๑ ชุบตัว (๑)
๑
ชุบตัว
ซีดานสีดำขับผ่านรั้วอัลลอยด์ที่ค่อยเปิดออกอย่างเชื่องช้าด้วยระบบอัตโนมัติที่สั่งการผ่านรีโมท ล้อราคาเกือบล้านบดเบียดกับพื้นที่ปูด้วยปูนสำเร็จรูปหลากรูปร่าง ผ่านสวนขนาดใหญ่และอ่างน้ำพุรูปกามเทพถือศรอยู่ด้านข้าง ตรงกลางมีเทพีหน้าตางดงามกำลังเทน้ำออกจากโถใบใหญ่ โดยมีน้ำพุอยู่ด้านหลังเป็นการไหลเวียนของน้ำตามความเชื่อเจ้าของบ้าน
พาหนะตรงเข้าไปยังโรงจอดรถที่มีรถจอดอยู่สี่คัน เขาเลือกจอดด้านข้างก่อนดับเครื่องยนต์แล้วหยิบของสำคัญลงกระเป๋า ค่อยจัดการล็อครถเรียบร้อย แล้วเหลือบมองไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ห่างจากเรือนใหญ่
เหล่าแม่บ้านกำลังเดินเข้าออกอย่างขันแข็ง เห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วเพิ่งนึกออกว่าเรือนหลังนั้นได้ต้อนรับบุคคลสำคัญ
นั่นคือหม่อมเจ้าเก็จมณี กุลนาถผู้เป็นย่าของตน
“หม่อมแม่ล่ะ” ร่างสูงโปร่งที่สวมสูทหรูหราเดินขึ้นบันไดหน้าบ้านกว่าแปดขั้นเข้ามายังโถงกลาง ลมจากเครื่องปรับอากาศปะทะกายทำให้เย็นสดชื่น ผสมกับกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ซึ่งถูกจัดใส่แจกัน กลับบ้านมาทีไรก็รู้สึกผ่อนคลายทุกที
ดวงตาเรียวเหลียวหามารดาที่มักอยู่บ้านเสมอ หากท่านไม่นั่งอยู่ห้องรับรองแขก ก็จะคุมคนงานให้ทำความสะอาดบ้านที่แทบไม่มีฝุ่นจับอยู่แล้ว
แม้บิดาของเขาจะดำรงตำแหน่งหม่อมเจ้า แต่เมื่อท่านแต่งงานก็ย้ายจากวังทวีเดชมาอยู่บ้านพื้นที่กว่าสองพันตารางเมตร สร้างเรือนหลังใหญ่สไตล์คลาสสิคไว้สำหรับคนในครอบครัว โดยมีคนคุมเรือนคือหม่อมราชวงศ์ภัทรวดี
“หม่อมพาท่านย่าไปโรงพยาบาลค่ะ ท่านประชวร” ดวงตาเรียวเบิกกว้างกับข่าวที่ทราบ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมตนรู้เป็นคนสุดท้าย เขาแทบจะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งไปยังรถซีดานที่เพิ่งจอดสนิทเมื่อครู่ ใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
ท่านย่าอายุมากแล้วทั้งยังมีโรครุมเร้า ทั้งเบาหวาน ความดันและไขมันในเส้นเลือด ดูแลกันอย่างดีมาโดยตลอด ท่านย้ายจากวังทวีเดชมาอยู่เรือนหลังเล็กของบ้านกุลนาถ ตามคำขอของท่านชายใหญ่หรือท่านพ่อของเขา
หม่อมเจ้าธนทัต กุลนาถ...ซึ่งปัจจุบันสิ้นชีพิตักษัยแล้ว ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน พร้อมหม่อมมาลีรัตน์ กุลนาถที่นั่งรถคันเดียวกัน
“อะไรนะ ท่านย่าประชวร! แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉันเลย” จากใบหน้าที่เคยอ่อนโยนกลับกลายเป็นเกรี้ยวกราดจนเหล่าคนรับใช้ไม่กล้าจะสบตา คนในบ้านต่างรู้ดีว่าคุณชายทวีหรือหม่อมราชวงศ์ทวีติยากร กุลนาถ แม้นจะมีนิสัยอบอุ่นเข้าหาง่ายแต่ยามโมโหหรือโกรธ ก็เข้าหน้ายากเช่นเดียวกัน
อย่างตอนนี้ซึ่งคนถูกถามเสียงลั่นถึงกับตัวสั่น รีบค้อมศีรษะไม่กล้าสบสายตา แล้วพยายามรวบรวมสติเพื่อตอบ
“หม่อมติดต่อคุณชายไม่ได้ค่ะ”
“ฝากเอาไปไว้บนห้อง ฉันจะรีบไปดูท่านย่า” เมื่อได้ฟังเช่นนั้นจึงยื่นกระเป๋าที่ใส่เอกสารให้แก่แม่บ้าน ส่วนตนก็รีบวิ่งไปยังรถส่วนตัวเพื่อขับไปโรงพยาบาลที่ท่านย่าเข้ารับการรักษา ใจกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง ส่วนหนึ่งเพราะเมื่อคืนฝันไม่ดีด้วย
เขาจึงหวังเพียงให้มันเป็นแค่ฝันร้าย...และท่านย่ายังอยู่กับตนไปอีกนาน
จะมีใครที่ตามใจและมอบรอยยิ้มให้เสมอยามได้ฟังหลานรักพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ดวงตาเรียวมีน้ำใสคลอเต็มเบ้า ไม่รู้ว่าตอนนี้เหยียบคันเร่งไปเท่าไหร่ แต่มันก็ช้าเมื่อเทียบกับใจของตนที่ลอยไปถึงโรงพยาบาลแล้ว
ถัดจากเรือนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ทางฝั่งตะวันตกมีเรือนพักผ่อนกับเรือนริมน้ำ ซึ่งตอนนี้หม่อมภัทรวดีได้เปลี่ยนเรือนริมน้ำให้เป็นร้านอาหารตำรับชาววังที่มีแม่ครัวจากวังทวีเดชและแม่ครัวของบ้านกุลนาถทำหน้าที่เป็นเชฟ
การเข้าร้านมีสองทางคือทางบกซึ่งสามารถนำรถมาจอดไว้ได้ แยกพื้นที่ชัดเจนไม่ให้อยู่ปะปนกันกับส่วนที่พักอาศัยของตน และอีกเส้นทางคือทางน้ำ มีท่าให้เรือเทียบพร้อมกับระเบียงกว้างให้ชมวิวติดริมแม่น้ำ ตอนค่ำเรียกคนได้มากนัก รายได้ต่อวันค่อนข้างเยอะสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งบ้าน
แต่กิจการนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของธุรกิจในครอบครัวกุลนาถเท่านั้น ยังไม่รวมถึงกิจการโรงแรม ที่ดินกว่าสองพันไร่ในนครราชสีมา ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่และบริษัทนำเข้ารถยนต์ของฝั่งยุโรป สร้างผลกำไรมหาศาลให้แก่ตระกูล
ข่าวการประชวรของหม่อมเจ้าเก็จมณีสร้างความหวั่นวิตกให้คนในบ้านเป็นอย่างยิ่ง คนงานในร้านอาหารต่างไม่มีจิตใจจะทำงาน เอาแต่พะวงเรื่องพลานามัยของท่านย่า ผู้โอบอ้อมอารีและมีรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ การมีท่านอยู่บ้านหลังนี้ทำให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์ร้ายของหม่อมภัทรวดี
“ปิดร้านเถอะ วันนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว” ห้องครัวกำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเย็น ต่างสวมชุดในเครื่องแบบสีขาวสลับน้ำเงิน ตามสีของบ้านที่ท่านชายผู้สิ้นชีพิตักษัยโปรดปราน
เลือกใช้ผ้าราคาถูกแต่เนื้อดีใส่สบาย สวมหมวกเพื่อไม่ให้เส้นผมตกลงไปในอาหาร จนกลายเป็นเรื่องร้องเรียนของทางร้าน
แม่บ้านของเรือนใหญ่ที่ถูกเลือกให้มาทำตำแหน่งเชฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ แสดงออกถึงความวิตกจนคนอื่นสังเกตได้ พลอยทำให้บรรยากาศโดยรอบคุกรุ่นไปด้วย
“จะดีเหรอพี่...ถ้าหม่อมทราบจะไม่ว่าเราเหรอ ช่วงเย็นวันศุกร์ขายดีมากเลยนะ”
กำไรช่วงวันหยุดมักจะเยอะกว่าวันธรรมดา ทำให้เกณฑ์คนจากบ้านมาช่วยเสิร์ฟ แต่วันนี้ที่ท่านย่าประชวรทุกคนก็ไม่เป็นอันทำอะไร อยากรู้ข่าวว่าท่านปลอดภัยหรือเปล่า...
“นั่นสิ วันศุกร์ เสาร์กำไรดีกว่าเพื่อนเลยนะ ไหนจะคนที่จองโต๊ะไว้อีก...เราปิดไปจะทำให้ชื่อเสียงร้านเสียหรือเปล่า” พวกเขามีระบบการจองโต๊ะแต่ก็จำกัดเพียงแค่วันล่ะห้าโต๊ะเท่านั้น เพื่อกันที่ไว้สำหรับลูกค้าที่เดินทางมารับประทานอาหารโดยไม่ได้จองล่วงหน้า
“ทำต่อเถอะค่ะ ท่านย่าจะต้องปลอดภัย จันทร์เชื่อแบบนั้น” คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่พยายามโน้มน้าวให้บรรยากาศดีขึ้น ถึงเธอจะขวัญเสียกับข่าวมากแค่ไหน แต่เรื่องงานก็ต้องดำเนินต่อไป หล่อนคือผู้ช่วยเชฟหากไขว้เขวไปด้วยรังแต่จะทำให้คนอื่นกังวลมากกว่าเดิม
เธอมั่นใจว่าท่านย่าที่ช่วยสั่งสอนตนมาแต่เด็กจะต้องปลอดภัย ท่านจะไม่จากไปโดยเด็ดขาด...สวรรค์ต้องให้ท่านอยู่ต่ออีกนาน