บทนำ
บทนำ
เด็กหญิงตัวน้อยนั่งคุดคู้อยู่มุมห้อง ชันเข่าขึ้นกอดพลางปล่อยน้ำตาให้ไหลเป็นสาย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่มีสัญญาณบ่งบอกสร้างความสะเทือนใจแก่เธอเป็นอย่างมาก ดวงตากลมแดงก่ำทั้งยังบวมเป่งจากการร้องไห้
หายใจติดขัดเมื่อมีเมือกสีขุ่นจำนวนมากปิดกั้นการเดินทางของอากาศ จ้องมองประตูไม้สีเข้มที่ถูกเปิด แล้วซุกใบหน้าลงพลางขยับตัวออกห่าง หล่อนได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ แต่ไม่อาจทราบว่าเป็นผู้ใด ความร้อนระอุของห้องกลับมีลมเย็นพัดผ่านอย่างน่าฉงน
ตัดสินใจเงยหน้าอย่างเกรงกลัว ค่อยไล่สายตาตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีเข้ม ถุงเท้าที่ถูกดึงให้เรียบตึงเกือบครึ่งแข่ง กางเกงฟุตบอลและเสื้อยืดที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี แต่เมื่ออีกคนเข้ามาใกล้กว่าเดิมเธอก็ก้มหน้างุดพลางขยับหนีห่าง
ไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากเขา แล้วหล่อนก็กลัวเกินกว่าจะถามไถ่ หญิงสาวคิดถึงมารดาสุดหัวใจ ไม่ต้องการอยู่บ้านหลังใหญ่ หรือมีผู้คนห้อมล้อมมากมาย ขอแค่ได้แม่กลับคืนมาก็พอ แม้จะต้องตื่นเช้าเพื่อทำอาหารไปขาย กลับมาจากโรงเรียนต้องล้างหม้อใบใหญ่ ทำความสะอาดบ้านหรือเหนื่อยกว่านี้อีกกี่เท่า
ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มของแม่...ก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว
“ไม่หิวข้าวเหรอ นั่งแบบนี้มาทั้งวันแล้วนะ” คนที่อดรนทนรอไม่ไหวคือชายแปลกหน้า เธอจำไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน
งานศพของแม่ที่ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่หรือเปล่า ถึงพวกเธอจะเป็นเพียงคนธรรมดา ขายข้าวแกงแลกเงินในแต่ละวัน ห้องพักเท่ารูหนู เสื้อผ้าที่ใส่ไปโรงเรียนก็ได้รับตกทอดมาจากคนแถวห้องเช่า กลับมีงานฌาปนกิจที่คนใหญ่คนโตมาร่วมไว้อาลัย
หากไม่ใช่เพราะฆาตกรที่ขับรถชนแม่ของเธอจนตายเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ คงไม่มีทางที่คนจนอย่างเธอจะได้ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังนี้หรอก
“กินข้าวสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะไม่มีแรง” อาหารเย็นชืดวางไว้บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ร่างกายเล็กนั่ง เธอผอมบางซะจนเขากลัวว่าจะปลิวไปกับลม แขนเล็กแทบมีเพียงผิวหุ้มกระดูก จำได้ว่าเด็กหญิงมาอยู่บ้านหลังนี้เกือบสัปดาห์
แต่ไม่ค่อยออกไปไหนเอาแต่นั่งอยู่ในห้องไม่พูดไม่จา ข้าวก็กินเหมือนแมวดม น้ำก็ทำเพียงแค่จิบจนเขากลัวว่าเธอจะตายตามแม่ เข้าใจถึงอาการตรอมใจเพราะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทว่าสิ่งที่ไม่เห็นด้วยคือการทรมานตนเอง
เขาจึงเลือกเข้ามาหาเธอพร้อมเกลี่ยกล่อม ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าปกติ เพื่อให้เด็กน้อยคล้อยตามได้ง่าย
บ้านหลังนี้ให้การต้อนรับเธออย่างดี ถึงจะให้อยู่เรือนรับใช้หลังบ้าน แต่ก็มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะอ่านหนังสือเพื่ออำนวยความสะดวก
ข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ถึงการขับรถขณะมึนเมาของหม่อมราชวงศ์ภูธเนศ ฤทธิ์ณรงค์ ชนแม่ค้าขายข้าวแกงที่เดินข้ามถนนม้าลายจนเสียชีวิตตรงจุดเกิดเหตุ โดยมีลูกสาวอายุ 11 ปีกอดร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นมารดาแล้วร่ำไห้ปริ่มขาดใจ
ตระกูลกุลนาถคงไม่ต้องรับผิดชอบ หากไม่ใช่หม่อมราชวงศ์ภัทรวดี กุลนาถผู้เป็นพี่สาวสายเลือดเดียวกันยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทุกอย่าง น้องชายที่ไม่เอาไหนคงได้เข้าคุกไปแล้ว แต่เมื่อแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คดีจึงค่อยคลี่คลายเหลือเพียงควบคุมความประพฤติเท่านั้น
ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน ความประมาทแลกกับหนึ่งชีวิตที่ต้องสูญเสีย...
“ไม่กิน” สะบัดหน้าไปอีกทาง ไม่มีความนอบน้อมต่อชายตรงหน้าสักนิด ต่างจากคนในบ้านที่แทบจะคลานเข่าเข้าหาเขา แต่คุณชายก็ไม่ได้ติติงอย่างใด หล่อนมาจากต่างครอบครัวจะไม่รู้กฎหรือทำเนียมก็ไม่ผิด
“ร่างกายของคนเราสามารถทนต่อภาวะอดอาหารได้ 30 – 60 วัน ทนต่อภาวะขาดน้ำได้ 1 สัปดาห์ เธอเล่นไม่กินข้าวดื่มน้ำ ร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” ใช้ความรู้ที่เรียนมาเพื่อบอกสารให้อีกฝ่ายได้รับทราบ แต่เหมือนคนที่หมดกำลังใจจะใช้ชีวิตต่อ ทำเพียงเม้มปากที่กำลังสั่นเทา แล้วตอบเสียงเครือ
“ดี ให้มันตายไปเลยจะได้เจอแม่” ประชดประชันแสดงให้เห็นถึงความขุ่นหมองในใจ เบ้าตาคลอไปด้วยน้ำสีใส เธอร้องไห้ทั้งวันไม่ยอมออกไปข้างนอก แล้วก็ไม่มีใครคิดจะมาตามเด็กหญิงที่เพิ่งเข้ามาในบ้านซึ่งตนไม่รู้จัก หรือคุ้นเคยกับใครเลยสักคน
มีเพียงผู้หญิงวัยรุ่นสวมเสื้อคอบัวสีขาวกับผ้าถุงสีน้ำเงิน นำอาหารมาให้ทุกวันแล้วก็จากไป ไม่ได้อยู่พูดคุยเหมือนเขา
ไม่มีใครต้องการเธอ ความรู้สึกอ้างว้างแผ่ขยายในใจจนไม่อยากทำอะไร...
“ตายแล้วดีตรงไหน เธอรู้ได้ยังไงว่าตายแล้วจะได้เจอแม่ โลกหลังความตายเราต่างก็ต้องไปชดใช้กรรมที่ก่อ ยมบาลท่านคงไม่ใจดีพาไปเจอคนรู้จักหรอก” ถึงเขาจะไม่รู้ว่าตายไปจะเจอกับอะไร เรื่องของนรกสวรรค์จริงเท็จแค่ไหน แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือรั้งให้เธออยู่ใช้ชีวิตต่อไป
อย่างน้อยก็ใช้ชีวิตแทนแม่ที่จากโลกไป...แต่เขาเลือกจะไม่เอ่ยให้ทำลายบรรยากาศ ดูเหมือนเด็กหญิงจะหายจากอาการซึมเศร้าชั่วขณะ แล้วจ้องมองคนตัวสูงที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้า หล่อนกระพริบตาปริบแล้วฟังเขาอย่างใจจดจ่อ
“ถ้าอยากเจอแม่ก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอเจอแม่ได้ในความทรงจำ การกระทำ ความนึกคิด...ท่านปลูกฝังเธอไว้หมดแล้ว” เด็กหญิงคิดตามที่คนแปลกหน้าพูด เพียงแค่เธอนึกถึงท่านก็เหมือนได้อยู่ด้วยกัน มารดาไม่ได้จากไปไหนไกลแต่อยู่ในจิตใจอย่างนั้นเหรอ
นิ่งเงียบครู่หนึ่ง พยายามประมวลผลตามคำพูด จากนั้นจึงค่อยสบตากับคนที่จ้องมองไม่คลาดเคลื่อน เหมือนกับว่าเขากลัวเธอจะหายไปต่อหน้าตนเอง
คำพูดของหม่อมราชวงศ์กษิดิศไม่ได้ทำให้นึกซาบซึ้งในทันที แต่เธอกลับหายจากอาการโศกเศร้าครู่หนึ่ง...มันช่างน่าประหลาดกับคำพูดไม่กี่คำของเขา
“คุณเป็นใคร” ร่างสูงส่งยิ้มให้ทันทีเมื่อเธอเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เขารู้แล้วว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตรงหน้าจะหายจากอาการเศร้า แล้วมีพลังในการใช้ชีวิตต่อไป ไม่ใช่ร่างกายที่ไร้วิญญาณเหมือนตอนนี้
“เรียกฉันว่า...พี่กานต์ก็ได้” ปากหยักเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจใช้คำว่าพี่แทนคุณชายอย่างที่ใครเรียก ยศหรือตำแหน่งที่ได้มาตั้งแต่เกิด ใช่ว่าเขาจะชอบมันเสียเมื่อไหร่ พอได้โอกาสจึงถอดยศศักดิ์ของตนเอง
แล้วเป็นเพียงพี่ชายสำหรับเธอ...ไม่ใช่หม่อมราชวงศ์กษิดิศ กุลนาถ
“พี่กานต์” ค่อยเปล่งเสียงเรียกอย่างกล้าๆ กลัวๆ มองดวงตาเรียวที่จ้องมามีประกายของความพึงพอใจ หล่อนจึงค่อยยกยิ้มตามเขา
“ดีมาก แล้วเธอชื่ออะไรยังไม่ได้บอกฉันเลย จะให้ฉันเรียกเธอว่ายังไง” รอคอยคำตอบจากน้องสาวคนใหม่ เขารู้ดีว่าเธอเข้ามาในบ้านด้วยฐานะอะไร การเลี้ยงเด็กคนนี้ให้เติบใหญ่ไม่ใช่เป็นน้องสาวของหม่อมราชวงศ์กษิดิศ แต่เป็นเพียงหญิงรับใช้ที่ได้รับการศึกษา ไม่ให้คนอื่นมาดูแคลนว่ารับเลี้ยงเด็กเพื่อหนีความผิดจากคดีเมาแล้วขับ
ต่อจากนี้เธอคงต้องใช้ชีวิตโดยหลักการตนเป็นที่พึ่งแห่งตน บ้านหลังนี้ไม่ได้สวยหรูเหมือนภาพภายนอกที่วาดเอาไว้ ความอิจฉาริษยาขับเคลื่อนโดยเจ้านายผู้คุมบ้านทั้งหลัง...หม่อมราชวงศ์ภัทรวดี
“จันทร์ หนูชื่อจันทร์จ้ะ” เช็ดน้ำตาที่บดบังภาพตรงหน้า แล้วตอบพาซื่อจนเขานึกเอ็นดู
“หนูจันทร์...เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ มาอยู่ที่นี่พี่จะคอยดูแลปกป้องหนูจันทร์เอง คิดซะว่าได้พี่ชายเพิ่มดีไหม” เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้า จนเธอสะดุ้งก่อนยอมให้เขาเช็ดแต่โดยดี ขณะยิ้มกว้างแล้วมองพี่ชายคนใหม่ ลืมเรื่องหม่นหมองชั่วครู่
“ดีจ้ะ”
“เก่งแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วเห็นไหม...ถ้าอย่างนั้นกินข้าวดีกว่า กินข้าวแล้วอิ่มท้อง” ผละมือออกแล้วลุกจากพื้นเย็นเพื่อไปหยิบถาดอาหารมาวางตรงหน้าหล่อน เป็นครั้งแรกที่ป้อนอาหารคนอื่น ไม่นับรวมที่ช่วยลูกนกแล้วคอยป้อนน้ำป้อนนมจนมันเติบใหญ่ โผบินจากเขาไปแสนไกล
หวังว่าเธอคงจะไม่เป็นแบบนั้น...ในเมื่อหญิงสาวติดอยู่ในกรงแห่งนี้ที่เป็นเหมือนวิมาน