควรกับลูกชายของตน
“หึ อย่างนั้นเหรอ นึกว่ามาเปิดตัวการคบหากับหญิงกนกซะอีก ฉันรู้เป็นคนสุดท้ายอีกตามเคย คงเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอ” เสียงที่เอ่ยบ่งบอกว่ากำลังโกรธมากแค่ไหน ท่านคงไม่รู้สึกอะไรหากคนที่ชายกานต์คบหาด้วยเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา หรือคนต่างชาติ
แต่ความจริงที่เห็นตรงหน้ามันไม่ใช่อย่างที่คิดสักนิด กลับตาลปัตรไปหมดจนต้องกล้ำกลืนความเจ็บแค้นเอาไว้
คนแม่ก็หวังอาจเอื้อมคบกับท่านชาย คนลูกยังคบหากับผู้หญิงที่เพียบพร้อมศักดิ์ทัดเทียมกันอีก แค่คิดในอกก็ร้อนรุ่มเหมือนไฟมาสุมทรวง
“หม่อมแม่ครับ พี่ชายกานต์คงไม่คิดอย่างนั้นหรอก”
คุณชายทวีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกจากโซฟาเดี่ยวแล้วมานั่งข้างมารดา พร้อมโอบไหล่ท่านพลางนวดเพื่อให้คลายความเกร็ง รู้ว่าท่านโกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
พยายามทำความเข้าใจหม่อมแม่เพราะคนทั้งงานก็เข้ามาถาม แต่ท่านกลับตอบไม่ได้ว่าเหตุใดลูกชายคนโตถึงปรากฏกายพร้อมกับคุณหญิงกนกได้
ทุกคนในบ้านเพิ่งทราบ...ยกเว้นเขาที่พี่ชายโทรมาบอกก่อนแล้ว
“ชายก็เหมือนกัน รู้เรื่องชายกานต์จะกลับไทยอยู่แล้วแต่ก็ปิดแม่ ทั้งครอบครัวมีกันอยู่สองคนหรือไง” กลายเป็นมาโทษลูกชายของตน พร้อมมองด้วยแววตาแง่งอนเล่นเอาคุณชายทวีติยากรต้องอ้อนเพื่อให้ท่านคลายความโกรธลง
“ผมว่าหม่อมแม่น่าจะเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวผมพาขึ้นห้องไปพักผ่อนนะครับ ปล่อยพี่ชายให้โดนลงโทษอยู่ตรงนี้ดีกว่า ขึ้นบนห้องกันครับหม่อมแม่” รีบพามารดาขึ้นชั้นบนไม่วายหันมายักคิ้วให้พี่ชาย บอกกรายๆ ว่าเหตุการณ์วันนี้ผ่านไปด้วยดี
ร่างหนาพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า กลับถึงไทยช่วงเช้าก็พักที่โรงแรม ตอนเย็นถึงไปงานท่านย่าแล้วต้องทักทายคนมากหน้าหลายตา ที่บางคนตนก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนม เบื่อกับการสวมหน้ากากเข้าสังคม เขามีความสุขในการทำงานอยู่ต่างประเทศมากกว่า เอาผลงานเข้าสู้เพื่อการเลื่อนขั้น
ไม่มียศศักดิ์ต้องนับขั้นเหมือนตอนอยู่ไทย สร้างความสบายใจจนไม่อยากกลับมาที่นี่ หลังมารดาสิ้นชีวิตเขาก็เหมือนคนไร้ที่พึ่ง ความรู้สึกทั้งหมดราวกับบ้านหลังใหญ่พังทลายลงมาตรงหน้า ไม่มีสัญญาณบ่งบอกให้เตรียมใจรับกับการจากไป
ช่วงแรกเขาโทษทุกอย่าง กระทั่งหญิงสาวที่หม่อมภัทรวดีรับมาเลี้ยงอย่างจันทรา ว่าเป็นสาเหตุให้มารดาของตนต้องเสียชีวิต
หากท่านไม่ไปรับหล่อนที่โรงเรียน คงไม่มีรถบรรทุกฝ่าไฟแดงแล้วประสานงากับรถของท่านพ่อและแม่ของเขา...
แค่คิดถึงก็น้ำตาคลอจนต้องสูดลมหายใจแล้วลุกจากโซฟา ค่อยก้าวขึ้นบันไดวนไปยังชั้นสอง เขาอยู่เรือนใหญ่มาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ แต่กลับไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมัน ความอ้างว้างทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว จนอยากเร่งวันกลับไปทำงานโดยเร็ว
อย่างน้อยอยู่ที่นั่นก็ไม่ต้องมีสายตาหลายคู่จับจ้อง...
ประตูไม้สักบานใหญ่ แกะสลักลายฉลุไทยถูกเปิดออก ห้องของเขายังคงเหมือนเดิมราววันวาน เตียงกว้างอยู่กลางห้อง ตรงข้ามมีโต๊ะวางทีวีขนาดสามสิบสองนิ้ว ด้านซ้ายคือโต๊ะอ่านหนังสือ และโซฟาติดระเบียง
ภาพครอบครัวที่มีท่านพ่อนั่งตรงกลาง หม่อมแม่ใหญ่นั่งฝั่งซ้ายและแม่ของเขาอยู่ทางขวา ส่วนด้านหลังคือคุณชายทั้งสองของบ้านกุลนาถ
รอยยิ้มเหล่านั้นมันเป็นเพียงอดีตไปแล้ว...ไม่มีครอบครัวอบอุ่นอย่างเคย เพียงแค่มองเขาก็ต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ แล้วเดินไปทางห้องแต่งตัวบิวท์อินที่ขอร้องท่านพ่อสร้างให้เมื่อสิบปีก่อน
“อ่ะ...ขอโทษค่ะคุณชาย คือ คือจันทร์แค่เข้ามาจัดที่นอนให้ใหม่” ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อมีคนออกมาจากห้องนั้นเสียก่อน คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าหล่อนเป็นคนรับใช้ของบ้าน ที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี
จันทรา...ผู้หญิงที่ถูกชุบเลี้ยงจนเติบโตมาในตระกูลกุลนาถ
“เสร็จหรือยัง” ใบหน้าหวานค้อมศีรษะไม่กล้าสบตา แล้วพยักหน้าขึ้นลง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ตอบในลำคอจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพราะในห้องเงียบจนเจ้าของห้องได้ยิน ถึงหลีกทางให้หล่อนได้ออกมาจากห้องแต่งตัวของตน
“งั้นก็ออกไปได้แล้ว” ร่างบางค้อมศีรษะเป็นการรับคำ แล้วรีบออกจากห้องอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่คิดว่าเขาจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้
ทั้งวันทุกคนง่วนกับงานของท่านหญิงที่สิ้นชีพิตักษัย จนไม่ได้มาดูห้องให้คุณชายกานต์ที่เพิ่งทราบว่ากลับไทย แต่ดีที่ทำความสะอาดทุกวันอยู่แล้ว เหลือเพียงเปลี่ยนผ้าปูเตียงและผ้าห่มใหม่ จันทราจึงถูกไหว้วานให้มาจัดการ
แล้วหล่อนขัดได้หรือไง...รู้ว่าเขาไม่ชอบยังย่างกรายเข้ามาในห้องนี้อีก ชายหนุ่มไม่ตะคอกใส่ก็บุญแค่ไหนแล้ว
เร่งฝีเท้าออกจากห้องของคุณชายคนโต โดยลืมเสียสนิทว่าตนต้องเอาตะกร้าที่มีผ้าปูผืนเก่าออกมาด้วย กลับกลายเป็นว่ามันยังตั้งอยู่บนพื้น ลำบากเจ้าของห้องต้องก้มลงไปหยิบแล้วถอนหายใจกับความสะเพร่าของหล่อน
“เฮ้อ..” ร่างหนาเดินไปยังหน้าประตู เปิดมันออกแล้วกำลังจะเรียกคนที่เพิ่งออกไป แต่แล้วก็ต้องเก็บเสียงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
จันทราที่เดินผ่านห้องของคุณชายทวีติยากรถูกคว้าเอวเอาไว้ คนกระทำจะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่ลูกชายของหม่อมภัทรวดี แววตาติดขี้เล่นทำให้คนแอบมองขมวดคิ้วมุ่น รับรู้ถึงสถานะที่ไม่ธรรมดาของคู่นั้น
จนนึกสงสัยว่าหม่อมแม่ทราบเรื่องหรือเปล่า...แล้วท่านจะทำอย่างไรกับลูกชายที่ไปมั่วหญิงรับใช้ซึ่งทำงานอยู่ก้นครัว
“ว๊าย คุณชาย!” อุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปิดปากตนเองกลัวคนอื่นจะมาได้ยิน
“เข้ามาห้องฉันเร็ว” คว้าเอวคอดแล้วดึงให้เข้ามาในห้อง จากนั้นจึงปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา คุณชายกษิดิศตัดสินใจวางตะกร้าไว้หน้าห้องของตนเอง พลางส่ายศีรษะแสดงความระอาในแววตาของตน
พอกำลังจะเดินเข้าห้องก็ได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากห้องของน้องชาย เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนทั้งสองกำลังทำอะไรกัน
ทั้งที่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้ท่านย่า...สองคนนั้นยังระเริงรักกันอย่างไม่อาย
คุณชายรีบปิดประตูเข้าห้องนอน คนทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่าหม่อมภัทรวดีคงไม่ยอมรับจันทราเป็นลูกสะใภ้อย่างแน่นอน